ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 298 ผ้าขาวกับของขวัญงานเลี้ยงวันเกิด-4
บทที่ 298 ผ้าขาวกับของขวัญงานเลี้ยงวันเกิด-4
“พวกเขามาเพราะเจ้า! ข้าช่วยเจ้าสังหารไปแล้วสิบคน!”
เสียงของสตรีดังมาจากไกลๆ
“ข้ารู้ดีว่าเจ้ากำลังหลอกข้า……”
จิ้นเผิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด
นิ้วโป้งสิบนิ้วนี้ไม่ใช่ของสหายเขาจริงๆ
แต่เป็นของศัตรู
แม้เขาจะนึกไม่ออกว่าเหตุใดเขายังมีศัตรูอยู่
แต่เขารู้ว่าคำพูดสุดท้ายของสตรีผู้นี้ไม่น่าจะโกหก
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าสหายของเขาล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ชั้นยอดทุกคน
จะมีโอกาสถูกตัดนิ้วโป้งไปง่ายๆ ได้อย่างไร
“จิ้นเผิงที่น่าสงสาร…เหตุใดถึงมีคนอยากจะขัดขวางเจ้านักนะ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการอะไรเลย แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ เฝ้ารอความตายเท่านั้นเอง”
จิ้นเผิงมองนิ้วมือสิบนิ้วที่ติดอยู่บนผนัง พูดด้วยความเศร้าสลดใจ
กลับเป็นการสังเวชตัวเอง
ในตอนนี้เอง
กำแพงห้องอาบน้ำของเขาก็พังทลายลงกับพื้น
กลางกองฝุ่นควันที่ปลิวว่อน เขาเห็นเงาร่างอย่างน้อยห้าคน
“พวกเจ้าหาข้าพบได้อย่างไร”
จิ้นเผิงไม่ประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของห้าคนนี้แม้แต่น้อย
แต่กลับสนใจว่าเหตุใดจึงหาเขาพบได้อย่างแม่นยำเช่นนี้
“ทั้งเมืองหยางเหวินต่างก็รู้ว่าเจ้ามาแช่น้ำที่นี่”
คนที่เป็นหัวหน้าของห้าคนนั้นพูดขึ้น
“อันที่จริงข้าก็เดินผ่านทั้งเมือง แต่ไม่ได้บอกใครเลยว่าจะมาแช่น้ำ มีเพียงคนเดียวที่รู้ว่าข้าจะมาที่นี่ นั่นคือสตรีผู้หนึ่งที่เพิ่งออกไปจากที่นี่”
จิ้นเผิงชี้ไปยังหน้าต่างที่แตกแล้วพูดขึ้น
คนที่เป็นหัวหน้าเงียบไป
เมื่อคนผู้หนึ่งถูกจับได้ว่าโกหก ถ้าไม่รีบหาคำโกหกใหม่มาปิดบัง ก็เพียงแค่เงียบไป
เห็นได้ชัดว่าเขายังคิดคำโกหกใหม่ไม่ออก
“เป็นสตรีนางนั้นบอกพวกเจ้าใช่หรือไม่”
จิ้นเผิงเอ่ยถาม
คนที่เป็นหัวหน้าพยักหน้า
เมื่อฝุ่นควันสลายไป
เขาถึงได้เห็นชัดเจนว่าทั้งห้าคนนั้นพิการแตกต่างกัน
บางคนตาบอดข้างหนึ่ง
บางคนแขนขาดหนึ่งข้าง
และยังมีคนที่ใส่ขาเหล็กทั้งสองข้าง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้พวกเขาดูตลกอย่างยิ่ง
แต่จิ้นเผิงกลับกลั้นไม่ไหวจนหัวเราะออกมา
ห้าคนนี้มาหาเรื่องเขาแน่ๆ
เขาควรตั้งสติรับมือ
เพราะเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อแช่น้ำเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีร่างกายบกพร่องเช่นนี้
หากเยาะเย้ยความพิการของพวกเขา
ก็เหมือนทำให้พวกเขาทุกข์ทรมานยิ่งกว่าฆ่าพวกเขาเสียอีก
แต่จิ้นเผิงก็กลั้นไม่อยู่
เพราะเขามองเห็นต้นตอของความพิการเหล่านี้จากพวกเขาทั้งห้าแล้ว
“ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่…ข้าควรชมว่าพวกเจ้าโชคดีหรือควรตำหนิคนในคุกที่เหตุใดถึงอ่อนโยนขึ้นมากะทันหัน?”
