- ตอนที่ 14 มีพี่แบบนี่จะเครียดก็ไม่แปลกหรอก!
“นี่ หยานคุง..”
ได้ยินคำที่ฮินะงิคุเรียก วู่หยานแทบจะสำลักน้ำลายตาย
ถึงแม้สายตาเขาจะมองหนังสืออยู่ แต่ความเร็วในพลิกหน้ากระดาษก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด วู่หยานพูดว่า
“เธอสามารถเรียกฉันวู่หยานหรือจะหยานเฉยๆก็ได้ แต่ขอร้องอย่าเติม คุง เลย คนจีนเราเป็นแบบนี้แหละ ถ้าเธอเติมคุงเข้ามันจะฟังดูโง่ๆ ”
“โห? งี้นี้เอง ฉันเคยได้ยินมาว่าคนจีนจะเรียกกันด้วยชื่อต้น งั้นฉันจะเรียกนายว่า หยาน ส่วนนายก็เรียกฉันว่า ฮินะงิคุ ได้เลย”
เธอได้ทิ้งความรู้สึกไม่ดีต่อเข้าเมื่อกี่ไป แล้วพูดยิ้มๆให้วู่หนาน หลักจากที่ได้อยู่ด้วยสักพัก เธอก็พบจริงๆแล้วเขาคุยด้วยได้ง่ายมาก
วู่หยาน พยักหน้าตอบด้วยสีหน้าเฉยชา ทั้งสองคนไม่รู้สึกตัวว่าสำหรับคนญี่ปุ่น การเรียกชื่อต้นกันนั่นจะเฉพาะกับคนที่สนิทกันมากๆ เช่น คนที่อยู่ด้วยตลอดเวลา เพื่อนสมัยเด็ก หรือครอบครัว
และตอนนี้คนสองคนที่ยังเจอกันได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ได้เรียกชื่อต้นกันแล้ว
ทั้งสองไม่ได้สนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนี่อยู่แล้ว ที่วู่หยานไม่สนก็เพราะที่จีนแม้แต่คนที่เกลียดขี้หน้ากันก็ยังเรียกแบบนี่ ส่วนฮนะงิคุ เธอเป็นคนไม่ใส่ใจเรื่องเล็กแบบนี้อยู่แล้ว แม้แต่ในเนื้อเรื่อง ตอนที่เธอเจอฮายาเตะครั้งแรก เธอก็เรียกเขาว่า ฮายาเตะคุง เหมือนกัน
คุยกันไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ผ่านไป1ชั่วโมง วู่หนานก็อ่าน(มอง)จบ
วู่หยาน นึกถึงเนื้อหาที่อ่านมา แล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วก็ปืดหนังสือ
ฮินะงิคุ ช็อค “นะ..นายอ่านหมดแล้ว?”
“ใช้!จบแล้ว! แต่ถึงจะอ่านไม่หมด ฉันก็ไม่คิดจะอ่านต่อหรอกนะ นี่มันเลยเวลาพนันแล้วด้วย”
ฮินะงิคุสะดุ้ง แล้วหันไปมองนาฬิกาบนกำแพง มันผ่านไป1ชั่วโมงแล้ว เธอยิ้มอย่างขอโทษ เธอลืมเวลาไปเลย ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็น
“นี่นายอ่านหมดแล้วจริงๆ? ทั้งหมดเลยนะ?” ถึงแม้จะลืมเวลาไป แต่เธอก็ไม่ได้ลืมว่าตลอดหนึ่งชั่วโมงเธอชวนเขาคุยตลอด วู่หยานก็อ่านไปคุยไป ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหลือเชื่อ
คนๆนึงสามารถจำหนังสือหนา2-3เซนติเมตรรับ10เล่มได้ภายใน1ชั่วโมง ทั้งๆทีคุยไปด้วยได้ ไปบอกใคร ก็ไม่มีคนเชื่อแน่นอน
คนอื่นเธอไม่รู้ แต่ตัวเธอเองไม่เชื่อแน่
“ใช้ หมดเนียแหละ”
วู่หยาน รู้สึกสนุกที่ได้เห็นเธอทำหน้ายังกับเห็นผี แน่นอนว่าเขาคุยกับเธอระหว่างอ่านจริง แต่ด้วยผลของ ความจำสมบูรณ์ อะไรก็ตามที่ผ่านเข้ามาในสายเ เขาก็จะจำมันได้ทันที ดังนั่นปากก็พูดไปตาก็มองไป ไม่ได้ยากอะไรสำหรับเขาเลย
“อย่าโกหกฉันนะ ถ้านายสอบไม่ผ่าน นายก็แพ้พนันนะ ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่รู้เลยว่าจะสั่งอะไรดี” เธอรู้สึกผิดที่ไปชวนคุยรบกวนสมาธิเขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าตอนหลังเขานำนี้มาเป็นข้ออ้างว่าสอบไม่ผ่านเธอก็ยอมรับมัน
เห็นเขายืนยันว่าอ่านหมดจริง เธอเริ่มรู้สึกสงสัย
“ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อ งั้นลองหยิบหนังสือมาสุ่มถามฉันเป็นไง?”
