ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 458 มองรอบทิศใจงวยงง-2
บทที่ 458 มองรอบทิศใจงวยงง-2
……….
เมื่อบัณฑิตจางเดินเข้าไปใกล้ ตรงท้ายทอยของจางเสี่ยวหยางกลับมีแสงน่าสะพรึงสายหนึ่งฉายออกมา!
“ฮ่าๆๆ! ไปตายเสียเถิดไอ้แก่!”
ทันใดนั้นจางเสี่ยวหยางก็ลุกขึ้น ก่อนถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ข้างหลังเขาใส่กลไกอาวุธลับเอาไว้ด้วย
อาวุธลับนี้ขับเคลื่อนด้วยกล้ามเนื้อและพลังปราณตรงแผ่นหลัง
เป็นหน้าไม้ที่สามารถยิงลูกศรได้สามลูก
หัวลูกศรอาบพิษร้ายแรง
ภายในหนึ่งร้อยก้าว เลือดจะอาบคอ
วิธีนี้เป็นไม้ตายลับสุดยอดของจางเสี่ยวหยางที่จะไม่นำออกมาใช้ง่ายๆ
มีเพียงในยามที่เขาอับจนหนทางแล้วเท่านั้นจึงจะใช้วิธีนี้ และหมายให้สังหารได้ในการจู่โจมครั้งเดียว
ตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยพลาดมาก่อน และยังไม่เคยยิงลูกศรทั้งสามลูกจนหมดมาก่อน
ตราบใดคนที่เห็นหน้าไม้นี้ของเขาตายไปหมดแล้ว หน้าไม้นี้ก็จะกลายเป็นความลับตลอดไป เป็นไม้ตายที่ไม่มีใครล่วงรู้
เจ้าหมิงหมิงมองจางเสี่ยวหยางที่กำลังได้อกได้ใจอย่างยิ่งด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย
แม้แต่ผู้ตัดสัมพันธ์ที่เคร่งขรึมเฉกภูเขาน้ำแข็งก็ยังหัวเราะออกมา
และความได้ใจของจางเสี่ยวหยางก็ค่อยๆ หยุดลงพร้อมกับเสียงหัวเราะของผู้ตัดสัมพันธ์
เขาเห็นว่าบัณฑิตจางยังคงยืนปกติดี
คล้ายไม่เป็นอันใดเลย
ตำแหน่งที่จางเสี่ยวหยางยิงออกไปควรจะทะลุกลางอกของบัณฑิตจางพอดี
แต่เวลานี้มันกลับร่วงลงข้างเท้าของบัณฑิตจาง
พิษที่กรอกเอาไว้ด้านในกระจายอยู่บนพื้น ส่งเสียง ‘ฟ่อๆๆ’ ราวกับงูพิษที่เอาแต่แลบลิ้น
จางเสี่ยวหยางมองขึ้นไปอีกครั้ง ตรงหน้าอกของบัณฑิตจางมีพัดกางเปิดอยู่เล่มหนึ่ง
ลูกศรจากหน้าไม้อาวุธลับของตนเมื่อครู่นี้คงจะถูกกั้นไว้ด้วยพัดเล่มนี้
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!”
