ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 263 จากไปพร้อมรอยยิ้ม-5
บทที่ 263 จากไปพร้อมรอยยิ้ม-5
ครั้นเหล่าทหารแจกจ่าย ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ เสร็จสิ้น
ซือเฟิงยกสุราขึ้นดื่มอวยพรให้กลุ่มวาณิชทีละคนก่อน แล้วแสดงท่าทางต่ออวี้หรงเล็กน้อย
จากนั้นไม่สนใจจื่อเหวินอย่างสิ้นเชิงและดื่มหมดรวดเดียว
จื่อเหวินยิ้มขำ หาได้ใส่ใจไม่
ชูจอกสุราให้ทุกคนและดื่ม ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ จอกนี้
ทว่าทันทีที่สุราเข้าปาก จื่อเหวินพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพราะว่า ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ นี้จืดชืดเกินไป!
แม้เขาจะรู้ว่าปกติแล้วสุราในอาณาจักรอ๋องจะหมักได้ละเมียดละไมยิ่งกว่าเขตทุ่งหญ้าอีก
แต่ก็ไม่ได้ถึงกับจืดชืดเพียงนี้
หาก ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ นี้มีรสชาติเช่นนี้จริงๆ ซ่างกวนซวี่เหยาเจิ้นเป่ยอ๋องจะจัดให้มันเป็นอันดับหนึ่งใน ‘สามสุดยอดแห่งเจิ้นเป่ย’ ได้อย่างไร
จื่อเหวินแหงนหน้ามอง
ไม่เพียงแต่เขา
แม้แต่กลุ่มวาณิชของอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง รวมถึงผู้นำหน่วยใหญ่อวี้หรงต่างเผยสีหน้างุนงง
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะปัญหาเรื่องสุรานี้
ขณะนั้นในใจพลันสงบเยือกเย็นอยู่หลายส่วนทีเดียว
ลิ้นของเขาไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรเสียก็ไม่ได้มีเพียงตนที่ขมวดคิ้ว
กลุ่มวาณิชเหล่านั้นเกรงว่าจะรู้กิตติศัพท์มานานแล้ว แต่พวกเขาเป็นแขกเยือน
แขกแล้วแต่เจ้าบ้าน ไหนเลยจะกล้าปริปากเอ่ยตามใจชอบเล่า
แต่หากตนแสร้งเลอะเลือนมันก็ไม่สมเหตุสมผลนัก
“ขอถามผู้นำหน่วยสาม สุรานี้เป็น ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ จริงหรือ”
จื่อเหวินถามพลางชี้จอกสุรา
“แน่นอน! นี่เป็น ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ ของแท้!”
ซือเฟิงกล่าว
อวี้หรงลิ้มรสสุราก็ดูออกว่ามันผิดปกติ
แม้จะไม่ใช่สุราของทุ่งหญ้า แต่นี่ไม่น่าจะใช่ ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ เป็นแน่
“เฮ้อ…”
จื่อเหวินถอนหายใจหลังได้ยินวาจาของซือเฟิง
“สุรานี้ยังดื่มไม่ถึงสามรอบด้วยซ้ำ ไฉนจู่ๆ ผู้นำหน่วยรองจึงถอนหายใจแล้วเล่า”
ซือเฟิงถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“ข้าเสียมารยาทแล้ว…แต่ข้าเพียงถอนหายใจว่าในอาณาจักรอ๋องนี้เต็มไปด้วยคนจำพวกไร้แก่นสารที่พยายามใช้วิธีการไม่ชอบ เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ!”