จิ้นเผิงกล่าว
คำพูดนี้ยิ่งทำให้คนทั้งห้าโกรธเคืองมากขึ้นไปอีก
เมื่อจิ้นเผิงพูดจบ พลังที่พวกเขาปลดปล่อยออกมารอบกาย ทำให้ฝุ่นที่เพิ่งจะสงบนิ่งบนพื้นเริ่มปลิวขึ้นมาอีกครั้ง!
อันที่จริงจิ้นเผิงไม่สามารถระบุที่มาของห้าคนนี้ได้ด้วยซ้ำ
เขาเพียงแค่กำลังพนัน
เพราะตัวเขาเองก็หาได้มีศัตรูตัวฉกาจที่ไหน
จะมีก็แต่คนที่เขาเคยทำให้ขุ่นเคืองตอนเข้ารับตำแหน่งผู้บังคับบัญชาที่กรมสอบสวนกลาง
หากพวกเขาโชคดีรอดมาได้ ก็ย่อมมาล้างแค้นแน่นอน
ถ้าเขายังอยู่ที่กรมสอบสวนกลาง พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรเขาแม้แต่น้อย
ต่อให้เขาจะเดินวางมาดในเมืองหลวงก็เช่นเดียวกัน
แต่ที่นี่คือเมืองหยางเหวิน
แม้ไม่ถึงกับรกร้าง
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองหลวงแล้ว ที่นี่เป็นเหมือนสถานที่ที่แม้แต่อีกายังต้องบินผ่านไปด้วยท้องที่หิวโหย
ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับการล้างแค้นจริงๆ
และนั่นก็เป็นความผิดของเขาเอง
ถ้าเขาแค่อยู่เงียบๆ ในอาคารกรมสอบสวนของเมืองหยางเหวิน
ก็จะไม่มีใครรู้
แต่เพราะเขาต้องการฉลองวันเกิดในครั้งนี้ เขาจึงเชิญสหายทุกคนที่ได้รู้จักกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
และด้วยการบอกต่อๆ กัน ทำให้ข่าวนี้กลายเป็นที่รู้โดยทั่วกัน
ไม่แปลกที่คนเหล่านี้จะสืบสาวมาถึงตัวเขา
“ถ้าเจ้ารู้ว่าพวกเราคือใคร เจ้าก็คงจะรู้ว่าพวกเรากับเจ้านั้นไม่มีวันจบสิ้นกันได้”
คนที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้น
“ข้ารู้…ข้ารู้…แค่พวกเจ้ายังไม่ตาย แล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าจะต้องตาย”
จิ้นเผิงตอบกลับ
“เพราะว่าเรามีห้าคน”
คนที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้น
“เกรงว่าจะไม่ใช่เพียงเท่านี้กระมัง…”
จิ้นเผิงพูดขึ้น
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเท่านี้! เจ้าจำได้หรือไม่ว่าตอนนั้นส่งคนเข้าคุกไปเท่าไร วันนี้ก็มาเท่านั้นแหละ!”
คนที่เป็นหัวหน้ากล่าวอย่างมั่นใจ
เขาตาบอดหนึ่งข้าง
ดังนั้นเวลามองคน เขามักจะเอียงหัว
แต่ท่าทางเช่นนี้กลับทำให้จิ้นเผิงรู้สึกเหนื่อยล้า
เพราะเมื่อมองไปที่เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เอียงหัวตามได้
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจนั่งลงเสียเลย
เขาใช้ฝ่ามือค้ำตรงแก้ม
แล้วพาดแขนข้างนั้นไว้บนเข่า
ฉะนั้น แม้ว่าเขาจะยังเอียงหัวอยู่ แต่ก็รู้สึกสบายกว่าก่อนหน้านี้
“คนที่ถูกส่งเข้าคุกมีเยอะแยะ ถ้าทุกคนมาที่นี่ เกรงว่าทั้งเมืองหยางเหวินก็คงไม่พอ เจ้าคงจะหมายถึงคนที่สามารถรอดชีวิตออกมาจากคุกกระมัง!”
