- ตอนที่ 324 นายจะรับคำท้าของฉันมั้ย
SGS บทที่ 324 – นายจะรับคำท้าของฉันมั้ย?
คนเป็นๆมาโผล่ด้านข้างตน แล้วมีเหรอที่วู่หยานจะไม่เห็นน่ะ?……
เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายกระโดดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่มันปุ๊ปปั๊ปเกินไปเลยทำให้เขาตอบสนองช้า แต่เมื่ออีกฝ่ายมาลงยังข้างตัวเขา วู่หยานก็ได้ตอบสนองรอเรียบร้อยแล้ว!
ทว่าไอ้คนที่บุกเข้ามาก็ดูเหมือนไม่คิดจะรอให้วู่หยานได้ตั้งตัว เมื่อเข้ามาใกล้ตัวได้มันก็ยกหมัดขึ้นชกใส่หน้าวู่หยาน!
และนี่ทำให้เกิดภาพแปลกๆขึ้นสำหรับคนดู……..
บิงเมียนที่ยืนนิ่งลูกตาหดตัวโดยตรงหน้ามีหมัดของวู่หยานชกออกมา และทางด้านวู่หยานก็กำลังโดนผู้มาใหม่ชกหน้าเหมือนกัน เกิดเป็นภาพสามเหลี่ยมแปลกๆขึ้น……
ทุกคนนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้ากระโดดขึ้นไปขวางการประลอง ไม่ใช่แค่นั้นยังโจมตีใส่ก่อนด้วย!
“ระวัง!” ฮินางิคุ มิโคโตะ และเฟยเฟยร้องออกมาพร้อมกัน (@ใครสงสัยลูลู่น้อยเราหายไปไหน เธอเวล44คงยังขึ้นมาชั้นนี้5ไม่ได้)
นัยน์ตาสีแดงของวู่หยานเป็นกระกายประหลาดใจ แต่ถึงจะประหลาดใจแค่ไหนเขาก็ไม่ได้ถอยหนี นัยน์ตาเปร่งประกายวูบด้วยความโกรธ จากนั้นหักโค้งเปลี่ยนทิศทางหมัดที่กำลังชกหน้าบิงเมียนไปยังหมัดที่คนลึกลับชกออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ!
นี่คือความพิเศษของวิถียุทธอมตะ มันทำให้ร่างกายและเทคนิควิชาที่มีผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าตัวผู้ใช้จะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็สามารถปลดปล่อยพลังในการสู้รบออกมาได้เต็มพิกัด และนี่จึงทำให้วู่หยานสามารถเปลี่ยนโมเมนตัมจากเส้นให้โค้งกลับไปประสานหมัดกับอีกฝ่ายได้!
“ตู้ม!”
หมัดปะทะหมัด ทำให้เกิดกระแสลมแรงปะทุออกมาจากจุดศูนย์กลางแล้วพัดกระจายออกไปทั่วทิศทาง! นี่ทำให้ใครหลายคนจำต้องยกมือขึ้นมาบังตาจากลมที่แรงดุจพายุนี้!
นัยน์ตาสีแดงกลายเป็นเย็นชา จากที่หมัดนี้หมัดเดียวทำให้วู่หยานรู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่เก่งยิ่งกว่าไอ้บิงเมียน แทบจะเทียบได้กับเฟยเฟยเลย!
วู่หยานคิด ในเมื่อเอ็งกล้าขึ้นมาขัดจังหวะการประลอง แถมยังกล้าคิดจะชกหน้าหล่อๆตูอีก งั้นก็อย่าคิดว่าตูจะไว้หน้าเอ็งนะโว้ย! ทันใดนั้นวู่หยานก็รวบร่วมแรงจากภายในตัวแล้วถ่ายเทไปยังหมัดที่ปะทะ!
“เปรี้ยง!”
คลื่นลมลูกใหม่ที่แรงกว่าเดิมได้ระเบิดออกมา อีกฝ่ายพยายามเกร็งแขนต้านหมัดวู่หยานทว่าก็โดนดันกลับมาเรื่อยๆ เขาสู้แรงวู่หยานไม่ได้!
“ตู้ม!”
