ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 436 โชคร้ายไร้วาสนา-2
บทที่ 436 โชคร้ายไร้วาสนา-2
……….
“ตั้งแต่เจ้าเริ่มพูดเมื่อครู่ นี่เป็นกระบวนที่เท่าไรแล้ว”
เยว่ตี๋เอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้หวาหนงบอกว่าหากเถ้าแก่เนี้ยไม่ออกดาบภายในห้าสิบกระบวนต้องแพ้แน่นอน
“นี่เป็นกระบวนที่สี่สิบสี่แล้ว!”
หวาหนงกล่าว
เยว่ตี๋ฟังแล้วก็ไม่พูดอะไร เพียงเลื่อนสายตาไปทางสองคนที่ยังสู้กันดุเดือด
สี่สิบห้ากระบวน
คนผู้นี้ถือดาบเผชิญหน้าเถ้าแก่เนี้ยและฟันลงไปตรงๆ
ดูเหมือนงุ่มง่ามนัก ที่จริงแฝงด้วยการพลิกแพลงอันยอดเยี่ยมมากมาย
เถ้าแก่เนี้ยเบี่ยงกายคิดจะหลบ
แต่คนผู้นี้พลันสะบัดข้อมือ กางข้อศอกวาดออกแนวขนานไปทางฝั่งที่เถ้าแก่เนี้ยหลบหลีก
คมดาบนี้พลันเปลี่ยนทิศ แต่ยังคงพุ่งเข้าหากลางลำตัวเถ้าแก่เนี้ยอย่างแน่นหนา
เมื่อเถ้าแก่เนี้ยเห็นว่าหลบไม่พ้นจึงคิดถอยก่อนเพื่อหลบคมดาบของอีกฝ่าย
ใครจะคิดดาบของคนผู้นี้กลับตามติดไม่เลิกเหมือนหนอนแมลงวันติดกระดูก
ไม่ว่าเถ้าแก่เนี้ยเคลื่อนหลบพลิกตัวอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากพันธนาการของคมดาบเล่มนี้
จนปัญญา เถ้าแก่เนี้ยต้องใช้การจู่โจมที่อีกฝ่ายไม่คาดคิด
พุ่งไปเผชิญหน้ากับเขา
ยื่นสองฝ่ามือซ้ายขวาออกพร้อมกัน อ้อมสองฝั่งของคมดาบ เคลื่อนพลังปราณเต็มกำลังและจู่โจมเข้าหาหน้าอกของเขา
คนผู้นี้พลันสับสนเล็กน้อย…
ได้แต่ขวางดาบตรงอก ทำท่าเตรียมป้องกัน
แต่กระบวนท่าของเถ้าแก่เนี้ยกลับเป็นการแสร้งจู่โจมเพื่อถอย
เพียงเพื่อให้หลุดพ้นจากพลังดาบของคนผู้นี้เท่านั้น
เป็นไปตามคาด เถ้าแก่เนี้ยจับจังหวะเขาเปลี่ยนกระบวนท่าได้แล้วเก็บสองหมัดอย่างรวดเร็ว แตะปลายเท้าเบาๆ ถอยหลังกว่าครึ่งจั้ง
ตอนนี้ดาบนั้นของเขาเหลือกำลังไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน
หากฝืนยกขึ้นอีก เกรงว่าได้ผลน้อยนิด
ได้แต่ปล่อยกระจายออกทั้งหมด
สี่สิบหกกระบวน
เถ้าแก่เนี้ยเคลื่อนไปข้างหน้า
แม้นางยังไม่ออกดาบ แต่มือเท้าแขนขาล้วนเป็นคมอาวุธ
คนผู้นั้นเห็นเถ้าแก่เนี้ยพุ่งเข้ามา สีหน้ากลับผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ตอนเถ้าแก่เนี้ยเบี่ยงตัวพุ่งถึงข้างหน้าเขา สองเข่าพลันงอคล้ายจะคุกเข่าลงพื้น
จากนั้นย่อตัวใช้ร่างของคนผู้นี้เป็นศูนย์กลางแล้วอ้อมมาอยู่ข้างหลังเขา
ยามนี้สองขาพลันออกแรง เห็นสองเท้าจะเหยียบบนหลังของเขาอย่างพร้อมเพรียง
ตอนยังเหลือระยะห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น คนผู้นี้ยังไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยงหรือหมุนตัว
เพียงไพล่มือขวาไว้ข้างหลังอย่างไม่รีบร้อน
สองเท้าของเถ้าแก่เนี้ยเหยียบลงบนตัวดาบพอดี
ระยะกั้นแค่หนึ่งดาบผลลัพธ์ต่างราวฟ้าดิน
เท้าของเถ้าแก่เนี้ยเพิ่งวางนิ่ง คนผู้นี้ก็ดึงดาบหมุนกาย จากนั้นสะบัดคมดาบออกด้านข้าง
บนตัวดาบยังมีพลังปราณจากสองเท้าของเถ้าแก่เนี้ยเมื่อครู่ สะบัดแล้วเหมือนน้ำค้างบนใบหญ้ายามรุ่งสางไหลกลิ้งออกไป
พังโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งด้านข้างแหลกละเอียด
“ข้าบอกแล้ว โต๊ะตัวนี้สามร้อยตำลึง!”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“คิดในบัญชีข้าได้เลย”
คนผู้นี้กล่าว
“ร้านข้าเล็ก ปกติไม่ค้างจ่าย หนำซ้ำเจ้าก็ไม่ใช่ลูกค้าประจำ”
เถ้าแก่เนี้ยไม่ยอม
คนผู้นี้มองโต๊ะเก้าอี้ที่แตกละเอียดด้านข้างแล้วมองสีหน้าเอาจริงเอาจังของเถ้าแก่เนี้ย ได้แต่ล้วงมือเข้าสาบเสื้อหยิบแท่งเงินออกมาสามแท่ง
ทุกแท่งล้วนมีราคาหนึ่งร้อยตำลึง
เขาวางแท่งเงินสามแท่งซ้อนไว้บนโต๊ะคิดเงินอย่างเป็นระเบียบแล้วผายมือให้เถ้าแก่เนี้ย
สำหรับเขา ตนไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับคนตายโดยสิ้นเชิง
ทำโต๊ะเก้าอี้พังเท่าไร ชดใช้ตามราคาก็พอแล้ว
เขาไม่ขาดเงิน หนำซ้ำคนตายแล้วก็เอาเงินไปไม่ได้
ไปๆ มาๆ ยังกลับมาถึงมือของตน
ควักออกมาตอนนี้กลับลดภาระไปหนึ่งส่วน
กระบวนที่สี่สิบเจ็ด
เถ้าแก่เนี้ยเห็นแท่งเงินนั้นวางบนโต๊ะคิดเงินแล้วเผยรอยยิ้ม
“ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าก็เป็นคนรักษากฎเกณฑ์”
“นี่คือที่ของเจ้า คำพูดของเจ้าคือกฎเกณฑ์ ตราบใดที่มีกฎเกณฑ์ก็ต้องทำตาม นี่เป็นหนึ่งบรรทัดฐานสำคัญของการเพิ่มความเชื่อใจระหว่างกัน คนที่ไม่รักษากฎเกณฑ์มักจะพึ่งพาไม่ได้”
“แต่เจ้าจะสังหารข้าในที่ของข้า นี่ไม่ทำผิดกฎหรอกหรือ”
เถ้าแก่เนี้ยย้อนถาม
“ในเมื่อคนพูดกฎเกณฑ์ออกมา ย่อมถูกคนแก้ไขได้เช่นกัน เงื่อนไขหลักคือคนผู้นั้นต้องมีกำลังทำลายกฎเกณฑ์”
คนผู้นี้กล่าว
เถ้าแก่เนี้ยหายใจเข้าลึก ไม่ได้ตอบ
แต่มือของนางกลับลากผ่านดาบซ่อนคมบนแขนขวาอย่างช้าๆ
“ดูเหมือนนางจะออกดาบแล้ว!”
หลิวรุ่ยอิ่งกล่าว
กระบวนท่าที่สี่สิบเจ็ด น้อยกว่าที่หวาหนงคาดเดาแค่สามกระบวนเท่านั้น
“ไม่ ยังไม่ออก…”
หวาหนงกล่าว
“ไม่ถึงชั่วเวลาสุดท้าย เถ้าแก่เนี้ยไม่มีทางออกดาบ”
หวาหนงกล่าวต่อ
ไม่ออกดาบ เถ้าแก่เนี้ยก็จะกุมอำนาจการเป็นฝ่ายรุกไว้ในมือตลอดเวลา
ใครก็ไม่อาจแย่งชิง
แม้เถ้าแก่เนี้ยอาจไม่รู้ว่าอีกฝ่ายระมัดระวังเช่นนี้เพื่อรออะไรอยู่ แต่ตราบใดที่นางไม่ออกดาบ อีกฝ่ายก็อาจจะรอเช่นนี้ต่อไป
“นี่นับเป็นแผนการหรือไม่”
หวาหนงหันไปถามหลิวรุ่ยอิ่ง
“ไม่นับ!”