วู่หยาน ตบอกตัวเองอย่างมั่นใจ
ฮินะงิคุเม้มปาก แล้วสุ่มหยิบหนังสือขึ้นมา สุ่มคำถาม จากตอนแรกสีหน้าเธอเฉยๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป
5นาทีผ่านไป เธอยังคงถามไม่หยุดแต่เขาก็ตบกลับมาทันที
เธอเริ่มรู้สึกสมองชา จากท่าทางเขา
ฮินะงิคุ วางหนังสือลง แล้วก็คอตก
“ฉันแพ้แล้ว…”
“ฉันยังไม่ไปสอบเลยนะ ไหงรีบยอมแพ้ละ?”
วู่หยาน รู้สึกสนุกกับการเห็นคนอื่นทุกข์ ไม่ใช้แค่เพราะเขามีความคิดหื่นต่อสาว2D อย่างเดียว แต่เขายังชอบรสชาติแห่งชัยชนะที่ได้จากเธออีกด้วย
ขณะท่ำท่าเจ็บใจที่แพ้อย่าเต็มประดา เธอพูดประท้วงออกมา
“ก็นายเล่นจำได้หมดเลยนี่ แล้วทำไมฉันจะเดาผลสอบไม่ได้?”
“โห ดูเหมือนตอนนี้เธอจะเชื่อว่าฉันจะสอบผ่านแล้วนะ”
“ใช้ ฉันคิด ใครจะไปรู้ว่านายเป็นอัจฉริยะ ไม่สิเป็นสัตว์ประหลาด นายจำเนื้อหาได้หมด ทั้งๆที่ใช้เวลาอ่านแค่1ชั่วโมง ฉันเริ่มสงสัยจริงๆว่าในหัวของนายมันทำมาจากอะไร”
ได้ยินเธอพูด วู่หยานก็ยิ้มแข็งๆ “สัตว์ประหลาดอะไรกัน ฉันก็แค่ความจำดีนิดหน่อย ถึงกับต้องเรียกว่าอัจฉริยะเลย?”
“ความจำดี? มันไม่ใช้แค่ดีนิดหน่อยนะ แต่มันโครตดีเลยตั้งหาก ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ดีกว่าคนที่ world recordบึนทึกไว้อีก นี่ยังไม่ใช้สัตว์ประหลาด?”
เธอกรอกตามองวู่หยาน ท่าทางเธอได้ช็อตหัวใจเขา (@อารมณ์ประมาณรูปด้านล่าง)
เสน่ย์ของ Kaichou-sama ไม่ใช้อะไรที่จะต้านทานได้จริงๆ…..
