ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา - บทที่ 520 เลือดย้อมดาบกระบี่ในพายุทราย-27
บทที่ 520 เลือดย้อมดาบกระบี่ในพายุทราย-27
……….
หากผู้อื่นเห็นท่าทางหลิวรุ่ยอิ่งในยามนี้คงคิดว่าเขาดูเหมือนจะขดตัวลง
มนุษย์เราจะขดตัวได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นไรน่ะหรือ
แน่นอนว่ายามที่หวาดกลัวหรือหนาวเหน็บ
หลิวรุ่ยอิ่งมีกระบี่ในมือ แม้ว่าคำพูดเกาเหรินจะแฝงภัยคุกคามอย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็ไม่ควรรู้สึกกลัวจึงจะถูก
แต่เขากลับกระชับแขนขึ้นอีกครั้ง…ช่างอธิบายได้ยากจริงๆ
แม้ว่าลมทะเลทรายหลังครึ่งค่อนคืนจะเบาลงไปมากทีเดียว แต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็นเล็กน้อย
ทว่าลมไม่ใช่สิ่งที่หนาวเย็นมากที่สุด
อย่างน้อยแสงกระบี่ของกระบี่ยาวในมือหลิวรุ่ยอิ่งก็เย็นเยียบยิ่งกว่าลมเสียอีก
แต่ไม่ว่าจะเป็นลมหรือแสงกระบี่นี้ หากเทียบกับดวงตาที่สดใสของเกาเหริน ก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งใดด้วยซ้ำ
แม้ว่าแววตาของเขาจะฮึกเหิมยิ่งนัก แต่ก็เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งในสระน้ำลึก
นี่เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
เพราะคนที่มีแววตาฮึกเหิม ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะกระตือรือร้น
กระตือรือร้นก็ถือเป็นคำที่ดูอบอุ่น ไหนเลยจะทำให้คนรู้สึกเย็นยะเยือกได้เล่า
แต่แววตาของเกาเหรินกลับขัดแย้งเช่นนี้
ภายใต้ความขัดแย้งอันดุเดือดเช่นนี้ พลังอันเหลือเชื่อพลันระเบิดออกมา จนทำให้หลิวรุ่ยอิ่งไม่กล้าสบตากับเขาด้วยซ้ำ
“เจ้ามั่นใจว่าเลือกตรงนี้จริงๆ หรือ”
เกาเหรินเอ่ยถาม
น้ำเสียงฉายแววเคร่งขรึมที่หาได้ยาก
แววตาเย็นชา น้ำเสียงเคร่งขรึม
ผิวหนัง กล้ามเนื้อและกระดูกทุกส่วนของเขา แม้กระทั่งเลือดที่ไหลเวียนภายในล้วนถูกแช่แข็งจนไม่เหลือที่ว่างใดๆ ให้ขยายตัว
หลิวรุ่ยอิ่งพยายามกะพริบตา หมายจะสลัดความรู้สึกที่ยากอธิบายนี้ แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี…
ราวกับการเชื่อมโยงระหว่างจิตวิญญาณและร่างกายของตนขาดสะบั้นอย่างรุนแรง
ไม่ว่าเขาจะใช้สมองสั่งการแขนขาอย่างไร พวกมันก็ไม่ตอบสนองสักนิด เช่นเดียวกับต้นไม้เก่าแก่ตายไปหลายปี ต่อให้จะใส่ปุ๋ยเท่าใดก็ไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้
“เจ้าจะลองคิดดูก่อนอีกทีก็ได้ อย่างไรเสียการเลือกหนแรก มักจะมีส่วนของการเดิมพันอยู่เล็กน้อย”
เกาเหรินพูดต่อทันที
หลิวรุ่ยอิ่งได้ยินประโยคนี้ชัดเจนยิ่งนักและเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ
เมื่อครู่เขาไม่ได้คิดมันอย่างละเอียดด้วยซ้ำ เพียงแค่บอกตำแหน่งไปอย่างส่งเดชเท่านั้น…
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าเกาเหรินจะมีความสามารถที่ทะลวงจุดตายของตนได้อย่างแม่นยำ และช่วยชีวิตขณะที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
หรือบางทีหลิวรุ่ยอิ่งก็มั่นใจในตนเองจนเกินไป
สิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง
สิ่งที่เขาทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นก็ทำไม่ได้
ความตื่นตระหนกและความโลภของมนุษย์สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมได้เสมอ
