ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 507 เลือดย้อมดาบกระบี่ในพายุทราย-14
บทที่ 507 เลือดย้อมดาบกระบี่ในพายุทราย-14
…………….
มองแวบแรกเกาเหรินก็รู้สึกมีดเล่มเล็กนี้ประหลาดเหมือนเมฆแดงด้านหลังเล็กน้อย แต่กว่าจะเห็นจุดสำคัญของมันอย่างแท้จริงกลับใช้เวลาไปหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ
เวลาหนึ่งถ้วยชานี้เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาไม่ได้พูดจาและไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เขาแค่รออยู่เงียบๆ
ในที่สุดเกาเหรินก็เข้าใจแล้วว่ามีดเล่มเล็กนี้มีอะไรแปลก มันไม่มีด้าม เป็นแค่แผ่นเหล็กแบนราบชิ้นบางๆ
“นี่คืออะไรพ่ะย่ะค่ะ”
เกาเหรินถาม
“มีด!”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยากล่าว
“มีดนี้ไม่มีด้าม จะใช้อย่างไร”
เกาเหรินถามต่อ
“นี่คือมีดบิน ไม่จำเป็นต้องมีด้าม”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยากล่าว
“มีดบินประหลาดเล่มนี้คืออาวุธของท่าน?”
เกาเหรินถามต่อ
“ถูกต้อง”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาพยักหน้ายืนยัน
เกาเหรินจุ๊ปากชื่นชม…
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาผู้สง่าผ่าเผยจะใช้อาวุธเล็กๆ เช่นนี้
หากเป็นดาบยาวทั่วไปหรือดาบโค้งแบบเดียวกับจิ้งเหยาคงไม่ทำให้เกาเหรินสะเทือนขวัญรุนแรงเช่นนี้
แม้กล่าวในแง่หนึ่งดาบยังคงไม่สู้กระบี่
ตำแหน่งของมือดาบในยุทธภพและราชสำนักยังต่ำกว่าผู้ฝึกกระบี่หลายส่วน
ถึงอย่างไรดาบก็หาได้ทั่วไป ธรรมดาเกินไป
ไม่ได้สง่างามลึกลับเท่ากระบี่
ทั้งยังห่างไกลจากการชวนฝัน
เหมือนที่เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาพูดเองว่าวันปกติเขาขัดกระบี่เพื่อให้ดูสง่างามขึ้น
ความสง่างามนี้ไม่ได้สื่อถึงรูปลักษณ์อย่างเดียว ที่มากกว่านั้นคือใช้กระบี่เป็นเครื่องประดับและสัญลักษณ์
เครื่องประดับหรูหรา สัญลักษณ์สูงศักดิ์
จินตนาการเกี่ยวกับกระบี่ของผู้คนมักอยู่บนฟ้า อยู่ในหุบเขาลึกและอยู่ในก้อนเมฆ
แต่มีดไม่ใช่…
ถึงขั้นห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้
มีดเป็นของคนทั่วไป
คนฆ่าสัตว์ ชาวนา พ่อครัว
ทุกคนล้วนมีมีด
หั่นผัก เป็นอาวุธ ฆ่าหมู เชือดแกะ หั่นเนื้อ แล่ปลา เหล่านี้ล้วนต้องมีมีดช่วย
และบนโลกคงไม่มีใครใช้กระบี่ทำเรื่องเหล่านี้แน่นอน
ชีวิตต้องมีมีด เหมือนคนต้องนอนหลับทุกคืน
เดิมคนเราไม่ควรสนใจของที่เห็นอยู่ทุกวัน แต่ที่แปลกคือทุกคนต่างมีภาพจำว่ามีดโหดร้าย รุนแรงและเหี้ยมเกรียมกว่ากระบี่มากนัก
มีดมีหลายชนิด ตั้งแต่มีดพร้า มีดหั่นผักในชีวิตประจำวันไปจนถึงดาบเดี่ยว ดาบคู่หรือง้าวที่ชาวยุทธ์ชอบใช้กัน รวมถึงดาบตะขอคมเขี้ยวสามหอรบของบิดาทังจงซง
มีดบินก็เป็นหนึ่งในนั้น
เพียงแต่อาวุธชนิดนี้ลึกลับเกินไป
“มีดบินต้องใช้อย่างไร”
เกาเหรินถาม
“มีดบิน แค่ฟังชื่อก็คงรู้ว่าใช้อย่างไรแล้วกระมัง”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยากล่าว
จุดสำคัญของมีดบินอยู่ที่คำว่า ‘บิน’
หากมีดบินบินไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมีดที่เหลือ
มีดอื่นมีกระบวนท่า มีลำดับ มีวิธีการ
การฝึกมีดเป็นขั้นตอนที่ลำบากยิ่งเหมือนกัน
แต่มีดบินต่างออกไป
มันต้องการแค่จังหวะเดียว
หากจังหวะถูกต้อง แม้เป็นเด็กน้อยปามีดบินก็มากพอให้ถึงชีวิต
และจุดสำคัญของการคว้าจังหวะก็คือความเร็ว
ตราบใดที่ความเร็วมีดบินมากพอก็ไม่มีทางพลาดจังหวะนั้น
“ท่านมีมีดบินแค่เล่มเดียว?”