ตอนนี้ เขาก็ได้โบกมือไปมาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“โอเค ในเมื่อฉันกล้าพนันก็กล้าจ่ายเหมือนกัน พูดมาจะให้ฉันทำอะไร?” ฮินะงิคุ จ้องวู่หยานเขม็ง ทำให้เขาอดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้
ถึงแม้จริงๆแล้วเขาอยากให้เธอทำอย่างนู่นอย่างนี้ให้ แต่เขามั่นใจเลยว่าถ้าพูดออกเธอคงเดินไปหยิบดาบแถวนี่มาไล่ฟันเขาแน่
ดังนั่น วู่หยานจึงแค่ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า “ไม่รู้ ยังคิดไม่ออกเลย ถ้าคิดได้ฉันจะบอกละกัน”
เธอเอียงหัวไปด้านข้าง แล้วโบกมือ “’งั้นเอาเป็นว่า ฉันติดหนี้นายอยู่ละกัน ถ้านายนึกว่าอยากให้ฉันทำอะไรก็ค่อยมาบอก”
“ได้ๆ” วู่หยานยักไหล่อย่างเห็นด้วย
“ฉันจะพานายไปหาอาจารย์เอง ให้เธอช่วยจัดการสอบให้ ฉันมั่นใจเลยว่านายสอบได้แน่ๆ”
“อื้ม!” วู่หยานพนักหน้าอย่างคาดหวัง ปกติแล้วเขาไม่ชอบไปโรงเรียนก็ตาม แต่ตอนนี้มันต่างออกไป นอกจากเรื่องเควสระบบแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นโรงเรียนฮัคคุโอในตำนาน และนี่ก็ยังเป็นโลกอนิเมะ2D ในโรงเรียนนี่เขามันใจว่ามันต้องสนุกแน่ๆ
เห็นท่าทางตื่นเต้นของวู่หยาน ฮินะงิคุพยักหน้าอย่างพอใจ เดินนำเขาออกจากห้อง ขณะที่พูดด้วยรอยยิ้ม “’งั้นเราไปกันเถอะ ฉันจะพานายไปหาอาจารย์เอง แนะนำตัวเลยละกัน เธอคนนั่นเป็นพี่สาวฉันเอง”
ทันใดนั่นวู่หยานก็แข็งค้าง
โอ้ว เชีย….
ลืมยัยนั่นซะสนิทเลย….
“มีอะไรรึเปล่า?”
สังเกตเห็นเขาทำหน้าแปลกไป เธอเลยถาม
วู่หยานกรอกตา แล้วตอบเธออย่างกระอักกระอ่วน
“ถ้าอาจารย์ที่เธอพูดหมายถึงผู้หญิงหน้าประตู ฉันคิดว่าฉันเจอเธอแล้ว เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก”
ฮินะงิคุ ก็จำได้ทันที
“โอ้ ใช้ๆ วันนี้เธอไปเป็นการ์ดที่หน้าประตูพอดี ดังนั่นเธอก็ควรอยู่ที่นั่น”
บางที่อาจเป็นเพราะเห็นเขาทำหน้าแปลกๆ เธอจึงถามต่อ
“ทำไม? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ปากประตุก วู่หยานเค้นรอยยิ้มแห้งๆอกมา
“เอ่อ…จะพูดไงดีละ นิสัยของพี่สาวเธอออกจะ..ประหลาดไปนิด อยู่พี่เธอก็โจมตีฉันโดยไม่ดอกาศฉันอธิบายอะไรเลย และเธอก็ไม่คิดฟังเลยด้วย เอาแต่ไล่ต่อยฉันอย่างเดียว ฉันก็เลย….ก็เลย….”
ฮินะงิคุ เกิดลางสังหรณ์อัปมงคลขึ้น “เป็นไงต่อ?”
วู่หยานถอนหยาใจแล้วพูดว่า “ฉันมัดเธอไว้ แล้วทิ้งให้เธอเน่า!”
“…………….”
ฮินะงิคุ ยกมือมาปิดหน้าตัวเอง แสดงท่าทางเหนื่อยใจออกมา
“เฮ้อ…..พี่สาวยังเหมือนนิสัยเดิมเลย………”
……..
“Zzzzz…”
ที่หน้าประตู ทั้งสองคนยือนคู่กันมองไปที่พื้น วู่หยานริมฝีปากกระตุก ส่วนฮินะงิคุ ตรงขมับเธอมีตัวอักษร ‘井’ และมีเส้นเลือดปูดออกมาราวกับว่าเธอจะองค์ลงในไม่ช้านี้
ที่พื้นยูคิจิกำลังนอนกรนในท่าที่เขามัดเธอไว้ แผนที่ในปากเธอได้ร่วงลงมา ตาเธอปิดและหน้าอกเธอก็ยกขึ้นลงตามเธอหายใจ
ถ้งแม้ตาและปากจะปิด แต่จากสีหน้าสามารถบอกได้เลยว่ากำลังยิ้ม…
ยัยนี่…..ดันหลับซะได้……แถมดูเหมือนจะฝันดีด้วยซิ…………..
บนหน้าฮินะงิคุตัว ‘井’ ยิ่งเพิ่มขึ้น เส้นเลือดตรงขมับก็สั่น เธอสูดหายใจเข้าพร้อมกับกำหมัดแน่น
เห็นแบบนี้ วุ่หยานเหมือนนกรู้ รีบเดินถอยไปด้านหลัง และยกมือปิดหู นี่ก็เพื่อไม่ให้โดนลูกหลงไปด้วย
“Oneeeee-ccchhhaaannn!!!” (แปลว่า พี่สาว)
“ตู้ม!!”
