ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 240 ยุทธภพไม่มีเจ้านาย-2
บทที่ 240 ยุทธภพไม่มีเจ้านาย-2
เด็กหญิงย่ำปลายเท้าเดินลับๆ ล่อๆ มาข้างดอกกุหลาบจีนต้นหนึ่ง
เห็นว่ารอบด้านไม่มีคนจึงยื่นมือเล็กที่อวบเล็กน้อยเด็ดกุหลาบจีนที่บานสีสดและดอกใหญ่ที่สุด
เด็กหญิงถือกุหลาบจีนดอกนี้ไว้ใต้จมูกและสูดดมลึกๆ
ยามนี้มุมของแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องบนกายครึ่งหนึ่งของเด็กหญิงพอดี
มือกระบี่ขี้เหล้าเห็นจมูกคิ้วตาของนางล้วนงดงามอย่างยิ่ง
แม้ไม่ค่อยเหมือนคนที่มอบกระบี่ให้ตน แต่กลับเหมือนลูกของตนกับนางในวันหน้าไม่น้อย
เขาหัวเราะเสียงดังอย่างทึ่มทื่อ
เด็กน้อยที่เล่นน้ำอยู่ข้างแม่น้ำนึกว่าเขาเป็นคนบ้า
พากันสาดน้ำใส่เขา
บางคนสาดจนถึงใบหน้าเขา
แต่มือกระบี่ขี้เหล้าไม่ได้สนใจ
เขาเช็ดน้ำบนหน้าด้วยแขนเสื้อ
เห็นสีของชุดน้ำเงินนี้เข้มกว่าเดิมเพราะเปียกน้ำ
หากความสัมพันธ์กับความรู้สึกของคนเรียบง่ายและลึกซึ้งเช่นนี้จะดีเพียงใด
แต่ความรู้สึกที่ลึกซึ้งได้ง่าย ตอนจืดจางก็จะเร็วยิ่งขึ้น
………………………
มือกระบี่ขี้เหล้าเคยเจอคนให้กระบี่แค่ครั้งเดียว
แต่ไม่ว่าเป็นใบหน้าหรือมือของนาง แม้กระทั่งเสียงของนางก็เรียกได้ว่างามที่สุดในยุค
แม้มือกระบี่ขี้เหล้าจะไม่รู้จักสตรีมากมาย
หญิงงามที่เขาเคยเจอ
จะมากหรือน้อยก็มีจุดบกพร่องเล็กน้อย
หากไม่ขนคิ้วหนาเกินไป
ก็สันจมูกโด่งเกินไป
ไม่มีใครงดงามสมบูรณ์แบบเหมือนนาง
กระทั่งเสียงของนางยังเหมือนกระดิ่งเงินที่ลมกลางคืนพัดดังยามโพล้เพล้
ใสไพเราะ
ไม่รู้สึกแสบหูแม้แต่น้อย
เสียงเช่นนี้เข้าคู่กับดวงหน้าเช่นนี้
ต่อให้ปากพ่นแต่คำหยาบก็ทำให้คนผ่อนคลายยิ่ง
อย่างน้อยมือกระบี่ขี้เหล้าก็หวังจะได้คุยกับนางอีกสองสามประโยค แม้ถูกด่าก็ยังดี
เพียงแต่บุรุษล้วนโลภนัก
ได้ยินเสียงไพเราะก็อยากพูดคุยอีกหลายประโยค
เห็นใบหน้างามก็อยากจ้องไม่ละสายตา
ทว่าพอได้ยินเสียงได้เห็นใบหน้าแล้วก็มักจะคิดเพ้อฝัน
ใจเริ่มใฝ่หาเสน่ห์เหลือล้นใต้ชายกระโปรงนั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
ตอนมือกระบี่ขี้เหล้าเจอนางครั้งแรกและเพียงครั้งเดียว
นางเพิ่งฆ่าคนเสร็จ
ข้างหลังนางมีศพถูกแก้ผ้านอนอยู่สามร่าง
สีหน้าของพวกเขาสงบยิ่ง
อาจกำลังหลงใหลในความงามของสตรีผู้นี้แล้วก็หยุดค้างลงตรงนั้นโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่สตรีโฉมงามยังไม่เสร็จงาน
นางถือกระบี่
ตัดเสื้อผ้าบนตัวสามคนนี้ออกทั้งหมด
จากนั้นฟันผิวหนังทุกชุ่นบนตัวพวกเขาไม่ให้เหลือ
เห็นเลือดสดไหลพุ่งออกมาถึงได้หยุดมือหัวเราะลั่น
พอหันมา นางก็เห็นมือกระบี่ขี้เหล้าคนนี้ยืนอยู่ข้างหลังตน
สายตาแวววาม
สี่นัยน์ตาสบกัน
นางยิ้มสดใส ไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด
“งดงามหรือไม่”
สตรีโฉมงามเอ่ยถาม
“งดงาม!”
