ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 328 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-6
บทที่ 328 แสงจันทร์ไม่เอ่ยเรื่องผีสาง-6
นายท่านจินสีหน้ายินดี
ในความยินดียังเผยให้เห็นความตื่นเต้นรางๆ
ตอนเขาตื่นมาเช้านี้ คนเฝ้ายามนอกห้องได้ยินความเคลื่อนไหวในห้องจึงบอกเขาประโยคหนึ่ง
ก็เป็นเพราะประโยคนี้นี่แหละที่ทำให้นายท่านจินตื่นเต้นจนไม่กินอาหารเช้าได้
คนเฝ้ายามบอกนายท่านจินว่ามีคนคนหนึ่งมาหน้าประตู
สำหรับผู้มาเยือนหน้าบ้านของตน นายท่านจินย่อมเห็นจนชินตา
เขาพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจว่าให้คนนั้นเข้ามา และพาเขาไปโถงใหญ่รับประทานอาหารเช้าเลย
แต่คนเฝ้ายามกลับบอกว่าคนนั้นไม่กินอาหารเช้า แต่บอกชื่อแซ่ว่าอยากพบนายท่านจิน
นายท่านจินได้ยินแล้วไม่พอใจอย่างยิ่ง
คิดว่าคนผู้นี้มาขอที่พึ่งตนแล้วยังกล้าแหกกฎของตนอย่างหน้าไม่อาย
เขาบอกว่าไม่พบด้วยความโมโห ยังให้คนเฝ้ายามบอกให้ผู้ดูแลจวนโยนคนผู้นั้นออกไปจากหน้าประตู
โยนยิ่งไกลยิ่งดี
จากนั้นเขาก็เตรียมไปกินอาหารเช้า
แต่ตอนเขาเพิ่งนับก้าวของตัวเองเดินถึงสามร้อยก้าวนี้เอง ตรงหน้ากลับปรากฏร่างคนคนหนึ่งขวางทางเขาไว้
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นผู้ดูแลจวนของเขานั่นเอง
เดิมนายท่านจินนึกว่าเขามารายงานตนว่าโยนคนผู้นั้นไปทางไหน
นึกไม่ถึงผู้ดูแลจวนกลับบอกว่าโยนคนผู้นั้นไม่ไป
“คนอะไรโยนแล้วไม่ไป เขาบินได้หรืออย่างไร”
นายท่านจินกล่าวด้วยโทสะ
ผู้ดูแลจวนกล่าว
“แล้วเจ้าไล่เขาออกจากลานด้านหน้าไม่ได้?”
นายท่านจินกล่าวตำหนิเสียงดัง
“พอข้าเพิ่งกลับถึงลานด้านหน้าเขาก็ลอยไปยืนเหม่อมองชายคาใต้ลานแจ้งของลานส่วนที่สองอีกขอรับ”
ผู้ดูแลจวนกล่าว
นึกถึงตอนนั้นผู้ดูแลจวนคนนี้ก็เป็นยอดมือดาบแห่งยุทธภพเหมือนกัน
เพียงแต่ไปล่วงเกินคนที่ไม่อาจล่วงเกินเลยหนีมาที่นี่และหางานเฝ้าบ้านดูแลลานบนสรวงสวรรค์ของนายท่านจิน
พริบตาเดียวผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
เขาไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน
อย่างน้อยนายท่านจินก็หลับสนิทได้ทุกคืน ข้าวเช้าก็กินได้อย่างสบายใจ
แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถึงขั้นมีคนที่ทำให้เขาไม่อาจรับมือมาเยือน
“คนผู้นี้เป็นใคร ทำไมต้องพบข้าให้ได้”
นายท่านจินเอ่ยถาม
“เขาบอกว่าเขาชื่อเสี่ยวจีหลิงขอรับ”
ผู้ดูแลจวนกล่าว
นายท่านจินอึ้งงันทันที
จากนั้นรอยยิ้มค่อยๆ เริ่มแย้มบนใบหน้า
ตอนคนคนหนึ่งดีใจอย่างแท้จริง กล้ามเนื้อทุกชุ่น ขนละเอียดทุกเส้นทั่งร่างกายล้วนกำลังยิ้ม
ก็เพราะได้ยินชื่อ ‘เสี่ยวจีหลิง’ นายท่านจินถึงได้ทิ้งอาหารเช้าของตนและเลี้ยวตอนเดินถึงสามร้อยก้าว
นายท่านจินสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
เขาเดินมาถึงพื้นที่ส่วนที่สอง เห็นเสี่ยวจีหลิงจ้องชายคาอย่างเหม่อลอยอยู่ดังเดิม
“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว!”
