ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 359 บางเรื่องหลายถ้อยคำ-1
บทที่ 359 บางเรื่องหลายถ้อยคำ-1
เสี่ยวจีหลิงพูดจบก็หลับสนิทอีกครั้ง
หลิวรุ่ยอิ่งเหม่อมองผ้าปูเตียงสีแดงเข้ม ไม่รู้ว่าครุ่นคิดสิ่งใดอยู่
เขาโบกมือให้หวาหนงกลับไปพักผ่อน
แต่เตียงของตนกลับถูกเสี่ยวจีหลิงยึดไปแล้ว
จู่ๆ หลิวรุ่ยอิ่งก็อยากจะกลับเมืองหลวง
แม้ว่าเขาจะเคยคิดเรื่องนี้มาก่อนก็ตาม
อยากจะกระโดดออกนอกหน้าต่าง ควบม้ากลับเมืองหลวงในอึดใจเดียว จากนั้นก็นอนหลับสักสามวันสามคืนเสียเดี๋ยวนี้
อันที่จริงเขาสามารถทำเช่นนี้ได้
อย่างน้อยก็มีโอกาสให้เลือกสองหน แต่เขาปฏิเสธไปหมดแล้ว
ค่ำคืนเงียบสงัด ทุกสิ่งเงียบสงบ
จู่ๆ หลิวรุ่ยอิ่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ชั้นล่าง
เสียงฝีเท้าแผ่วเบายิ่งนัก ไม่ใช่เถ้าแก่อ้วนเป็นแน่
เขาคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยสร่างเมาแล้วจึงเดินกลับห้อง
แต่เสียงฝีเท้าดังขึ้นเพียงสองสามครั้งแล้วหยุดไป
หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เขาไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน
แต่ก็ไม่อาจต้านความระแวดระวังและความสงสัยใคร่รู้ในใจได้อยู่ดี
หลิวรุ่ยอิ่งถือตะเกียงเดินออกจากห้องมายืนอยู่บนบันไดแล้วมองลงไป
ทว่ามองไม่เห็นสิ่งใดเลย
“เจ้านี่เอง!”
หลิวรุ่ยอิ่งร้องเรียกด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเยว่ตี๋ถือกระบี่ยืนอยู่ในห้องโถง
“มีเรื่องนิดหน่อยจึงมาช้าไปหลายวัน ไม่เช่นนั้นคงถึงตั้งนานแล้ว”
เยว่ตี๋กล่าว
“เฮ้อ…”
หลิวรุ่ยอิ่งนั่งลงที่โต๊ะและถอนหายใจ
“แต่ท่านก็รู้ว่าสองสามวันมานี้เกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“ข้าเห็นศพที่ถูกขนย้ายกลับไปแล้ว รวมถึงมีดสั้นแปลกๆ นั่นด้วย”
เยว่ตี๋กล่าว
“ในความทรงจำของท่าน มีผู้ใดที่สามารถต่อกรกับมันได้หรือไม่”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
จากนั้นจึงบอกเรื่องที่เสี่ยวจีหลิงบาดเจ็บสาหัสกับเยว่ตี๋ด้วย
“ข้าคิดว่าบางเรื่องจำเป็นต้องวางแผนใหม่อีกครั้ง”
เยว่ตี๋ฟังแล้วจึงเอ่ยปากพูด
“ท่านหมายถึงเรื่องใด”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
“อย่างเช่นจิ้งเหยาจะมาซื้อแร่เหล็กจริงหรือไม่”
เยว่ตี๋กล่าว
“เขาไม่ซื้อแร่เหล็กแล้วจะใช้สิ่งใดทำศรธนูเล่า”
ปล้นเบี้ยหวัดซื้อศรธนู
นี่เป็นสาเหตุที่แท้จริงและเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
แผนการของหลิวรุ่ยอิ่ง เยว่ตี๋และคนอื่นๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยแก่นแท้นี้ทั้งสิ้น
ทว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกาเหรินบอกหลิวรุ่ยอิ่ง
ไม่มีหลักฐานใดๆ
วันเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว จิ้งเหยาไม่มีทีท่าจะปรากฏตัว
ทว่าฝ่ายของตนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากอย่างไร้สาเหตุ
นี่ทำให้หลิวรุ่ยอิ่งปวดหัวยิ่งนัก
คำถามที่เยว่ตี๋หยิบยกมา บังเอิญว่าเป็นประเด็นสำคัญที่สุด
“หากเขาไม่มาซื้อแร่เหล็กทำศรธนู เขาจะไปที่ใดกันเล่า”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