จิ้นเผิงพูด
“ถูกต้อง”
คนที่เป็นหัวหน้าตอบกลับ
“ถ้าคิดเช่นนั้น เจ้าทั้งห้าคนก็ดูจะโชคดีเหลือเกิน!”
จิ้นเผิงกล่าว
พลางรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง
“พวกเราทุกคนเหมือนตายไปแล้วครั้งหนึ่ง และเจ้าทำลายชีวิตของพวกเราทั้งชีวิต ดังนั้น แม้ว่าสุดท้ายจะต้องตายอีกครั้งพร้อมกันกับเจ้าก็ไม่กลัว!”
คนที่เป็นหัวหน้าตอบกลับ
เขาถือดาบใหญ่ด้ามยาวอยู่ในมือ
เขาทุ่มด้ามดาบลงกับพื้นอย่างแรงและพูดขึ้น
ชัดเจนว่าการทุ่มครั้งนี้เพิ่มอานุภาพให้กับเขาอย่างมาก!
ทว่านั่นเป็นเพียงแค่การเพิ่มเรื่องตลกให้จิ้นเผิงได้หัวเราะเท่านั้น…
แต่ครั้งนี้เขากลั้นหัวเราะเอาไว้ได้
เขาไม่ได้หัวเราะ
วีรบุรุษไม่กลืนกินความเสียเปรียบที่เกิดขึ้นตรงหน้า[1]
ทั้งห้าคนนี้ล้วนเป็นคนที่ทำเรื่องไม่ดี
และตัวเขาเองก็มือเปล่า ไร้อาวุธใดๆ
หากทำให้พวกเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ คนที่เสียเปรียบก็คือตัวเขาเอง
“แต่พวกเจ้าตายไปแล้วสิบคน เจ้าคิดว่าคนที่โชคดีพอจะรอดชีวิตออกมาจากคุก โอกาสโชคดีนั้นมีมากแค่ไหนกัน”
จิ้นเผิงถาม
ขณะเดียวกันก็ชี้ไปที่พื้น
แม้กำแพงจะพังทลายลง
แต่นิ้วมือสิบนิ้วนั้นยังคงปักอยู่บนกำแพงที่พังทลาย
พอคนที่เป็นหัวหน้าเห็นนิ้วทั้งสิบนั้น ใบหน้าก็กระตุกเล็กน้อย
“คนที่ตายไปไม่ใช่คนสำคัญ ผู้ที่สามารถปลิดชีวิตของเจ้ายังคงเป็นพวกเราห้าคน”
คนที่เป็นหัวหน้าพูด
แต่คำพูดนี้เมื่อจิ้นเผิงได้ยินเข้า กลับดูเหมือนภายนอกแข็งแกร่งแต่ภายในอ่อนแอ
“ดังนั้นเจ้าก็จะให้ข้าตายในซากปรักหักพังในห้องอาบน้ำนี่หรือ ก็ย่อมได้…ข้าธาตุไฟ หากตายในห้องอาบน้ำจริงๆ ก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติและหลักสวรรค์”
จิ้นเผิงผายมือ พูดด้วยท่าทีมั่นใจ
“ตายที่นี่หรือ นั่นคงทำให้เจ้าสบายเกินไปแล้ว! พวกเราเลือกที่ฝังกระดูกให้เจ้าไว้นานแล้ว”
คนที่เป็นหัวหน้าหัวเราะเสียงเย็นแล้วเอ่ย
“ก่อนอื่น…ข้าเดาว่า…สถานที่นั้นต้องสูงมากเป็นแน่! เพราะที่สูงๆ มักจะดึงดูดสายตา เช่นนั้นก็จะทำให้คนที่เห็นข้าตายมีเยอะขึ้น แต่หากฆ่าข้าในงานเลี้ยงฉลองคืนนี้ รอแขกมาร่วมงานครบทุกคนน่าจะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด ทั้งยังช่วยให้เจ้าโด่งดัง และทำให้เหล่าสหายที่มาร่วมงานเห็นข้าตายทั้งหมด อีกทั้งการฆ่าคนฉลองวันเกิดในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา เป็นเรื่องที่ช่างเหลือเชื่อจริงๆ! เช่นนี้พอถึงปีหน้าวันเกิดกับวันตายของข้าก็จะตรงกัน ข้าทายถูกหรือไม่”
จิ้นเผิงกล่าว
คนที่เป็นหัวหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไร
เพราะจิ้นเผิงเดาความคิดของพวกเขาออกจนหมดสิ้น
หากเป็นการล้างแค้นคนคนหนึ่ง
การฆ่าเขาในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเขาก็เป็นเรื่องที่สุดยอดและน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเหล่าสหายของจิ้นเผิงเป็นผู้ชมด้วยแล้ว
ถ้าเพียงแค่ฆ่าจิ้นเผิงอย่างเงียบๆ
คนอื่นก็ได้แต่คาดเดาเท่านั้น
แต่คิดไปคิดมาก็คงนึกไม่ถึงว่าจะเป็นฝีมือพวกเขา
การล้างแค้นเช่นนี้ไม่มีความสะใจเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นนี่ก็คือเหตุผลที่จิ้นเผิงไม่ยี่หระ
เขารู้แต่แรกแล้วว่าคนเหล่านี้จะไม่ลงมือที่นี่
พวกเขาจะฆ่าเขาตอนที่งานเลี้ยงวันเกิดเริ่มขึ้น
แต่งานเลี้ยงวันเกิดของเขาจะเริ่มเมื่อไร เป็นเขาเองที่ตัดสิน
ดังนั้น เขาจะตายเมื่อไร ตายอย่างไร จะตายหรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับเขาไม่ใช่หรือ
หลายสิ่งหลายอย่าง ตราบใดที่คิดให้เข้าใจถึงเหตุและผลที่ตามมาก็จะไม่รู้สึกหวาดกลัว
ยิ่งไปกว่านั้น ในงานเลี้ยงคืนนี้ล้วนเป็นเหล่าสหายของเขาทั้งหมด
ตราบใดที่เป็นสหายของเขาก็คงไม่มีใครอยากเห็นจิ้นเผิงถูกฆ่าตายแน่นอน
สตรีก่อนหน้านี้
จิ้นเผิงไม่ได้เชิญนางมา
คนที่มาโดยไม่ได้รับเชิญยังสามารถช่วยเขากำจัดตัวปัญหาได้ถึงสิบคน
แล้วคนอื่นๆ ที่ได้รับเชิญจะนั่งดูเฉยๆ ได้อย่างไร
อย่างน้อยที่สุด วิหคทมิฬก็ไม่มีทางแน่นอน
หากเขารับรู้เรื่องนี้ก็จะห้ามสตรีนางนั้นไม่ให้แก้ปัญหาแทนเขาอย่างแน่นอน
ผู้ที่มาล้างแค้นจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้พบตัวต้นเรื่อง
แต่ผลคือยังไม่ทันได้พบผู้ที่ต้องล้างแค้น ก็ต้องตายไปอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย
ต่อให้กลายเป็นผีก็ยังไม่อาจยอมรับ…
แม้ว่าจิ้นเผิงจะไม่เชื่อเรื่องผีสาง
แต่เมื่อนึกถึงว่าในวันเกิดของเขาวันนี้ มีสิบคนที่ตายจากไปโดยไม่ยินยอมพร้อมใจเพราะเขา
ก็รู้สึกอึดอัดในใจเล็กน้อย…
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!”
จิ้นเผิงลุกขึ้นยืนและพูด
เขาไม่อยากให้ความอึดอัดในใจของตัวเองยืดเยื้อต่อไป
หากห้าคนนี้ไม่ฆ่าเขาที่นี่ เขาก็จะใช้ชีวิตตามแผนเดิมที่วางไว้ต่อไป
“อีกสามชั่วยาม เจ้าจะตายในโรงเตี๊ยมนั่นแน่นอน!”
คนที่เป็นหัวหน้าพูด
พูดจบก็หันหลังเดินออกไปพร้อมกับสี่คนที่เหลือ
………………………………………………
[1]วีรบุรุษไม่กลืนกินความเสียเปรียบที่เกิดขึ้นตรงหน้า หมายถึง เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบากต้องยอมถอยเพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่าง