มือกระบี่ขี้เหล้าพยักหน้ากล่าว
สิ่งที่สตรีโฉมงามถามคือวิธีฆ่าคนและรูปแบบการตายของศพสามร่างบนพื้น
แต่สิ่งที่มือกระบี่ขี้เหล้าตอบกลับหมายถึงตัวนาง
แต่ไม่ว่าเป็นความงามแบบไหน
สุดท้ายสตรีโฉมงามยังได้รับคำตอบที่ตัวเองอยากได้
มือกระบี่ขี้เหล้าไม่ได้เจ้าชู้
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมองนางแวบเดียวก็ทำให้เขาละทิ้งตัวเองได้
ถึงขั้นมองข้ามจิตใจโหดเหี้ยมของสตรีโฉมงาม และตกหลุมรักทั้งกายใจ
“เจ้าชอบเหมือนกันหรือ”
สตรีโฉมงามเอ่ยถามอีก
“ข้าก็ชอบ”
มือกระบี่ขี้เหล้าตอบ
เขาเหมือนทิ้งความสามารถในการคิดใคร่ครวญไปหมดแล้ว
สตรีโฉมงามพูดอะไรเขาก็ว่าตามนั้น
แม้หลังจากนี้นางบอกให้เขาไปฆ่าตัวตาย มือกระบี่ขี้เหล้าก็คงชักกระบี่แทงคอหอยตัวเองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“เช่นนั้นเจ้าต้องจำไว้ ต่อไปฆ่าคนก็ต้องทำเช่นนี้!”
สตรีโฉมงามกล่าว
นางใช้นิ้วชี้มือขวาปัดขมับครั้งหนึ่ง
ตรงขมับมีเลือดตอนฆ่าคนเมื่อครู่กระเด็นใส่หยดหนึ่ง
ตอนนี้เลือดหยดนี้ก็อยู่บนปลายนิ้วของนาง
นางเอาเข้าปากโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
จากนั้นเกิดเสียงดัง ‘จ๊วบ’
สตรีโฉมงามเลียปาก
หมุนกายเตรียมจากไป
มือกระบี่ขี้เหล้ากลับเดินตามอยู่ข้างหลังนางทุกจังหวะหลายสิบก้าว
“ข้าจะกลับบ้าน เจ้าล่ะ”
สตรีโฉมงามเอ่ยถามโดยไม่หันกลับมามอง
“ข้าก็จะกลับบ้านเหมือนกัน”
มือกระบี่ขี้เหล้ากล่าว
“ถนนสายนี้มีแค่บ้านข้า บ้านเจ้าอยู่ไหน”
สตรีโฉมงามเอ่ยถาม
มือกระบี่ขี้เหล้าเงียบไม่เอ่ยคำ
เขาไม่มีบ้าน
สี่สมุทรล้วนเป็นบ้าน
“เดินต่อไปอีก เจ้าก็กลับบ้านเดียวกับข้าแล้ว”
สตรีโฉมงามกล่าว
มือกระบี่ขี้เหล้าจึงหยุดฝีเท้าฉับพลัน
เขาตบศีรษะตัวเอง
รู้สึกไม่ควรหยาบคายเช่นนี้เลยจริงๆ
สตรีโฉมงามได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังหยุดลง นางก็หยุดเช่นกัน
เพียงแต่นางก้มตัวถอดรองเท้า
จากนั้นถอดถุงเท้าอีก
มือกระบี่ขี้เหล้าเห็นเท้าของนางสวยกว่ามือของสตรีส่วนใหญ่
ความขาวเช่นหิมะทับถมนั้นเติมเต็มทั้งกายใจเขาในฉับพลัน
เขาหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อยทันที
“ต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นในนี้ล้วนเติบโตมากับข้า ข้าจึงไม่อยากเอาพื้นรองเท้าไปเหยียบพวกมัน”