หลิวรุ่ยอิ่งส่ายหน้าพูดตรงๆ
หากเจ้าบอกว่านี่คือกลยุทธ์อย่างหนึ่ง หลิวรุ่ยอิ่งอาจยังรู้สึกคำกล่าวนี้มีเหตุผล
เพราะไม่ว่าเป็นวิธีแบบใดล้วนทำเพื่อมีชีวิตรอดและมีชีวิตที่ดีเท่านั้น
ฝ่ายหนึ่งยินดีทุ่มเท อีกฝ่ายหนึ่งก็ยินดีมอบความสะดวก
สองฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการ นี่นับเป็นแผนการที่ไหนกัน
หลิวรุ่ยอิ่งเห็นเถ้าแก่เนี้ยกำลังถ่วงเวลา
หลายเรื่องล้วนไม่อาจรีบร้อน
รีบร้อนก็จะเกิดข้อผิดพลาดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ลดความเร็วลงหน่อย นอกจากให้เวลาตัวเองได้คิดมากพอ ยังทำให้อีกฝ่ายค่อยๆ หมดความอดทนระหว่างใช้มันอย่างไม่สิ้นสุดได้ด้วย
สุดท้ายสิ่งที่แข่งในการต่อสู้ครั้งนี้ก็คือเถ้าแก่เนี้ยกับคนผู้นี้ใครจิตใจมั่นคงกว่ากัน
สำหรับคนนอก นี่คือความสมดุลของการได้อย่างเสียอย่าง
แต่ตราบใดที่คนมีชีวิตอยู่ก็ต้องพยายามรักษาความสมดุลเช่นนี้ไว้
ไม่ว่าโชคร้ายหรือไร้วาสนา ล้วนต้องรับและเปลี่ยนแปลงความอยุติธรรมเหล่านี้ด้วยความยินดี
เถ้าแก่เนี้ยลูบดาบซ่อนคมของตนเบาๆ แล้วไม่ได้ลงมืออีก กลับลากเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งมานั่งลง
“ไม่สู้แล้ว!”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
“หมายความว่าอย่างไร”
คนผู้นี้เอ่ยถามด้วยความฉงน
“ไม่สู้แล้วก็คือไม่สู้แล้ว เจ้าอยากฆ่าข้าไม่ใช่หรือ ตอนนี้ก็ลงมือได้แล้ว”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าวพลางชี้ดาบโค้งในมือเขา
เถ้าแก่เนี้ยพูดจนเขาพูดไม่ออก…
แม้บอกว่าการฆ่าเถ้าแก่เนี้ยเป็นเรื่องที่เขาต้องทำ
แต่ก่อนทำเรื่องนี้เขามีข้อกำหนดอย่างหนึ่งด้วย
นั่นก็คือต้องรอเถ้าแก่เนี้ยใช้ดาบตัดเงาของจวนชิงแล้วถึงจะลงมือฆ่าได้
ตอนนี้ นอกจากเถ้าแก่เนี้ยจะไม่ออกดาบแล้ว ยังหย่อนก้นนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่สนใจชีวิตตัวเองโดยสิ้นเชิง
“ข้า…ฆ่าเจ้าเช่นนี้ไม่ได้!”
คนผู้นี้กล่าว
ปลายดาบห้อยลงพื้น จนปัญญาอย่างยิ่ง…
“เจ้าเข้ามาก็โวยวายจะฆ่าข้า ตอนนั้นข้าไม่อยากตายเลยพยายามลุกขึ้นสู้ ตอนนี้ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ทำไมเจ้ายังไม่ฆ่าข้าอีก นี่หรือความเชื่อใจที่เจ้าว่า”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าว
นางฝีปากดีเสียจริง ทำให้เขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ข้าจะฆ่าคน แต่ต้องหลังจากเจ้าใช้ดาบตัดเงาแล้ว”
คนผู้นี้ถอนหายใจ กล่าวความจริงออกมาในที่สุด
“อย่างนี้นี่เอง…มิน่าถึงได้ลำบากเช่นนี้”
เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้ากล่าวอีกครั้ง
จากนั้นยกแขนขวา ดาบซ่อนคมนั้นพลันเผยคม!
คนผู้นี้ดวงตาเป็นประกาย นึกว่าเถ้าแก่เนี้ยจะออกดาบจริง
แต่เถ้าแก่เนี้ยกลับยิ้มให้เขาเล็กน้อย จากนั้นหมุนคมดาบฟันลงมาที่คองามของตนในท่วงท่าเร็วปานฟ้าแลบ
ครั้งนี้แม้แต่หลิวรุ่ยอิ่งและคนอื่นก็ตกใจหน้าถอดสี!
ไม่มีใครคาดคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยจะฆ่าตัวตาย
และยังตายอย่างสงบเยือกเย็นเช่นนี้
คนผู้นี้เห็นแล้วหัวใจอยู่ในภาวะสับสน
แต่ร่างกายของเขากลับไม่หยุดนิ่งเลยสักนิด
“กระบวนที่สี่สิบแปด!”
หวาหนงกล่าว
แววตาหลิวรุ่ยอิ่งพลันเฉยชา
“เจ้าพูดถูก…นี่คือแผนการอย่างแท้จริง!”