จื่อเหวินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแสร้งทำเป็นทอดถอนใจลึกๆ และกล่าว
“ผู้นำหน่วยรองเอ่ยวาจานี้ที่ใดเล่า”
ประโยคนี้ทำให้หัวหน้ากลุ่มวาณิชไม่พอใจเล็กน้อย
แม้เขาจะไม่โต้แย้งโดยตรง แต่หากไม่ปริปากเอ่ยถามอ้อมๆ เช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้อาณาจักรเจิ้นเป่ยอับอายขายหน้าเป็นแน่
มันไม่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาของพวกเขาในภายภาคหน้าใดๆ
หากเคารพผู้อื่น ผู้อื่นย่อมเคารพตอบ
แต่หากยอมถอยหนึ่งก้าว ย่อมต้องถอยหลังอีกสามหรือห้าก้าวเพื่อชดเชย
วาณิชให้ความสำคัญกับผลประโยชน์
ดีดลูกคิดคำนวณเก่งที่สุด
เขารอให้คนในกลุ่มวาณิชเอ่ยปาก
หากพวกเขาไม่ปริปากเอ่ย ซือเฟิงและอวี้หรงก็จะไม่ตอบ
เรื่องนี้ก็จะถูกปัดตกไปเช่นนี้
แต่ตอนนี้คนในกลุ่มวาณิชตอบรับคำพูดนี้แล้ว
ตนก็จำเป็นต้องกล่าวต่อไป
แม้ว่าผู้นำหน่วยใหญ่อวี้หรงจะไต่ถามเอาความจากข้าก็ไม่ง่ายนัก
“แน่นอนว่าข้าหาได้เอ่ยถึงแขกผู้มีเกียรติไม่ ข้าเพียงรู้สึกว่า ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ นี้ดูไม่สมชื่อเสียงเรียงนามเล็กน้อย…ชื่อนี้ช่างกึกก้องดุจฟ้าร้องพุ่งทะยานสู่สวรรค์ชั้นเก้าจริงๆ แต่ไฉนดื่มเข้าปากแล้วรสชาติจืดชืดเล่า…ดูเหมือนจะสู้สาโทของทุ่งหญ้าข้าไม่ได้!”
จื่อเหวินกล่าวพร้อมกับดื่มจิบเล็กๆ
ละเมียดลิ้มรส
จากนั้นส่ายศีรษะ
“นี่…อันที่จริงข้าก็ลิ้มรสได้ว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปเช่นกัน บางทีผู้นำหน่วยสามอาจไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในอาณาจักรเจิ้นเป่ย ถูกร้านสุราไร้ยางอายหลอกลวงเข้าแล้วกระมัง! ต้องรู้ไว้ว่าถึงแม้ ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ จะโด่งดังแต่ก็ผลิตออกมาน้อยยิ่งนัก ทั้งนี้ในอาณาจักรเจิ้นเป่ยมีของปลอมถมเถไป ไม่อาจกล่าวตำหนิผู้นำหน่วยสามได้!”
หัวหน้ากลุ่มวาณิชกล่าว
คิดไม่ถึงว่าจะช่วยแก้ตัวให้ซือเฟิง
แต่จื่อเหวินรู้แน่ชัด
ยิ่งเป็นเช่นนี้ ในเวลานี้ก็ยิ่งแสดงว่าใจของเขากำลังสั่นคลอน
เพียงรอตนเติมฟืนเข้าไป ให้ไฟลุกไหม้ขึ้นอีกหน่อย
พวกเขาก็จะได้รู้ว่าผู้ใดได้เปรียบและเหนือกว่าในหน่วยกลืนจันทรานี้
“ฮะๆ ฮ่าๆ! ทุกท่านล้วนเป็นยอดนักดื่มสุราดังคาด! โดยเฉพาะผู้นำหน่วยรอง คิดไม่ถึงว่าจะพบความผิดปกติของสุรานี้ได้รวดเร็วเพียงนี้!”
นี่กลับทำให้จื่อเหวินคาดไม่ถึงไปบ้าง
เขาคาดเดาการแสดงออกที่พอจะเป็นไปได้ของซือเฟิงหลายแบบ
ละอายใจ ยอมรับผิด หรืออับอายโมโหเดือดดาล
แต่สิ่งเดียวที่ไม่คาดคิดก็คือการยอมรับอย่างเถรตรงดังเช่นเมื่อครู่นี้
ยิ่งกว่านั้นคนจากกลุ่มวาณิชยังแก้ตัวให้เขาอีกต่างหาก
ตราบใดที่ซือเฟิงยอมเดินลงขั้นบันไดไปสองก้าว ย่อมสามารถปกปิดสถานการณ์ได้ ทั้งแขกและเจ้าบ้านย่อมมีความสุข
แต่การยอมรับเช่นนี้ แล้วสถานกาณ์จะจบลงเช่นไรเล่า
ระหว่างนั้นเองจื่อเหวินพลันจนปัญญาทันที
เขาเหลือบมองผู้นำหน่วยใหญ่อวี้หรง เห็นว่ายังสงบไม่สะทกสะท้านดังเดิม
ตอนนี้จำต้องชื่นชมความมุ่งมั่นเช่นนี้
“ผู้นำหน่วยสามไม่ต้องกระอักกระอ่วนไป! ดังคำกล่าวที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม อีกเดี๋ยวข้าจะดื่มสุราฤทธิ์แรงของทุ่งหญ้า! ไม่แน่ว่าจะกระตุ้นความอาจหาญของวีรบุรุษได้หลายส่วน!”