นายท่านจินกล่าว
“จุ๊ๆ…”
เสี่ยวจีหลิงยื่นนิ้วชี้มือขวามาทำท่าห้ามส่งเสียงตรงปาก
นายท่านจินเดินมาอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ และมองตามสายตาของเขา
แต่กลับไม่เห็นอะไรเลย
“เจ้าดู บนชายคานั่นมีเหาไม้ตัวหนึ่ง และข้างหลังเหาไม้ตัวนั้นยังตามด้วยมดแถวเรียงหนึ่ง ห่างอีกนิดเดียวมดก็จะไต่ขึ้นบนตัวเหาไม้แล้ว”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
“แล้วอย่างไร”
นายท่านจินไม่เข้าใจความหมายของเสี่ยวจีหลิง
“เหล่าจิน เราพนันกันดีกว่า”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
ฟังแค่คำที่เสี่ยวจีหลิงเรียกเขาก็รู้ได้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่ธรรมดา
แต่คนที่ทำให้นายท่านจินทิ้งเวลากินอาหารเช้าของตนมาพบก็ต้องเป็นคนพิเศษอยู่แล้ว
อย่างน้อยก็เป็นในพื้นที่แห่งนี้
“พนันอะไร”
นายท่านจินเอ่ยถาม
“พนันว่าข้าจะช่วยเหาไม้ตัวนั้นลงมาวางบนโบตั๋นดอกหนึ่งในลานด้านหน้าก่อนมดจะไต่ขึ้นบนตัวมันได้หรือไม่”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
นายท่านจินเอ่ยถาม
“โบตั๋นสีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่ชิดเชิงกำแพงดอกนั้น”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
“พนันด้วยอะไร”
นายท่านจินเอ่ยถาม
“หากข้าทำได้ ประเดี๋ยวมีสหายคนหนึ่งมา เจ้าต้องบอกทุกอย่างที่รู้ หากข้าทำไม่ได้ ข้าก็จะเล่าสิบสุดยอดตำนานที่ข้ารู้ให้เจ้าฟังเรื่องหนึ่ง”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
“สหาย? เป็นสหายของเจ้าหรือ”
นายท่านจินเอ่ยถาม
“ไม่ใช่สหายข้า แต่ถ้าเป็นสหายข้าได้ก็เป็นเรื่องดียิ่ง”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
“ทำไมหรือ”
นายท่านจินเอ่ยถาม
“เจ้าก็รู้ว่าสิบเรื่องเล่าในตำนานของข้าต้องเพิ่มเรื่องใหม่ปีละครั้ง และปีนี้จนถึงตอนนี้ ข้าสะสมมาสามเรื่องแล้ว และสามเรื่องนี้ล้วนเกี่ยวกับเขาทั้งสิ้น”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
คราวนี้นายท่านจินรู้สึกสนใจทันที
คนแบบไหนกันถึงได้มีความสามารถน่าทึ่งขนาดนี้
ถึงขั้นทำให้สามเรื่องในสิบเรื่องเล่าในตำนานของเสี่ยวจีหลิงปีนี้เกี่ยวกับเขาทั้งหมด
“ได้! ข้าพนันกับเจ้า!”