การแพ้ชนะบนโต๊ะพนันมักจะมาเร็วเกินไป ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีเวลามากพอที่จะคิดพิจารณาอย่างใจเย็น ดังนั้นจึงอ่อนไหวต่อลักษณะนิสัยเช่นนี้ได้ง่าย
ยามที่เผชิญผลแพ้ชนะ ลักษณะนิสัยเช่นนี้จะแสดงออกมาชัดเจนยิ่ง
นักพนันรวมตัวกันที่โต๊ะพนันด้วยความปรารถนาจะร่ำรวยในชั่วข้ามคืน ตอนแรกเริ่มพวกเขาอาจจะบอกกับตนเองอย่างใจเย็นว่า ‘เพียงแค่ลองเสี่ยงโชคเท่านั้น…’ แต่ทันทีที่พวกเขาชนะก็อยากจะชนะต่อไป อาจมีบางคนบอกว่าถ้าในเวลานี้พวกเขาแพ้จนหมดตัว พวกเขาต้องยอมถอยเป็นแน่ แต่นั่นผิดถนัด เมื่อพวกเขาแพ้ก็จะยิ่งตื่นตระหนกและรวบรวมความคิดเพื่อเอาสิ่งที่แพ้ไปกลับคืนมาต่างหาก
นักพนันมีเงินเป็นสิ่งล่อใจ ทุกคนก็ล้วนต้องการใช้ชีวิตหรูหรา จุดนี้เป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้
สิ่งล่อใจที่หลิวรุ่ยอิ่งเผชิญคือชีวิต
ไม่มีทางลัดไปสู่ความฝันประเภทนี้
แม้หลิวรุ่ยอิ่งจะไม่ใช่คนโลภในทรัพย์ แต่การรีบร้อนตอบเมื่อครู่กลับเผยให้เห็นจุดอ่อนของเขาอีกหนึ่งอย่าง
นั่นก็คือความสงสัยใคร่รู้
เขาอยากจะทดสอบแก่นแท้ของเกาเหริน
แม้ความอยากรู้อยากเห็นจะมีกันทุกคนก็ตาม
หากใช้มันได้ดีก็เป็นการกระตุ้นที่หาได้ยากประเภทหนึ่ง แต่ความอยากรู้อยากเห็นของหลิวรุ่ยอิ่งในยามนี้กลับผลักเขาไปสู่ขอบหุบเหวแห่งความเจ็บปวด
ความรู้สึกประเภทนี้ทำให้เสพติดได้ เมื่อใดที่ถูกปลุกเร้าจะรู้สึกพึงพอใจและอิ่มเอมใจ ขณะเดียวกันก็ทำให้เขาเฝ้ารอคอยให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้อีกและเสาะแสวงมันต่อไปเรื่อยๆ
“เอาตามนี้ ไม่เปลี่ยนแล้ว!”
ในที่สุดหลิวรุ่ยอิ่งก็ทะลวงน้ำแข็งและเอ่ยปาก
หลังจากพูดจบ ร่างกายเขาไร้ภาระหนักอึ้ง และเต็มไปด้วยพลัง
แน่นอนว่าเขารู้ว่าตนกำลังเดิมพัน
สิ่งเดิมพันคือชีวิตของตน
เพราะเขาไม่เชื่อคำพูดของเกาเหรินตั้งแต่เริ่มจนจบ
หลิวรุ่ยอิ่งเงยหน้าขึ้นสบตากับเกาเหรินนิ่งๆ
เกาเหรินยังคงยืนอยู่บนโต๊ะ หันหลังให้แสงสว่างจนมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
แต่แววตากลับไม่วาววับและเย็นยะเยือกเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
หลิวรุ่ยอิ่งรวบรวมความกล้าจึงเงยหน้าขึ้น แต่กลับเหมือนปล่อยหมัดบนนุ่นเสียอย่างนั้น ช่างน่าขันจริงๆ
“ไม่ครุ่นคิดอีกสักหน่อยจริงๆ หรือ จุดที่ข้าเลือกอาจจะไม่เหมาะกับเจ้าก็ได้”
เกาเหรินกล่าว
หลิวรุ่ยอิ่งไม่ได้ใช้วาจาตอบสิ่งใดอีก
เขายืดแขนขวาขึ้นชี้ปลายกระบี่จ่อลำคอเกาเหริน ใช้การกระทำแสดงถึงจิตใจอันแน่วแน่ของตน
เกาเหรินตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้า
เขาให้โอกาสหลิวรุ่ยอิ่งไปแล้วถึงสองครั้ง
แต่เขาก็ไม่เปลี่ยน
เรื่องเดียวไม่ควรเกิดซ้ำสามครั้ง
การเลือกถึงสองครั้งถือเป็นความเมตตาอย่างยิ่งแล้ว
สำหรับครั้งที่สาม นั่นคือมีเพียงตายหรือรอดเท่านั้น
เกาเหรินหยิบแท่งคำนวณออกจากอกอีกสองสามแท่ง
ไม่รู้ว่าใช้วิธีใด แต่พวกมันเชื่อมต่อกันทีละแท่ง
เมื่อกำอยู่ในมือราวกับไม้ที่เรียวยาวแท่งหนึ่ง
หากหลิวรุ่ยอิ่งไม่ได้เห็นกับตาว่าเกาเหรินหยิบพวกมันมาต่อกันและเปลี่ยนรูปร่าง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงคิดไม่ถึงว่าไม้แท่งนี้จะทำมาจากแท่งคำนวณ
แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ทำให้หลิวรุ่ยอิ่งไม่อาจเข้าใจได้เลย…