เสียงดังนั่นสนั่น ต่อด้วยเสียงกระแทก และตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน ที่เกิดเหตุคือตรงประหน้าฮัคคุโอ ทำให้คนที่กำลงเดินผ่านไปมาสะดุ้งโหยง
วู่หยาน มองดูฉากที่น่าหลัวนี่ ในใจทำท่าไม้กางเขน
ขอให้พระเจ้าคุ้มครองนะ ยัยบ้า…….
ถ้าถามว่าทำไมไม่ใช้มือทำ? บ้าเถอะ ตอนนี้มือเขากำลังปิดหูอยู่…………..
หลังจากเสียงสถานการณ์ยุ่งๆผ่าน ก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
“พี่!! เมื่อไหร่จะทำดีๆแบบคนอื่นบ้างห่ะ!” ฮินะงิคุยืนพูดต่อหน่ายูคิจิ
“แต่…แต่ว่ามีคนมามัดพี่นี่ พี่เองร้องหาคนช่วยแล้วนะ แต่ไม่มีใครเลย พี่ก็เลยเบื่อ ดังนั่น…เลยกะจะงีบสักแปป….”
ดูเธอทำสีหน้าว่าตัวเองไม่ผิดนะ ถ้าไม่มีรอpช้ำตรงหัวของเธอ บางทีคนอื่นอาจจะสงสารเธอบ้างก็ได้
“ใครใช้ให้พี่ไปไล่ตีคนอื่นแบบนั่นละ แทนที่จะคุยกันดีๆ พี่เรียกนี้ว่างานของยามเฝ้าประตูงั้นเหรอ?” ฮินะงิคุยิ่งได้ยินพี่เธอพูดก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม พยายามสงบอารมณ์ พูดด้วยเสียงต่ำ
.”แต่….แต่ถ้าโดนบุกรุก พี่ก็โดนหักเงินเดือนสิ” ยูคิจิพูดประท้วงเสียงเบา
“……” ของเก่ายังไม่หายโกรธตอนนี้เธอยิ่งโกรธกว่าเดิมอีก
ฮินะงิคุ ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “พี่ค่ะ ผู้ชายคนนั่นมานี่เพื่อสมัครเรียน ยิ่งไปกว่านั่นฮัคคุโอเองก็มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง แล้วมันจะไปโดนบุกลุกง่ายๆได้ยังไงกัน นอกเสียจากจะมีพวกคนคิดลักพาตัวคุณหนูในโรงเรียน ไม่งั้นก็ไม่แอบเข้ามาหรอก”
“ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะ!” ยูคิจิ ประท้วง
“ถ้านายนั่นใช้ข้ออ้างสมัครเรียนเพื่อเข้าไปข้างในจะทำยังไง? ยังงี้พี่ก็โดนหักเงินสิ”
“แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ต้องใช้ความรุนแรงแทนที่จะคุยกันดีๆก่อน…”
“ไม่สน ตราบใดที่มันมีโอกาสทำให้พี่โดนหักเงิน มันต้องโดนกำจัด!”
ความโกรธของฮินะงิคุพุ่งพรวดขึ้นอีกครั้ง เธอตะโกนใส่ว่า
“คนอย่างพี่นี่นะ!!!”
ฮินะงิคุ ถอนหายใจแล้วชี้ไปที่วู่หยาน
”ตอนนี้ เขาจะมาสมัครเรียน เตรียมข้อสอบให้เขา เดียวนี้เลย!”
ยูคิจิ พยักหน้าอย่างสั่นๆ วู่หยานสงสัยจริงๆว่าเธอมาเป็นครูโรงเรียนฮัคคุโอได้ยังไงกัน
ฮินะงิคุพยายามสงบอารมณ์แล้วแล้วเดินพาพี่เธอปาวู่หยาน ยูคิจิก็เดินคอตกตามมา
มองไปที่ฉากตรงหน้า ที่ฐานะสลับกันจากพี่ไปเป็นน้อง น้องไปเป็นพี่ วู่หยานถอนหยาใจ
คงลำบากน่าดูเลยสินะ การที่มีพี่แบบนี้ แล้วจะรู้สึกเครียดมันก็เป็นเรื่องธรรมดา!