เยว่ตี๋ไม่เอ่ยคำใด
อันที่จริงหลิวรุ่ยอิ่งก็คิดถึงความเป็นไปได้เหล่านี้เช่นกัน
เพียงแต่เขาอยากได้ยินเยว่ตี๋กล่าวออกมาก็เท่านั้น
ไม่ซื้อศรธนู เขาก็จะกลับทุ่งหญ้าพร้อมเบี้ยหวัดสี่ล้านตำลึงเป็นแน่แท้
แต่ช่วงที่ประมือกันคราวก่อน หลิวรุ่ยอิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจิ้งเหยาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงยิ่ง
ผู้ที่ทะเยอทะยานไม่มีทางโลภในสินทรัพย์
แม้ความทะเยอทะยานนี้จำเป็นต้องใช้ทรัพย์มาสนับสนุนก็ตาม
แต่หากจิ้งเหยาเพียงโลภเบี้ยหวัดสี่ล้านตำลึงนี้ หลิวรุ่ยอิ่งก็คงจะดูแคลนเขาไปแล้ว…
เพราะวิสัยทัศน์คับแคบเกินไป
ทันใดนั้นหลิวรุ่ยอิ่งก็กล่าวขึ้น
ชั่วครู่หนึ่งเยว่ตี๋ยังไม่ได้ตอบสนองใดๆ
“จิ้งเหยาไม่มีทางกลับทุ่งหญ้า”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าวย้ำอีกหน
“เหตุใดจึงยืนกรานเช่นนี้”
เยว่ตี๋เอ่ยถาม
“เพราะข้าเคยประมือกับเขา…ดาบของเขาอาจหาญเด็ดเดี่ยว ดาบที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ผู้ที่ครอบครองดาบคือจิ้งเหยาและเป็นผู้ที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเช่นกัน”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“ดูเหมือนเจ้าจะเห็นอกเห็นใจเขาอยู่บ้างกระมัง!”
เยว่ตี๋กล่าวพลางยิ้มบางๆ
ทันใดนั้นหลิวรุ่ยอิ่งจึงตระหนักได้ว่าเหตุใดสองสามวันนี้เขาถึงไม่อาจสงบใจลงได้
หาได้เป็นเพราะนักฆ่าผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
แต่เป็นความคาดหวัง
คาดหวังที่จะประมือกับจิ้งเหยาอีกครั้ง
ความรู้สึกคาดหวังเช่นนี้ บางทีอาจสามารถข่มและปกปิดมันไว้ได้ในตอนแรก
แต่ก็ลากยาวมาจนถึงตอนนี้จนระเบิดออกมาเต็มกำลัง
หากไม่ใช่เพราะคำพูดนี้ของเยว่ตี๋เตือนสติหลิวรุ่ยอิ่ง บางทีเขาอาจจะหงุดหงิดต่อไปเรื่อยๆ ก็เป็นได้
นับตั้งแต่ที่หลิวรุ่ยอิ่งออกจากกรมสอบสวนกลางและเดินทางมาทางยังแดนพายัพ
เขาก็ได้พบคู่ต่อสู้มากมายอย่างต่อเนื่อง
มีตั้งแต่ติ้งซีอ๋องฮั่ววั่ง ตี๋เหว่ยไท่ประมุขหอทรงปัญญาไปจนถึงมนุษย์แท่งน้ำแข็งผู้นั้น
ฮั่ววั่งและตี๋เหว่ยไท่เป็นการดำรงอยู่ที่สูงจนเอื้อมไม่ถึงและไม่อาจแตะต้องได้สำหรับหลิวรุ่ยอิ่ง
แต่มนุษย์แท่งน้ำแข็งผู้นั้นเป็นคนแรกที่แลกกระบี่กับหลิวรุ่ยอิ่งจริงจัง
หลังจากเขาตาย หลิวรุ่ยอิ่งทอดถอนใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เสียใจนัก
แต่สำหรับจิ้งเหยา หลิวรุ่ยอิ่งกลับรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
หากไม่ใช่เพราะเขาเกิดที่ทุ่งหญ้า ตนเกิดที่กรมสอบสวน ไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจกลายเป็นสหายสนิทกันก็ได้
จะว่าไปแล้วนั้น หลิวรุ่ยอิ่งก็ชื่นชมจิ้งเหยาอยู่เล็กน้อย
ชื่นชมทั้งความใจกล้าและกลยุทธ์ของเขา และชื่นชมความทระนงในศักดิ์ศรีของเขาด้วย
จับคมดาบให้มั่น ไม่ก้มหัวเป็นอันขาด
รู้ทั้งรู้ว่าไม่อาจสัญจรถนนเส้นนี้ก็ยังดันทุรังหาทางออกให้จงได้
หลิวรุ่ยอิ่งถามตนเอง เขาไม่ได้ดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นจิ้งเหยา
“ข้าไม่รู้ว่าความเห็นอกเห็นใจคือสิ่งใด…”
หลิวรุ่ยอิ่งเสมองไปนอกประตูแล้วกล่าว
เขายอมรับว่าตนคาดหวัง