กลุ่มวาณิชยกสุราแรงของทุ่งหญ้าขึ้นมาอีกครั้งพลางกล่าว
ทว่าซือเฟิงลุกขึ้นและกดข้อมือของหัวหน้ากลุ่มไว้
บอกเป็นนัยให้วางจอกสุราลง
“แม้ข้าจะไม่เคยไปอาณาจักรห้าอ๋อง แต่ก็มีคำกล่าวอย่างหนึ่งของอาณาจักรห้าอ๋องที่ข้าเคยได้ยินมา”
ซือเฟิงเอามือไพล่หลัง หันหน้าไปยังทางเข้ากระโจมและกล่าว
“ขอถามท่านผู้นำหน่วยสามว่าคำกล่าวใดหรือ”
หัวหน้ากลุ่มถามอย่างตั้งตารอคอยคำตอบ
“นั่นก็คือ มิตรภาพวิญญูชนใสบริสุทธิ์ดุจน้ำ!”
ซือเฟิงกล่าว
หัวหน้ากลุ่มปรบมือหัวเราะร่า
ความกระอักกระอ่วนก่อนหน้านี้บรรเทาลงไปหลายส่วน
“ชื่อเสียงรอบรู้ของผู้นำหน่วยสามเป็นที่กล่าวขานทั่วทั้งทุ่งหญ้า แต่คำกล่าวแห่ง ‘วิญญูชน’ เกี่ยวข้องอะไรกับ ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ นี้เล่า”
จื่อเหวินกล่าวถาม
สีหน้าจริงใจราวกับไม่เข้าใจจริงๆ รอให้ซือเฟิงอธิบายอย่างละเอียด
“มิตรภาพวิญญูชนใสบริสุทธิ์ดุจน้ำ ความเข้าใจของข้าอาจจะมีผิดเพี้ยนไป…ตรงนี้ต้องขออภัยแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเสียก่อน!”
ซือเฟิงหันกลับมาประสานมือคำนับทุกคนในกลุ่มวาณิช
ทว่าไม่ได้เมินเฉยต่อคำพูดของจื่อเหวิน
“ทุ่งหญ้าข้าถกเถียงเรื่องวีรบุรุษมาแต่โบราณ วีรบุรุษคือสิ่งใด หมายถึงมีความชอบธรรมและอาจหาญเหนือผู้อื่น! สามารถยกหม้อต้มขนาดยักษ์หนักพันจิน สามารถดื่มสุราแรงร้อยกา! แต่เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเกิด ข้าจึงสั่งให้คนผสมน้ำใน ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ กานี้เป็นพิเศษ!”
ซือเฟิงกล่าว
“ผสมน้ำหรือ มิน่าเล่ารสชาติสุรานี้จึงจืดชืดเช่นนี้”
หัวหน้ากลุ่มกล่าว
“ข้าคิดว่าการมารวมกันในวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นการรวมตัวระหว่างวีรีบุรุษทุ่งหญ้าและวิญญูชนอาณาจักรอ๋อง! วีรบุรุษย่อมดื่มสุรา ทว่าวิญญูชนใสดุจน้ำ คิดไปคิดมา ทำอย่างไรวีรบุรุษและวิญญูชนนี้จึงจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ มีเพียงผสมน้ำในสุราเพื่อแสดงความจริงใจของหน่วยกลืนจันทราข้า!”
ซือเฟิงกล่าว
ครั้นวาจานี้ลั่นออกมา
หัวหน้ากลุ่มวาณิชลุกขึ้นแสดงความขอบคุณ
“ความคิดเช่นนี้ของผู้นำหน่วยสามช่างจริงใจยิ่งนัก! แม้ว่าข้าและคนอื่นๆ จะเป็นสายวาณิชที่ผลประโยชน์ต้องมาก่อน ล้วนว่ากันว่าวาณิชให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ยิ่งกว่าการแยกจาก แต่ไหนเลยจะมีผลประโยชน์อื่นใดมาแลกเปลี่ยนความโชคดีที่ได้รู้จักวีรบุรุษเช่นผู้นำหน่วยสามได้เล่า”
จื่อเหวินคิดไม่ถึงว่าซือเฟิงจะแก้ไขสถานการณ์อันจนตรอกเช่นนี้
ครั้นมองหัวหน้ากลุ่มวาณิช คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้ง
ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกราวกับมีหินก้อนยักษ์กดทับหน้าอก ทำเอาหายใจไม่ออก
“วันนี้พวกเราจะดื่ม ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ ผสมน้ำนี้ ไม่เช่นนั้นจะเสียความตั้งใจอันดีงามของผู้นำหน่วยสาม”
หัวหน้ากลุ่มกระดก ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ ผสมน้ำนี้หมดในคราวเดียว
“ชื่อ ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ ที่ผสมน้ำนี้ไม่ไพเราะไปบ้าง…ทุกท่านล้วนเป็นผู้รอบรู้ในอาณาจักรอ๋อง มิสู้มาตั้งชื่อให้สุรานี้ดีกว่า ภายภาคหน้าพวกเราจะดื่มสุรานี้!”