หมัดวู่หยานกระแทกแขนอีกฝ่ายจนสะบัดไปด้านหลังทำให้เจ้าตัวจำต้องถอยหลังหลายสิบก้าวเพื่อสลายแรง ก่อนที่จะ….ลงไปนั่งทรุดเข่ากับลานประลอง……
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของทุกคน ชายผู้นี้ได้ยกมือข้างที่ประสานหมัดกับวู่หยานขึ้นมาดู ที่เห็นคือมือที่สั่นระริกและดูเหมือนจะเหน็บชากินไปแล้ว…..
“…เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งมาก…..”
ในเวลานี้เองกรรมการก็ได้เหลือบมองชายที่คุกเข่า จากนั้นพูดขึ้นว่า “การประลองครั้งนี้มีผู้แทรกแซง ดังนั้นข้าขอประกาศว่า บิงเมียน ได้เสียสิทธิ์การต่อสู้ การประลองครั้งนี้ผู้ชนะคือ วู่หยาน!”
กรรมการพูดต่อ “เนื่องจากฝั่งผู้แพ้มีอันดับสูงกว่า ดังนั้นนักเรียนพิเศษ วู่หยาน จึงได้รับอันดับของบิงเมียน และได้กลายเป็น ผู้ครองบันลังค์อันดับที่25คนใหม่!”
เสียงของกรรมการได้ดังก้องไปทั่วทั้งชั้น และนี้ได้ปลุกใครหลายคนยังนิ่งอึ้งตามสถานการ์ไม่ทัน ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงระบบดังขึ้นในหัววู่หยาน………
‘ติ๊ง!ขอแสดงความยินดีกับยูสเซอร์ที่ชนะผู้ครองบันลังค์อันดับที่52และกลายเป็นผู้ครองบันลังค์อันดับที่25คนใหม่! เควสขึ้นเป็นผู้ครองบันลังค์30อันดับแรกสำเร็จ! ได้รับ แต้มอุปกรณ์และแต้มไอเท็ม80,000แต้มอบิลิตี้และแต้มอัญเชิญ 40,000!’
‘ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี! ยูสเซอร์เลเวลอัพ! ปัจจุบันเลเวล68!’
ได้ยินเสียงประกาศเลเวลขึ้นที่ไม่ได้ยินเสียนาน แต่วู่หยานก็ไม่ได้ให้ความสนกับมันมากนัก เขากำลังมองคนที่เข้ามาแทรก
“….นาย เป็นใครกัน….”
ได้ยินเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน และนี่ทำให้ทุกคนได้เห็นใบหน้าชัดๆของเขา หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงอุทานด้วยความประลาดใจมากมาย
ในหมู่คนเหล่านี้ คนที่ดูจะประหลายใจที่สุดเห็นจะเป็นบิงเมียน คราแรกบิงเมียนทำหน้าอึ้งๆแล้วเปลี่ยนเป็นดีใจ
“ท่านพี่!”
“พี่?” วู่หยานขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีแดงสแกนตัวอีกฝ่าย
ไป่หลิง ไซโตะ : เลเวล68
คิ้วที่ขมวดของวู่หยานคลาย จากนั้นเขาก็พูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย “ในเมื่อเป็นพี่ชาย งั้นนายก็คงจะเป็นหัวหน้าที่แท้จริงของ ธารเหมันต์ สินะ? ไอ้คุณชายใหญ่ผู้สืบทอดตระกูลไซโตะ……”
ไป่หลิงมองบิงเมียนที แล้วหันมาพูดว่า
“ฉันยังไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลแล้วน่ะ แต่….ฉันเป็นผู้นำคนปัจจุบันของ ธารเหมันต์ จริง…..”
วู่หยานยิ้มเย็นชา “ถ้างั้นไอ้คุณหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ทราบว่าสามารถบอกฉันคนนี้ได้มั้ยว่าทำไมถึงได้ขึ้นมายุ่งวุ่นวายการต่อสู้ของฉันกับน้องชายนาย?”
ได้ยิน ไป่หลิงก็ยิ้ม “ก็อย่างที่นายพูดน่ะแหละ ในเมื่อเขาเป็นนายชายของฉัน แล้วฉันจะไปยืนดูเขาได้รับบาดเจ็บได้ยังไงล่ะ”
วู่หยานหัวเราะลั่นหัวส่ายไปมา เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย นี่ทำให้สีหน้าไป่หลิงมืดมัว…….
“มีอะไรน่าหัวเราะกัน!”