เกาเหรินถาม
“ข้ามีเยอะมาก…ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นของใช้แล้วหมดไป หากมีแค่เล่มเดียวแล้วไม่ได้ฆ่าศัตรูในหนึ่งกระบวนท่า ข้าก็มือเปล่ารอให้คนสังหารไม่ใช่หรือ”
เจิ้นเป่ยอ๋องส่ายหน้ากล่าว
“กระหม่อมนึกว่าคนมั่นใจเช่นท่านจะพกมีดบินติดตัวแค่เล่มเดียว”
เกาเหรินหัวเราะกล่าว
“แม้ข้ามั่นใจ แต่ยังไม่ถึงขั้นถือดีหรือลำพองตน อย่างไรมีดบินเล่มเดียวก็ไม่พอ ตอนตกปลาข้ายังเตรียมไส้เดือนไว้หนึ่งตะกร้า หากเผชิญหน้าศัตรูด้วยมีดเล่มเดียวจะไม่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ อย่างไรข้าก็คิดว่าการเป็นคนดียิ่ง ไม่ว่าเป็นอ๋องหรือคนธรรมดาล้วนดียิ่ง…ข้าไม่อยากกลายเป็นต้นไม้หรือหนูตัวหนึ่ง”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาถือมีดบินมือขวา ยักไหล่กล่าว
เกาเหรินฟังไปพลางเอียงไหล่
ยื่นมือซ้ายเข้าไปพยายามล้วงแขนเสื้อข้างขวา
ไม่รู้เขาล้วงอะไรอยู่ แต่กายเขาเอนไปทางขวาทั้งหมด มือซ้ายเลื่อนตามแขนเสื้อจนใกล้ถึงตำแหน่งของไหล่
“เจ้าหาอะไรอยู่”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาถามด้วยความแปลกใจ
“กระหม่อมกำลังหาอาวุธของตัวเอง”
เกาเหรินกล่าว
เพิ่งพูดจบก็มีเสียงดัง ‘แควก’ มือซ้ายเขาฉีกแขนเสื้อข้างขวาของตนออกเป็นช่องใหญ่
แท่งสีเขียวขนาดเล็กไม่ทราบวัสดุความยาวเท่ากันร่วงกราวลงบนพื้น
เกาเหรินรีบร้อนก้มลงไปเก็บ ทุกแท่งที่เก็บขึ้นมาต้องเอามาเป่าเศษดินทรายให้สะอาดแล้วออกแรงเช็ดใต้รักแร้สองครั้ง
“นี่คืออะไร”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาถาม
“แท่งคำนวณ[1]”
เกาเหรินกล่าว
“นี่คืออาวุธของเจ้า?”