ซือเฟิงกล่าว
“ในเมื่อผู้นำหน่วยสามกล่าวว่าสุรานี้มีไว้เพื่อวีรบุรุษและวิญญูชนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ข้าน้อยขอบังอาจลอง ไยไม่เรียกว่าสุราวิญญูวีรบุรุษเล่า!”
แขกที่ดูเหมือนสายบุ๋นในกลุ่มวาณิชคนหนึ่งลุกขึ้นกล่าว
เขาเป็นอาลักษณ์ในกลุ่มวาณิช
เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาสิบปีและผ่านการทดสอบระดับบุ๋น
แม้ว่าไม่สูง แต่ก็นับว่าเป็นผู้ที่รู้หนังสือมีไหวพริบ
“ดี! สุราวิญญูวีรบุรุษ! ชื่อดีเยี่ยม!”
จื่อเหวินเห็นว่าวางกับดักไม่สำเร็จ จึงทำได้เพียงตอบสนองเช่นนี้
“วิญญูชนกล่าวถึงการฝึกฝนตนเสียส่วนมาก ขณะที่วีรบุรุษกล่าวถึงความสงบสุขในใต้หล้าเสียส่วนใหญ่! วิญญูชนต้องฝึกฝนตนเสียก่อน วีรบุรุษสร้างชาติในภายหลัง! ขอบคุณท่านที่ตั้งชื่อให้!”
ซือเฟิงกล่าวจบพลันค้อมกายคำนับอาลักษณ์ผู้นี้
ทำเอาบัณฑิตผู้นี้รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
ทำได้เพียงค้อมกายให้ต่ำลงยิ่งกว่าเพื่อแสดงความถ่อมตนว่าไม่คู่ควรกับมัน
“รบกวนผู้นำหน่วยสามถึงเพียงนี้ ช่างเป็นความโชคดีหน่วยกลืนจันทราข้าจริงๆ!”
จนกระทั่งในยามนี้
อวี้หรง ผู้นำหน่วยใหญ่ที่นั่งตรงตำแหน่งผู้นำถึงปริปากเอ่ย
ประโยคนี้เป็นการตัดสินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
แม้จื่อเหวินจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้
แต่ทันใดนั้นเขาก็พลันคิดได้ว่าหลังจากที่ซือเฟิงเข้ากระโจมมาบอกว่ามีสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจสองสิ่ง
สุราเป็นเพียงหนึ่งสิ่ง
ส่วนอีกหนึ่งสิ่งเป็นพ่อครัวของอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง
สุรานี้ผสมน้ำให้ปลอมได้ แต่พ่อครัวจะต้องเป็นคนจริงๆ
ต่อให้ซือเฟิงจะพลิกลิ้นคมคายเพียงใด ก็ไม่อาจกล่าวได้อย่างสมบูรณ์
อันที่จริงในใจอวี้หรงก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน
นางรู้ว่าน้องชายผู้นี้ของนางไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแน่นอน
กา ‘ส่าน้ำจัณฑ์’ เหล่านี้เดาว่าคงเป็นสุราที่เขาดื่มเหลือไว้
แต่เนื่องจากปริมาณน้อยเกินไปจำต้องผสมน้ำอย่างไร้ทางเลือก
แต่นางประหลาดใจจริงๆ ที่ซือเฟิงสามารถใช้ ‘หลักวิญญูวีรบุรุษ’ ปกปิดไว้ได้
นี่เป็นพรสวรรค์จากจิตวิญญาณวีรบุรุษของบิดาจริงๆ!
คืนนี้ช่างเต็มไปด้วยอันตรายจริงๆ…
ทว่าอวี้หรงเห็นซือเฟิงยังมีท่าทีหัวเราะครื้นเครงอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม
เดาว่าเรื่องพ่อครัวเขาก็น่าจะมีแผนการอยู่แล้วเช่นกัน
ตนพียงต้องรักษาสถานการณ์โดยรวมให้มั่นคง ใช้แรงจับและยึดให้แน่นอย่างดีเท่านั้น
………………………………………………………