สตรีโฉมงามกล่าว
นางถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วยัดถุงเท้าไว้ในนั้น
จากนั้นเกี่ยวไว้ด้วยสองนิ้วมือซ้ายและลุกขึ้นเดินต่อไป
เห็นฉากนี้
มือกระบี่ขี้เหล้ารู้สึกขึ้นมาอีกว่าบนโลกนี้มีสตรีจิตใจดีเช่นนี้ได้อย่างไร
นางยอมให้ตัวเองเดินเท้าเปล่าเพื่อไม่ให้ดอกไม้ใบหญ้าเหล่านี้เสียหาย
และอากาศตอนนั้นเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงสามปีก่อน
พื้นดินยังคงหนาวเย็นมาก
มือกระบี่ขี้เหล้าปวดใจเล็กน้อย…
เขาห่วงว่าเดินต่อไปเช่นนี้เท้าของนางจะแข็งเจ็บไปเสียก่อน
ถึงขั้นลืมความบ้าคลั่งเมื่อครู่ที่นางทำกับศพสามร่างนั้นหลังจากฆ่าหมดสิ้น
ดังคาด
ดวงตาของคนยินดีเห็นสิ่งที่ตนอยากเห็น
สมองของคนยินดีจดจำแค่สิ่งที่ตนอยากจำ
เช่นเดียวกับใจของคน มันก็ยินดีเชื่อและเห็นใจแค่สิ่งที่อยากเชื่อและอยากเห็นใจเท่านั้น
สามคนนั้นต้องเป็นคนชั่วจนไม่น่าอภัยเป็นแน่
สุดท้ายตกอยู่ในจุดจบเช่นนี้ก็เป็นความผิดที่พวกเขาสมควรได้รับ
มือกระบี่ขี้เหล้าคิดในใจเช่นนี้
แก้ต่างให้สตรีโฉมงามผู้นี้เรียบร้อย
คิดถึงตรงนี้มือกระบี่ขี้เหล้าก็เตะรองเท้าสองข้างทิ้งด้วย
เขาไม่ได้ใส่ถุงเท้าอยู่แล้ว
ตอนนี้จึงเหมือนลดขั้นตอนยุ่งยากลงไป
“เจ้าไม่ได้มีความรู้สึกกับพวกมันเสียหน่อย ทำไมต้องเลียนแบบข้า”
สตรีโฉมงามได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากข้างหลังจึงเอ่ยถาม
“ข้าแค่อยากทำเช่นนี้”
มือกระบี่ขี้เหล้ากล่าว
สตรีโฉมงามโยนกระบี่ในมือไปข้างหลังและกล่าว
“รอเจ้าฆ่าคนแบบนั้นได้แล้วค่อยว่ากัน”
“ฆ่าคนแบบนั้นไม่ยาก ข้าทำเป็นแล้ว”
มือกระบี่ขี้เหล้ากล่าว
“ฆ่าคนทั่วไปไม่ยากอยู่แล้ว ที่ยากคือฆ่าคนมีชื่อเสียง”
สตรีโฉมงามกล่าว
“คนแบบไหนถึงจะนับเป็นคนมีชื่อเสียง”
มือกระบี่ขี้เหล้าเอ่ยถาม
“นามสะเทือนทั่วทิศ ชื่อสะเทือนใต้หล้า”
สตรีโฉมงามกล่าว
“สังหารคนนามสะเทือนทั่วทิศ ข้าก็นามสะเทือนทั่วทิศไม่ใช่หรือ สังหารคนชื่อสะเทือนใต้หล้า ข้าก็ชื่อสะเทือนใต้หล้าไม่ใช่หรือ”
มือกระบี่ขี้เหล้าย้อนถาม
“นามสะเทือนทั่วทิศ ชื่อสะเทือนใต้หล้าไม่ดีหรอกหรือ”
สตรีโฉมงามเอ่ยถาม
“มีอะไรดี”
มือกระบี่ขี้เหล้าไม่เข้าใจ