แต่เขาไม่รู้ว่าความคาดหวังประเภทนี้นับเป็นความเห็นอกเห็นใจหรือไม่
บางครั้งผู้ที่รู้จักตนดีที่สุด หาใช่มิตรสหาย แต่เป็นศัตรูคู่ต่อสู้ต่างหาก
แม้หลิวรุ่ยอิ่งจะเพิ่งเคยพานพบจิ้งเหยาและประมือกันเพียงครั้งเดียว
แต่เขากล้าพูดเลยว่าตนรู้จักจิ้งเหยาดียิ่งกว่าคนส่วนใหญ่เสียอีก
“เจ้ายังเตรียมพร้อมที่จะรอต่อไปหรือ”
เยว่ตี๋ถาม
หลิวรุ่ยอิ่งไม่ตอบ
เขาไม่มีแผนใดๆ ในใจ
“ข้าไม่รู้…ท่านว่าอย่างไรเล่า”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
เยว่ตี๋หยิบแผนที่อาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องออกมาหนึ่งฉบับแล้วกางบนโต๊ะ
“ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงนี้”
เยว่ตี๋ชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่แล้วกล่าว
มันคือเหมืองแร่เหล็กที่พวกเขาอยู่ตอนนี้
ทันใดนั้นหลิวรุ่ยอิ่งพบว่าแม้เหมืองแร่เหล็กนี้จะตั้งอยู่ในดินแดนรัฐหงของอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง
แต่ความจริงแล้วมันอยู่ห่างไกลจากหัวเมืองรัฐหงยิ่งนัก
“หากเจ้าเป็นจิ้งเหยา เจ้าจะทำเช่นไร”
เยว่ตี๋เอ่ยถาม
นางให้หลิวรุ่ยอิ่งลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ลองเอาตนเองไปอยู่ในจุดนั้น คิดเสียว่าตนเป็นจิ้งเหยาแล้ววิเคราะห์มัน
“หากข้าเป็นจิ้งเหยา ข้าจะต้องข้ามแม่น้ำตรงนี้ จากนั้นเป็นที่ราบรกร้างผู้คน หากม้าเร็วก็จะถึงเหมืองแร่ภายในวันครึ่ง”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
“ฉะนั้นเจ้าก็ยังคิดว่าจิ้งเหยาจะมาเหมืองแร่”
เยว่ตี๋กล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งพยักหน้า
เขาเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว
อาศัยความเข้าใจของเขาที่มีต่อจิ้งเหยา จิ้งเหยาไม่มีทางกลับทุ่งหญ้าเด็ดขาด
ต่อให้เงินจะซื้อศรธนูไม่ได้
เขาก็ยังสามารถใช้กำลังวังชาปล้นร้านเครื่องธนูแห่งหนึ่งได้อยู่ดี
เยว่ตี๋หยิบรายงานทางทหารฉบับหนึ่งยื่นให้หลิวรุ่ยอิ่งอีกครั้ง
ส่งมาจากกรมสอบสวนกลาง
ถ่ายโอนให้หลิวรุ่ยอิ่งผ่านอาคารเมืองหยางเหวิน
“ท่านอ่านหรือยัง”
หลิวรุ่ยอิ่งเอ่ยถาม
“นี่เป็นรายงานทางทหารของเจ้า เหตุใดข้าต้องอ่านด้วย”
เยว่ตี๋ถาม
ระบบกรมสอบสวนเข้มงวด
ในเมื่อรายงานทางทหารเขียนเพื่อหลิวรุ่ยอิ่งเพียงผู้เดียว เช่นนั้นต่อให้เยว่ตี๋จะเป็นผู้กำกับการกรมก็ไม่มีสิทธิ์อ่านมัน
รายงานทางทหารสั้นยิ่งนัก หลิวรุ่ยอิ่งอ่านจบอย่างรวดเร็ว
แต่ยิ่งข้อความกระชับมากเท่าใด พลังที่ซ่อนอยู่ด้านหลังยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ในรายงานที่กรมสอบสวนกลางส่งมาฉบับนี้ เขียนเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือเมื่อครึ่งเดือนก่อน มีรายงานจากอาคารกรมสอบสวนว่าพบร่องรอยของคนจากสำนักปากสอบ
ไม่นานมานี้ คนจากสำนักปากสอบได้เข้าสู่อาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องแล้ว
หลิวรุ่ยอิ่งยื่นรายงานทางทหารให้เยว่ตี๋อ่าน
เยว่ตี๋เพียงปรายตามองแล้ววางไว้ด้านข้าง
“อาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องคึกคักขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…”
เยว่ตี๋กล่าว
………………………………………………………