นายท่านจินกล่าว
คำว่า ‘ได้’ เพิ่งออกจากปาก
นายท่านจินมองเสี่ยวจีหลิงอย่างแปลกใจ
“ทำไมเจ้ายังไม่ลงมือ”
นายท่านจินเอ่ยถามพลางมองเขาด้วยความแปลกใจ
“เจ้าดูเหาไม้นั่นยังอยู่หรือไม่”
เสี่ยวจีหลิงยิ้มถามกลับ
นายท่านจินเงยหน้ามอง เหาไม้นั่นหายไปแล้วจริงๆ
แต่เขายังไม่ตายใจ
แม้รู้ว่าท่าร่างของเสี่ยวจีหลิงเร็วยิ่ง แต่จะเร็วได้เพียงนั้นจริงหรือ
นายท่านจินรีบวิ่งไปดูลานด้านหน้า
พบว่าตรงกึ่งกลางดอกโบตั๋นที่อยู่ชิดเชิงกำแพงดอกนั้นมีเหาไม้นอนอยู่ตัวหนึ่ง
ตัวขดม้วน ยังไม่ยืดออกมา
เหาไม้ชนิดนี้ขอเพียงถูกแตะก็จะหดเป็นวงกลม
“เจ้าชนะแล้ว”
นายท่านจินกล่าวพลางหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
พร้อมตบท้องป่องๆ ของเขาไปด้วย
“เจ้าต้องทำตามสัญญาเดิมพันนั้น”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
“กล้าพนันก็ต้องกล้ารับ นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว…เพียงแต่ว่า…”
นายท่านจินกล่าวครึ่งหนึ่ง
“ช่างเถอะ ไม่ถามแล้วดีกว่า!”
นายท่านจินกล่าว
รู้ทุกเรื่องแล้วจะไร้ความสดใหม่
รักษาความลึกลับไว้บ้างจึงจะรู้สึกพึงใจมากกว่า!
ทว่าสิ่งที่ทำให้นายท่านจินเสียดายคือเขาไม่ได้ฟังสิบเรื่องเล่าในตำนานของเสี่ยวจีหลิงแล้ว
แต่พอนายท่านจินคิดอีกที ในเมื่อปีนี้จนถึงตอนนี้มีแค่สามเรื่อง และสามเรื่องนี้ยังเกี่ยวกับสหายที่กำลังมาเยือนผู้นั้น
ได้เจอตัวจริงดีกว่าฟังเรื่องเล่าอีกไม่ใช่หรือ
ด้วยเหตุนี้ในใจเขากลับเบิกบานยิ่งกว่าเดิม!
“พวกเราไปดื่มสุราในศาลารอเขาดีหรือไม่”
นายท่านจินเอ่ยถาม
เสี่ยวจีหลิงส่ายหน้า
“ทำไม เจ้าไม่ดื่มสุรา?”
นายท่านจินเอ่ยถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“ถึงไม่มีสุราข้าก็ไม่มีทางดื่มชา เพียงแต่ตอนนี้หิวเล็กน้อย ข้าอยากกินข้าวเช้าก่อน!”
เสี่ยวจีหลิงกล่าว
จากนั้นเดินพูดคุยพลางหัวเราะเคียงไหล่กับนายท่านจินไปยังโถงรับประทานอาหารสองคน
สุดท้ายนายท่านจินยังคงกินอาหารเช้า
มื้อเช้าของเขาอาจจะสาย แต่ต้องกินอย่างแน่นอน
เพียงแต่วันนี้เดินไกลกว่าสามร้อยหกสิบห้าก้าวแล้ว
ทว่าได้เจอเสี่ยวจีหลิง ทั้งยังมีสหายลึกลับที่กำลังมาเยือนผู้นั้น
มีสองเงื่อนไขนี้ ต่อให้นายท่านจินเดินกลางพายุทรายที่ใหญ่ที่สุดสิบกว่าลี้ก็คุ้มค่า
นายท่านจินวางแผนในใจเสร็จแล้ว ประเดี๋ยวกินอาหารเช้าเสร็จก็จะดื่มสุรากับเสี่ยวจีหลิง
ดื่มสุราที่แรงที่สุด
เพราะขอแค่เสี่ยวจีหลิงดื่มจนมีความสุขแล้ว เรื่องเล่าในปากเขาก็จะไหลออกมาไม่หยุด
แม้การเดิมพันครั้งนี้ดูเหมือนเสี่ยวจีหลิงชนะแล้ว
แต่คนได้ผลประโยชน์มากที่สุดยังคงเป็นเขา
ทว่าเสี่ยวจีหลิงก็ไม่ได้โกหกหลิวรุ่ยอิ่ง
ชื่อของเขามีค่าหมื่นตำลึงทองจริงๆ ถึงขั้นเกินกว่านั้นด้วยซ้ำ
…………………………………………