ในชั่วพริบตา เกาเหรินหักไม้ยาวในมือแท่งนี้ออกทีละชุ่น เหลือเพียงส่วนหัวและส่วนปลายสองแท่งอย่างสมบูรณ์
กระบี่หลิวรุ่ยอิ่งไม่สั่นไหว ยังคงชี้ตรงไปทางลำคอของเกาเหรินดังเดิม
เดิมทีเป็นท่าทางที่ข่มขู่ แต่เกาเหรินกลับเมินเฉยและยังคงเล่นแท่งคำนวณสองแท่งที่มีอยู่ของตน
ปากก็พึมพำเสียงแผ่วเบา ฟังไม่ได้ศัพท์ว่ากำลังพูดสิ่งใด
การเคลื่อนไหวในมือเปลี่ยนจากเข้มงวด ละเอียดและอ่อนโยนกลายเป็นดุร้ายและหยาบกระด้าง
ราวกับว่าสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือไม่ใช่แท่งคำนวณ แต่เป็นชีวิตศัตรูสองคน
โชคดีที่ความกังวลเช่นนี้ดำเนินไปไม่นาน อย่างมากที่สุดก็เพียงเวลาหนึ่งถ้วยชา ไม่เช่นนั้นหลิวรุ่ยอิ่งไม่รู้จริงๆ ว่าตนจะสามารถทนยืนหยัดต่อได้หรือไม่
สองมือกางออกวางไว้บนต้นขา ก้มหน้าลงอย่างห่อเหี่ยวยิ่งนัก
ปลายกระบี่หลิวรุ่ยอิ่งเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมแขนและข้อมือของตนอย่างหนัก แต่การหันเหเพียงเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นได้จากปลายกระบี่อย่างชัดเจน
ในตอนนี้เอง เกาเหรินพลันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้มมองหลิวรุ่ยอิ่ง
จู่ๆ หัวใจของลิวรุ่ยอิ่งพลันตึงเครียด ไม่มีเวลาแม้แต่จะแอบสบถด้วยซ้ำ
เขย่งปลายเท้าและถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
คิดไม่ถึงว่าจะถูกเก้าอี้ด้านหลังขวางไว้เล็กน้อยอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
ในชั่วพริบตานี้ หลิวรุ่ยอิ่งมองเห็นรางๆ ว่ามือขวาของเกาเหรินเหมือนจะกำลังขยับอยู่
จากนั้นเห็นจุดสีขาวพุ่งตรงมายังไหล่ซ้ายของหลิวรุ่ยอิ่ง
เขาเกิดความคิดแวบหนึ่ง ทว่าไม่ได้หลบเลี่ยง ทั้งยังคงรักษาท่าเหยียดกระบี่แทงตรงในมือเช่นเดิม
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแท่งคำนวณนั้นจึงกลายเป็นของคมกริบมากเพียงนี้
ทันทีที่เสียงดัง ‘ฉัวะ’ ก็ทะลวงไหล่ซ้ายของหลิวรุ่ยอิ่งจนเผยให้เห็นรูโชกเลือดน่าสยดสยอง
“เจ้าเด็กนี่! เจ้ามองออกได้อย่างไร”
เกาเหรินเอ่ยถาม
หลิวรุ่ยอิ่งอดทนต่อความเจ็บปวด แก้มพลันกระตุก แต่ยังคงยิ้มบางๆ ให้เกาเหริน
เขารู้ว่าตนเดิมพันชนะแล้ว
ทั้งๆ ที่แท่งคำนวณนั้นเจาะทะลุไหล่ซ้ายของเขาจนกระดูกและเนื้อแตกละเอียด ไหนเลยจะชนะได้เล่า
แต่ยามนี้หลิวรุ่ยอิ่งยังยืนหัวเราะอยู่ตรงนี้ได้ก็คือชัยชนะ
จุดที่เขาเลือกคือตรงกึ่งกลางรักแร้
แต่แท่งคำนวณที่เกาเหรินโจมตีกลับพุ่งมายังไหล่ของเขา
หลิวรุ่ยอิ่งจับกระบี่มือขวา ส่วนเกาเหรินโจมตีไหล่ซ้ายของเขา
เป้าหมายก็เพื่อให้หลิวรุ่ยอิ่งหลบเลี่ยงหรือฟันกระบี่สกัดกั้นจนเผยจุดอ่อนออกมาต่างหาก
ยามที่แขนขวาเบี่ยงไปทางแขนซ้าย จะมีชั่วครู่หนึ่งที่เผยจุดตายตรงกลางรักแร้ของเขา
สิ่งที่เกาเหรินรอคอยคือเวลาชั่วครู่นี้
ในมือของเขายังมีแท่งคำนวณอยู่อีกสองแท่ง
แท่งหนึ่งดูเหมือนโจมตีกะทันหัน แต่เอาเข้าจริงๆ จะใช้เป็นตัวล่อเปิดเผยจุดอ่อนต่างหาก
แท่งที่สองจึงจะเป็นการโจมตีปลิดชีพอย่างแท้จริง
เกาเหรินคิดไม่ถึงว่าหลิวรุ่ยอิ่งจะทำลายแผนการของตนอย่างสายฟ้าแลบเช่นนี้ ทั้งยังฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดที่แท่งคำนวณทะลวงกระดูก และไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหวกระบี่ในมือสักนิด
………………………………………………………………….