จางเสี่ยวหยางตวาดเสียงถามพลางชี้นิ้วไปยังบัณฑิตจาง
น้ำเสียงของเขาในเวลานี้ทั้งแหลมทั้งสั่นเครือ
ราวกับตัวละครหญิงบนเวทีงิ้ว
ครั้งนี้จางเสี่ยวหยางหวาดกลัวแล้วจริงๆ
เมื่อใดที่จินตนาการสุดท้ายของคนผู้หนึ่งถูกทำลายลงแล้ว แม้แต่ความมั่นใจเล็กน้อยก็จะไม่เหลืออยู่อีก
จางเสี่ยวหยางในเวลานี้ไม่ได้คุกเข่าร้องขอชีวิตอีกครั้ง แต่กลับไปควานหาตั่งเพื่อนั่งลงดีๆ
สองมือยันโต๊ะ สีหน้าซีดขาว
เขาเม้มริมฝีปากแน่น สายตาว่างเปล่า
บัณฑิตจางพับพัดเก็บไปเงียบๆ
ก่อนเดินเข้ามาหาจางเสี่ยวหยางทีละก้าว
จางเสี่ยวหยางเห็นว่าร่างของบัณฑิตจางค่อยๆ เข้ามาใกล้ ร่างที่สั่นอยู่แล้วก็เริ่มสั่นแรงขึ้น สุดท้ายก็อาเจียนออกมา
คราบสีขาวแดงนองเต็มพื้น กลิ่นเน่าเหม็นเปรี้ยวลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
เมื่อจางเสี่ยวหยางอาเจียนออกมาจนหมด ร่างของเขาก็ไม่สั่นอีก
แต่กลับคำรามเสียงดังลั่นใส่แผ่นหลังของบัณฑิตจาง ก่อนยิงศรของอาวุธลับที่เหลืออยู่สองลูกออกไปจนหมด
ลูกไม้เล็กน้อยนี้ย่อมไม่อาจสร้างความลำบากให้บัณฑิตจางได้
หลังจากกันไว้ได้อย่างสบายๆ พัดกระดูกขาวในมือก็คลี่ออกอีกครั้งและโบกอย่างไม่ยี่หระหนหนึ่ง
แต่ร่างของจางเสี่ยวหยางกลับปลิวออกไปเหมือนว่าวสายขาด ชนกรอบหน้าต่างแตกกระจาย และไปนอนแผ่อยู่บนพื้นถนนเหมือนสุนัขตายตัวหนึ่ง
“เอาละ ในที่สุดก็เงียบเสียที!”
บัณฑิตจางกล่าว
สายตาจับจ้องผู้ตัดสัมพันธ์
“เขามาแก้แค้นข้า”
เจ้าหมิงหมิงกล่าว
“ข้ามาที่นี่ก็เพื่อให้เขาเลิกตามล้างแค้น แม่นางเจ้ารีบหนีไปก่อนเถิด!”
บัณฑิตจางกล่าว
เจ้าหมิงหมิงกลับยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน
ผู้ตัดสัมพันธ์ยังคงจับจ้องนางเขม็ง
เมื่อใดที่เจ้าหมิงหมิงมีท่าทีน่าสงสัยแม้แต่น้อย ไม่แน่ว่าผู้ตัดสัมพันธ์จะออกดาบในทันใด
“ท่านไม่ใช่อาจารย์ของข้าอีกแล้ว ระหว่างเราไม่มีความสัมพันธ์ใดต่อกัน”
ผู้ตัดสัมพันธ์กล่าว
“เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าตอนเจ้าฝากตัวเป็นศิษย์ เจ้าพูดว่าอย่างไร”
บัณฑิตจางถาม
“ข้าจำได้ แต่คนที่ฝากตัวเป็นศิษย์ผู้นั้นได้ตายไปแล้ว เวลานี้ข้าคือผู้ตัดสัมพันธ์ คำพูดนี้ข้าก็เคยบอกแก่ท่านเมื่อครั้งได้พบกันในเมืองติ้งซีอ๋องแล้ว”
ผู้ตัดสัมพันธ์กล่าว
“ใช่ว่าทุกสายสัมพันธ์จะตัดขาดได้ เจ้าเรียกตนว่าผู้ตัดสัมพันธ์แต่ความแค้นก็เป็นความเกี่ยวพันอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ การที่เจ้ายึดมั่นในความแค้นเพียงนี้ ไหนเลยจะนับเป็นการตัดสัมพันธ์ เห็นๆ อยู่ว่าเป็นผู้ปักใจอันดับหนึ่งในใต้หล้า!”