“มีสิ! มีแน่อยู่แล้ว!!” วู่หยานไอค่อกไอแค่ก ก่อนจะผุดยิ้มส่งให้ไป่หลิง “เพื่อช่วยน้องชายสินะ? เหตุผลดีนี่ฟังดูเข้าท่าสุดๆ แต่…. ถ้าไม่มีไอ้หมัดเมื่อกี้ล่ะก็…มันคงจะดูน่าเชื่อถือกว่านี้อีกน่ะนะ……”
ไป่หลิงเบอกตากว้างขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดได้อะไรอีก เขาชกวู่หยานเรื่องนี้คนทุกคนเห็นหมด แล้วเขาจะไปแก้ตัวอะไรได้อีก
ตอนนี้เอง เฟยเฟยก็เดินนำฮินางิคุกับมิโคโตะขึ้นมา จากนั้นเฟยเฟยก็พูดน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไป่หลิง นายขึ้นมาขัดขวางการประลอง ไม่กลัวว่าทางโรงเรียนจะลงโทษหรือไง?”
ไป่หลิงหัวเราะแบบไม่แคร์ เขาหันไปมองกรรมการพร้อมพูดว่า “แล้วมันมีใครบาดเจ็บหรือเปล่าล่ะ? ตามกฎของหอคอยถ้าไปขัดขวางการประลองโดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ บทลงโทษก็คือหักแต้ม(S)100,000 แค่แต้มไป่หลิงผู้นี้จ่ายให้ได้!!”
พูดเสร็จ ไป่หลิงก็หยิบบัตร์ประจำตัวออกมาแล้วโยนไปให้กรรมการ ท่าทางไม่เห็นหัวใครนี้ได้ทำให้ ฮินางิคุและมิโคโตะโมโหขึ้นมา บนหน้าผากมิโคโตะกระทั่งมีกระกายไฟฟ้าแล่บออกมาแล้ว!
“โห ช่างน่ากลัวจริงๆ คุณผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นนักเวทย์ธาตุสายฟ้าที่หายากมากๆสินะ แหม่ ทำไมเธอไม่มาเข้ากับ ธารเหมันต์ ล่ะ? ฉันรับรองเลยเธอจะได้ผลประโยชน์มหาศาล!”
“ไอ้เจ้านี่…..” ประกายไฟฟ้าโผล่ออกมามากว่าเดิม มิโคโตะมีสีหน้าโกรธ เธอกำลังจะก้าวเข้าไปแต่ก็ถูกวู่หยานหยุดไว้ก่อน
ดึงมิโคโตะไปด้านหลังตน วู่หยานมองไป่หลิงที แล้วมองบิงเมียน จากนั้นพูดใส่ไป่หลิง
“ฉันเข้าใจแล้ว ดูเหมือนคุณหัวหน้าจะรวยมากๆเลยสินะ แต่ฉันสงสัยจังว่านายจะมีแต้มมากพอให้หักอีกสักกี่ครั้งกัน? หึๆ นายคงไม่คิดจะมาขัดขวางการประลองรอบต่อไปของฉันอีกหรอกนะใช่มั้ย?”
ไป่หลิงหัวเราะ
“เป้าหมายของฉันคือช่วยน้องชายก็เท่านั้น แน่นอนว่าย่อมไม่ไปก้าวก่ายการประลองอีกรอบแน่…….”
วู่หยานหัวเราะกลับ แล้วเบ้ปากใส่บิงเมียน “ถ้างั้นก็รีบๆย้ายก้นลงไปได้แล้ว! ทำคนคนอื่นเขาเสียเวลาอยู่ได้!”
“เมื่อกี้แกว่าไงนะ!!” บิงเมียนคำรามออกมา ทำท่าจะก้าวเข้ามาสู้ต่อแต่ก็โดนไป่หลิงหยุดไว้
ด้วยสีหน้ามืดขรึม บิงเมียนพูดใส่วู่หยาน “……ในฐานะผู้แพ้ น้องชายฉันย่อมไม่มีคุณสมบัตยืนอยู่บนลานประลองต่อ…..”
“แต่ว่านะ……”
ไป่หลิงหรี่ตาลงแล้วพูดต่อว่า “ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นน้องฉัน ถ้าไม่ช่วยกู้หน้าให้น้องหน่อยก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่……”
“นาย….จะรับคำท้าประลองของฉันมั้ย?”