เจิ้นเป่ยอ๋องเบิ่งตาโต ถามอย่างเหลือเชื่อ
“กระหม่อมไม่มีอาวุธ…แต่ท่านมีมีดบิน กระหม่อมคิดว่าต้องมีของถือในมือเหมือนกัน อย่างไรคงมือเปล่าไม่ได้กระมัง แบบนั้นออกจะไม่ค่อยยุติธรรม”
เกาเหรินเก็บแท่งคำนวณทั้งหมดที่ร่วงกระจายบนพื้นแล้วลุกขึ้นเกาหัวกล่าว
ดังนั้นเจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาเห็นเกาเหรินพกแท่งคำนวณกำใหญ่ติดตัว จึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ชัดว่าเสียกิริยาเล็กน้อย
สิ่งนี้หายากกว่ามีดบินไม่มีด้ามมากนัก
“เป็นสีเขียวแก่ หรือว่าทำจากไข่มุก”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาถาม
“เป็นหยกแข็งพ่ะย่ะค่ะ สองด้านยังฝังไข่มุกงาช้างไว้เม็ดหนึ่ง”
เกาเหรินหยิบแท่งคำนวณอันหนึ่งขึ้นมากล่าวกับเจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยา
“ข้านึกว่าเจ้าจะหยิบของแปลกอะไรออกมา ไม่นึกว่าจะเป็นแท่งคำนวณ…ถึงเป็นแผ่นป้ายอันหนึ่งข้าก็ยังไม่ประหลาดใจเท่านี้!”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยากล่าว
ลมพัดผมซอยตรงจอนเกาเหริน เขาเสียบแท่งคำนวณสองอันแยกไว้บนหูของตน
ในมือเหลือแค่สองอัน ที่เหลือใส่กลับเข้าสาบเสื้อตรงหน้าอกทั้งหมด
“สิ่งนี้ต้องใช้อย่างไร”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาถาม
เกาเหรินหัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบ
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาไม่พอใจเล็กน้อย…เพราะเขาบอกทุกสิ่งเกี่ยวกับมีดบินของตนให้เกาเหรินฟังชัดเจนหมดแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นลึกลับให้เขาหงุดหงิดใจ
เกาเหรินวาดมือขวาทำท่าเชิญ
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาหายใจเข้าลึก คว่ำฝ่ามือกำมีดบินไว้ในนั้น
ตอนนี้เขาหงายหลังมือ สองนัยน์ตาจ้องเกาเหรินนิ่ง
กวาดสายตามองจุดสำคัญของเกาเหรินอย่างหว่างคิ้ว ลำคอ แอ่งไหล่และหัวใจ แต่กลับรีรอไม่ลงมือ
“ท่านกังวลอะไรอยู่”
เกาเหรินถาม
“ข้ากำลังรอ”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยากล่าว
“รออะไรพ่ะย่ะค่ะ”
เกาเหรินถาม
“รอจังหวะออกมีด”
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยากล่าว
“กระหม่อมก็ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนี้ ต้องรอจังหวะใดอีก”
เกาเหรินอ้าแขนกล่าว
ตอนนี้แท่งคำนวณสองอันที่เหลืออยู่ข้างนอกกำไว้บนมือคนละข้าง
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาสังเกตเห็นอย่างว่องไวว่าไหล่ทั้งสองของเกาเหรินสูงต่างกันหนึ่งชุ่นตอนอ้าแขนออก
แท่งคำนวณบนมือซ้ายใช้นิ้วโป้งกำไว้แน่นในฝ่ามือ โผล่ออกบนล่างเล็กน้อย แต่นิ้วโป้งของเขากลับเป็นสีขาวตรงขอบเล็บเล็กน้อยเพราะใช้แรงมากไป
ทว่าแท่งคำนวณบนมือขวาเขาต่างกับข้างซ้ายโดยสิ้นเชิง
เขาจับไว้แน่นด้วยสี่นิ้วเหมือนถือพู่กันเขียนอักษรและทำมุมประหลาดกับพื้น
ทั้งไม่ตั้งตรงและดูไม่ออกว่าเอียงแค่ไหน
ส่วนอันที่เสียบไว้บนหูสองข้างกลับเสียบไว้ตรงกลางใบหูพอดี เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยายังไม่เข้าใจเจตนาของเขา
แต่ถ้าบอกว่าเกาเหรินแค่ทำไปอย่างนั้น เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาไม่เชื่อเด็ดขาด…