บัณฑิตจางกล่าว
“ข้าตัดสัมพันธ์ เพราะทุกสิ่งที่เคยผูกมัดและงดงามล้วนทำให้ข้าพะว้าพะวัง ทำให้ข้าไม่อาจจดจ่ออยู่กับเรื่องหนึ่งได้ ภายหลังข้าจึงเพิ่งพบว่าเมื่อตัดเยื่อใยและสัมพันธ์สามัญเหล่านั้นไปเสีย ถึงทำให้ข้าเป็นผู้แข็งแกร่งได้รวดเร็วกว่าเดิม”
ผู้ตัดสัมพันธ์กล่าว
“เมื่อได้เป็นผู้แข็งแกร่งแล้วจะทำสิ่งใด”
บัณฑิตจางกลับไถ่ถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว
“บุกขึ้นไปสังหารเขาเรียงรัน ทำลายเผ่าจิ้งจองให้สิ้นซาก”
ผู้ตัดสัมพันธ์กล่าว
“ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงได้ปรารถนาแรงกำลังมหาศาลเช่นนี้ เช่นนั้นก็พอจะฟังขึ้น”
บัณฑิตจางเอ่ยทั้งพยักหน้า
“ท่านเข้าใจด้วยรึ”
ผู้ตัดสัมพันธ์เอียงหัว ค่อนข้างประหลาดใจ
“ย่อมเข้าใจอยู่แล้ว! เจ้าบอกว่าเมื่อหวังสูงเกินไป ทำให้มีแต่ใจแต่ไร้กำลังเพียงพอ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องเร่งให้เติบใหญ่ได้ไวๆ แม้จะว่ากันว่าอย่ารีบเร่งไปสู่ความสำเร็จ แต่ในหล้านี้ก็มักมีทางลัดไม่ใช่หรอกหรือ คนโง่ค่อยๆ เดินไปทีละก้าว แต่ผู้มีความสามารถกลับจะค้นหาทางลัดได้ ข้าคิดเสมอว่าเจ้าคือผู้มีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ด้านบู๊หรือโครงสร้างร่างกาย ในครั้งนั้นก็สามารถกลบรัศมีทุกคนในรุ่นเดียวกันของสำนักปากสอบได้ ฉะนั้น สำหรับเจ้าแล้ว การหาทางลัดย่อมไม่ใช่เรื่องยากเป็นแน่”
บัณฑิตจางกล่าว
เจ้าหมิงหมิงกลับได้ยินคำว่า ‘สำนักปากสอบ’
หลังจากต่อสู้กับจิ้งเหยาและหนีรอดมาได้ คำนี้ก็สลักอยู่ในใจของเจ้าหมิงหมิง
แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าผู้ตัดสัมพันธ์และบัณฑิตจางก็มีความเกี่ยวข้องกับสำนักปากสอบด้วย
ทันใดนั้น นางก็เริ่มเป็นกังวลถึงเกาลัดคั่วน้ำตาลและแม่นางน้อยผู้ลึกลับผู้นั้นที่ชั้นบน
ทว่าเจ้าหมิงหมิงไม่แน่ใจว่าบัณฑิตจางจะเป็นคนที่เชื่อถือได้หรือไม่ หากเชื่อถือได้ นางก็อยากจะสอบถามเขาเรื่องสำนักปากสอบให้ชัดเจน
“ข้าไม่ใช่ผู้มีความสามารถ และข้าก็หาทางลัดไม่พบด้วย”
แววตาของผู้ตัดสัมพันธ์พลันหม่นลง
“จะหาไม่พบได้อย่างไร เจ้าก็บอกมาแล้วว่าการตัดสิ่งผูกมัดและความงดงามทั้งหมด ทำให้เจ้ากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ นี่ไม่ใช่ทางลัดที่เจ้าหาพบหรอกหรือ”
บัณฑิตจางผายมือออกพลางเอ่ย
“ก็เพราะท่านอยากให้ข้ากลับไป จึงได้ทรหดอดทนเช่นนี้ไม่ใช่หรือ”