“คนนามสะเทือนทั่วทิศ ชื่อสะเทือนใต้หล้าล้วนเป็นวีรบุรุษ”
สตรีโฉมงามกล่าว
“วีรบุรุษ? ข้าไม่เคยคิดมาก่อน…”
มือกระบี่ขี้เหล้ากล่าว
“เจ้าไม่เคยคิด แต่ข้าเคย เคยคิดจนถึงขั้นคิดอยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน”
สตรีโฉมงามกล่าว
“เจ้าอยากเป็นวีรบุรุษหรือ”
มือกระบี่ขี้เหล้าเอ่ยถาม
“ไม่ ข้าไม่อยาก”
สตรีโฉมงามกล่าว
มือกระบี่ขี้เหล้าฉงนกว่าเดิม
เขาไม่เข้าใจว่าสตรีโฉมงามพูดอะไรอยู่กันแน่
หรือแค่เพราะเดินถนนแล้วเกิดเบื่อเล็กน้อยจึงพูดอะไรแก้กลุ้ม
“สิ่งที่ข้าคิดคือ หญิงงามชอบวีรบุรุษ”
สตรีโฉมงามไม่ได้ยินมือกระบี่ขี้เหล้าต่อบท จึงทิ้งช่วงและกล่าวต่อ
มือกระบี่ขี้เหล้ายิ้ม
ตอนนี้นับว่าเขาเข้าใจความหมายของสตรีโฉมงามแล้ว
“ข้าจะกลายเป็นวีรบุรุษ”
มือกระบี่ขี้เหล้ากล่าวพลางเก็บกระบี่ที่นางโยน
“งั้นหรือ…แต่ไม่รู้ว่าต้องนานเท่าไร”
สตรีโฉมงามกล่าว
“เจ้ารอได้นานแค่ไหน”
มือกระบี่ขี้เหล้าเอ่ยถาม
“สามปี”
สตรีโฉมงามตอบโดยไม่ลังเล
“เหตุใดจึงระบุชัดเช่นนี้”
มือกระบี่ขี้เหล้าเอ่ยถาม
“เพราะอีกสามปีข้าจะกลับไปจุดที่ฆ่าสามคนนั้นเมื่อครู่ ดูว่าเนื้อพวกเขาเน่าหมดหรือยัง กระดูกละลายหรือยัง”
สตรีโฉมงามกล่าว
มือกระบี่ขี้เหล้าพยักหน้าทันที
เขาเห็นสวนดอกไม้แห่งหนึ่งตรงหน้า
สวนดอกไม้ที่แม้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ยังคงผลิบานสีสันงดงาม
“ขอเพียงเจ้าตั้งใจ อะไรก็สำเร็จได้ ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจให้พวกมัน พวกมันจึงยินดีอยู่กับข้ามาจนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง”
สตรีโฉมงามกล่าว
ตอนเขาเห็นเงาร่างของสตรีโฉมงามค่อยๆ หายลับไปในสวนดอกไม้
แดดยามเย็นก็เพิ่งหมดไปเช่นกัน
เหมือนอากาศในตอนนี้ไม่ผิดเพี้ยน
เพียงแต่แจ่มใสมากกว่าตอนนี้
ตั้งแต่วันนั้น มือกระบี่ขี้เหล้ารู้สึกอากาศที่ไหนก็สู้เขตเจิ้นเป่ยอ๋องไม่ได้ ดอกไม้ที่ไหนก็ไม่อาจเทียบดอกไม้ในสวนของสตรีโฉมงาม
……………………..
เด็กๆ ริมแม่น้ำกลับบ้านหมดแล้ว
เสียงเล่นสนุกเงียบลง
ในร้านสุราเสียงคนเอ็ดอึง
มือกระบี่ขี้เหล้าหมุนกายเตรียมเดินกลับถนนสายยาวอีกครั้ง
เขาสืบถามชัดเจนแล้ว
เดินถนนยาวสายนี้สุดฝั่งตะวันออกแล้วเลี้ยวขวาก็เป็นวังติ้งซีอ๋อง
……………………………………