ตอนคนคนหนึ่งกางแขนไหล่สองข้างไม่มีทางต่างกันหนึ่งชุ่นโดยไร้สาเหตุ ยิ่งไม่มีทางจับแท่งคำนวณแบบเดียวกันด้วยสองท่าทางที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาเห็นทั้งหมดนั้นแล้วรู้สึกประหลาดไปหน่อย เขาถึงกับใคร่ครวญอยู่นาน มีดบินยังอยู่ในฝ่ามือขวา
สองแขนที่กางออกของเกาเหรินยังไม่กลับสู่สภาพเดิม เขากำลังเอียงศีรษะมองเจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาพลางยกยิ้มมุมปาก
ลมพัดผ่าน เขารู้สึกแผ่นหลังถูกความเย็นรุนแรงเข้าจู่โจม
ถึงได้พบว่าเสื้อข้างหลังตนชุ่มเหงื่อตอนไหนไม่รู้
จากนั้นบริเวณท้ายทอยเขาเหมือนมีแมลงตัวเล็กกำลังไต่อย่างเชื่องช้า ทำให้ผิวหนังอ่อนไหวที่เพิ่งถูกลมพัดผ่านคันยุบยิบยากทนไหว
ตรงนี้ไม่มีแมลงตัวเล็กอยู่แล้ว
แถมเจิ้นเป่ยอ๋องยังเป็นคนสะอาดสะอ้าน
เสื้อผ้าและถุงเท้าบนกายล้วนเปลี่ยนใหม่ ไม่มีทางมีเห็บหรือหมัด
แน่นอนว่าบนตัวท่านอ๋องคนหนึ่งไม่มีทางมีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเป็นแค่เหงื่อเม็ดหนึ่งเท่านั้น
เหงื่อเม็ดนี้ผุดจากรากผมของเขา สะสมจนใหญ่ ในที่สุดก็เกินขีดจำกัดที่เส้นผมจะรับไหวจึงไหลลงไปตามลำคอ ทะลุช่องระหว่างคอกับปกเสื้อแล้วหยดลงบนหลัง สุดท้ายถูกเสื้อซับในดูดไว้ทั้งหมด
แต่ความหนาวสั่นเมื่อครู่กลับมอบพลังแปลกประหลาดให้เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยา
แสงสีเงินดุจดาวตก
พุ่งออกจากมือเขาอย่างรวดเร็ว
เร็วจนทำให้คนเห็นร่องรอยไม่ชัด
หากตาจับไม่ทัน เช่นนั้นได้แต่ใช้ใจสัมผัส
แต่ถ้าใจยังสัมผัสไม่ได้
เช่นนั้นก็มีแค่จุดจบที่รอความตาย…
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาหลับตา
สายตาเขาไม่ได้มองตามมีดบิดของตน
เพราะมีดบินของเขาเร็วเกินไป!
ไม่เพียงคู่ต่อสู้มองไม่เห็น
กระทั่งตัวเขาเองก็มองไม่เห็น!
นอกจากแสงสีเงินตอนออกมือ ไม่มีใครเห็นร่องรอยของมีดบินเล่มนั้นได้ด้วยตา
เขาถึงได้หลับตา
ทว่าขณะหลับตาเขากลับเปิดใจ
มีดบินไร้ด้ามนี้เชื่อมถึงจิตใจของเขา
บนฟ้าใต้ดินหรือทั้งโลกหล้ามีแค่เขาคนเดียวที่สัมผัสรู้ได้
เพียงแต่เขาไม่ได้เผยรอยยิ้มหลังออกมีดอย่างที่เคยเป็น
กลับขมวดคิ้วมุ่น
ปูดโปนอยู่บนใบหน้า
ภายใต้แสงสลัวมันเหมือนแมงมุมดำขนาดยักษ์ไต่อยู่หว่างคิ้วของเขา ดุร้ายน่ากลัวอย่างยิ่ง
เหงื่อไหลจากจอนผมเขาหยดแล้วหยดเล่า
บ้างก็หยดบนไหล่ บ้างก็หยดในคอเสื้อ ยังมีบางส่วนถูกลมพัดเคลื่อนทิศทางไปหยดอยู่ข้างเท้า
เจิ้นเป่ยอ๋องซ่างกวนซวี่เหยาจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเหงื่อออกเยอะขนาดนี้คือตอนไหน
อาเจียนหลังเมาทำให้คนเหงื่อออกง่ายที่สุด
แต่เขาไม่ได้ชอบดื่มสุรา
คนที่นับนิ้วได้กระทั่งจำนวนครั้งดื่มสุรา การเมาถือเป็นเรื่องเกินตัวสำหรับเขา
นอกจากนั้น สาเหตุที่เหงื่อออกยังมีอีกมาก
ร้อน
ตื่นเต้น
หวาดกลัว
………………………………………
[1] แท่งคำนวณ ใช้คำนวณตัวเลข มีวัสดุหลากหลาย เช่น ไม้ เหล็ก หยก
ข้อความถึงนักอ่าน
@…………….
เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพของนักแปล ทางทีมงานจึงมีความจำเป็นต้องปรับลดการอัปเดต “ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา” เหลือวันละ 1 ตอน เพื่อรักษาคุณภาพการแปล โดยจะอัปเดตในเวลา 12:30 น. ของทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้
…………….