ผู้ตัดสัมพันธ์ถาม
“ก่อนนี้เคยอยาก แต่ยามนี้ไม่อยากแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือชั่วพริบตาที่ได้เห็นเจ้าเมื่อครู่นี้ ข้าก็ไม่อยากอีกแล้ว”
บัณฑิตจางกล่าว
“เช่นนั้นเป้าหมายที่ท่านมาคือสิ่งใด”
ผู้ตัดสัมพันธ์เริ่มงุนงง
รู้สึกรางๆ ว่าอาจารย์ของตนไม่ค่อยปกตินัก
“ข้ามาก็เพื่อทำให้เจ้าตัดขาดจากทุกสิ่งที่เคยผ่านมาได้โดยสิ้นเชิง”
บัณฑิตจางเอ่ยทั้งยิ้มน้อยๆ
พัดกระดูกขาวในมือคอยหุบและเปิดออกไม่หยุด ส่งเสียง ‘พั่บๆ’ อย่างมีจังหวะ
“ตัดขาด? ทำอย่างไรจึงจะตัดขาดได้ แล้วอย่างไรจึงจะนับว่าตัดขาดโดยสิ้นเชิง”
ผู้ตัดสัมพันธ์เอ่ยพร้อมยิ้มขมขื่น
คล้ายกำลังเยาะเย้ยตนเอง
“จุดเริ่มต้นทั้งหมดของเจ้าล้วนเกิดขึ้นหลังจากที่ได้กลายเป็นศิษย์ของข้า ตั้งแต่คืนวันนั้นมาจนถึงวันนี้เวลานี้ล้วนเป็นเพราะข้า คู่หมายของเจ้าก็เป็นข้าที่เป็นพ่อสื่อจับคู่ให้ และครั้งนั้นก็ยังเป็นข้าที่ให้เจ้าสงบนิ่งไปทั้งคืน จนสูญเสียการระแวดระวังตัว กระทั่งในที่สุดเจ้าทรยศและหนีออกจากสำนักปากสอบ ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่งดงาม หรือว่าฝันร้ายที่ทำให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะข้า เจ้าว่าใช่หรือไม่”
บัณฑิตจางถาม
ผู้ตัดสัมพันธ์กลับไม่พูดสักคำ
ทุกๆ คำที่บัณฑิตจางเอ่ยออกมาล้วนทำให้เขาเศร้าใจ และในเวลาเดียวกันก็งุนงงยิ่งกว่าเดิม
แต่พอไตร่ตรองดูอย่างละเอียดแล้วก็กลับเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ก่อนหน้านี้ผู้ตัดสัมพันธ์ไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน แต่เมื่อบัณฑิตจางพูดออกมาในครั้งนี้ กลับทำให้ใจเขาเริ่มสั่นคลอนขึ้นมา
“ท่านจะให้ข้าเอาความแค้นไปลงที่ท่าน?”
ผู้ตัดสัมพันธ์กล่าว
เขาเข้าใจเจตนาของอาจารย์ของตนได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่ ข้าเพียงแต่หาวิธีที่ดีต่อทั้งเจ้าและข้า”
บัณฑิตจางกล่าว
“ใช้ดาบของเจ้าสังหารข้าเสีย เช่นนี้แล้วจึงนับได้ว่าตัดขาดและกำจัดสายสัมพันธ์ทั้งปวงที่อยู่นอกเหนือจากความแค้นได้โดยสิ้นเชิง ทำเช่นนี้แล้วเจ้าจึงจะนับว่าเป็นผู้ตัดสัมพันธ์ และข้าจึงจะเชื่อว่าเจ้ามีความเด็ดเดี่ยว สักวันหนึ่งในภายภาคหน้าจะสามารถทำให้ลิขิตแห่งการตามล้างแค้นของเจ้าสำเร็จลุล่วง”
บัณฑิตจางกล่าว
หลังพับเก็บพัดกระดูกขาวในมือแล้วก็โยนไปข้างหลังทันใด
………………………………………
……….