เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอน
ตอนที่ 58 การร่วมมือก็ไม่มีปัญหา
แม้ว่าต้าสือไต้จะตั้งอยู่ที่เขตเฉิงซี แต่ชื่อเสียงช่วงนี้พุ่งทะยานขึ้นจนในวงการอาหารตู้เหมินไม่มีใครไม่รู้จัก เพียงแค่ราคาที่ละแปดร้อยเก้าสิบเก้าหยวนบวกกับขายจำกัดยี่สิบที่ต่อวันก็ดึงดูดสายตาชาวโลกมากพอแล้ว แล้วยังบวกกับในช่วงหลายวันมานี้ออร์เดอร์หลั่งไหลไม่ขาดสาย มุ่งไปสู่ความโด่งดังอย่างแท้จริง
“สูตร…เสี่ยปาก็ไม่ต้องไปนึกถึงหรอก ตอนนี้เสี่ยเคอซานก็มาหาผมจะเอาสูตร ผมไม่ยอมให้ถึงได้มาหาความคุ้มครองจากเสี่ยปานี่แหละ”
เสี่ยเฉิงปามองซ่งจื่อเซวียน ท่าทางค่อยๆ ผ่อนคลาย “เหอะๆ แกหมายความว่า…แกเป็นคนทำข้าวผัดจักรพรรดิเหรอ”
“ผมรู้ว่าเสี่ยปาคงไม่เชื่อแน่ๆ ผมก็คงไม่อธิบายอะไร คืนนี้ผมแค่อยากคุยข้อเสนอกับเสี่ยปาเท่านั้น ส่วนเรื่องพิสูจน์ว่าผมเป็นเชฟข้าวผัดจักรพรรดิ คุณมาที่ต้าสือไต้ก็ได้”
เสี่ยเฉิงปานั่งลงค่อยๆ วิเคราะห์คำพูดของซ่งจื่อเซวียน เขาท่องยุทธภพมาหลายปีย่อมไม่ถูกผู้เยาว์คนหนึ่งข่มขู่เอาง่ายๆ แต่เด็กซ่งจื่อเซวียนคนนี้…เหมือนว่าจะเป็นข้อยกเว้นอยู่เล็กน้อย
“ไอ้หนู แกต้องรู้นะว่าถ้าแกกล้าหลอกฉัน ฉันสามารถตัดขาแกได้!”
“เสี่ยปา พรุ่งนี้คุณมาที่ต้าสือไต้ก็กระจ่างแล้ว ตอนนี้ผมแค่อยากจะพูดคุยกับคุณเรื่องที่ว่าถ้าคุณคุ้มครองผม ผมจะทำอะไรให้ได้บ้าง”
ท่าทางของเสี่ยเฉิงปาถูกซ่งจื่อเซวียนสยบกลับไปได้อีกครั้ง ขณะเดียวกันเขาก็มั่นใจแล้วว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา หลายประโยคดูเหมือนจะผ่อนคลายไม่หนักหนา แต่กลับกระตุ้นความสนใจของตน หากสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงล่ะก็ นี่ก็จะเป็นโอกาสดีครั้งหนึ่งอย่างแท้จริง
ในวงการอาหารเมืองตู้เหมิน นอกจากจะไปโรงแรมที่มีขั้นดาวหรือภัตตาคารเก่าแก่ ก็นับว่าเสี่ยเฉิงปาอย่างเขากับเคอซานมีอำนาจมาก จะว่าไปที่จริงแล้วเคอซานเหนือกว่า ดังนั้นเขาสามารถอาศัยโอกาสครั้งนี้เอาชนะอดีตได้ ก็นับว่าล้างแค้นเรื่องการแย่งชิงร้านค้าทำเลทองตอนนั้น
“งั้นแกก็ลองพูดมาว่าเสี่ยปาจะได้อะไร”
“เงิน กับร้านอาหารที่มีอาหารซิกเนเชอร์หนึ่งร้านครับ!” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“อาหารซิกเนเชอร์?”
“ถูกต้อง ที่ผมพูดถึงก็คือข้าวผัดจักรพรรดิ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
เสี่ยเฉิงปาได้ยินดังนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง เขาทำธุรกิจอาหารมาเกือบสิบห้าปี ยังไม่เคยมีอาหารซิกเนเชอร์อะไรอย่างแท้จริงเลย ส่วนเรื่องโด่งดังก็ยิ่งไม่เคยดังมาก่อน ถ้าเขาสามารถครอบครองข้าวผัดจักรพรรดิได้ ก็นับว่าที่ทำมานานปีขนาดนี้ไม่ได้สูญเปล่า
หากอาศัยตัวเอง เกรงว่าอีกสิบห้าปีก็ไม่แน่ว่าจะดีขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้สำหรับเขาก็เหมือนกับขนมที่ตกลงมาจากฟากฟ้า!
“ฉันต้องทำอะไร”
ซ่งจื่อเซวียนหยิบบุหรี่ของเสี่ยเฉิงปาจากบนโต๊ะขึ้นมา ดึงออกมามวนหนึ่งแล้วจุดไฟ พูดว่า “ลงทุนอาหารร้านหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ช่วยผมรับมือและจัดการเคอซาน”
“ลงทุนร้านหนึ่งได้อยู่แล้ว ขอแค่พิสูจน์ว่าแกเป็นเชฟข้าวผัดจักรพรรดิ ขนาดไหนแกตัดสินใจได้เลย แต่เคอซาน…แกจะให้ฉันรับมือและจัดการเขายังไง” เสี่ยเฉิงปาถาม
ซ่งจื่อเซวียนสูบบุหรี่เฮือกหนึ่ง ครุ่นคิด พูดว่า “ผมไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเคอซานใหญ่โต แต่เขาบังคับผมให้ยกสูตรข้าวผัดจักรพรรดิให้ จุดนี้ไม่โอเคแน่นอน ดังนั้นผมหวังว่าเสี่ยปาจะสามารถออกหน้าสงบศึกเรื่องนี้ได้ แต่สิ่งที่ผมต้องทำก็คือทำข้าวผัดจักรพรรดิในร้านที่เสี่ยปาลงทุน”
“แกพูดจริง?” เสี่ยเฉิงปาดีดตัวขึ้นถามทันที
“จริงสิ แต่ว่า…ผมมีเงื่อนไขอยู่อย่าง”
“เงื่อนไขอะไร พูดมาเถอะ ถ้าสมเหตุสมผลฉันก็ตอบรับได้ทั้งนั้น” เสี่ยเฉิงปาพูด
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “ร้านนี้ผมต้องการหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หรือก็คือผมไม่เอาเงินเดือน แต่ต้องการส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง”
“ฮ่าๆๆ ไอ้หนูแกบ้าไปแล้วใช่ไหม ค่าคอมมิชชันในร้านของเสี่ยปาอะนะ เกรงว่าทั้งเมืองตู้เหมินก็คงไม่มีใครพูดเงื่อนไขกับฉันแบบนี้!” เสี่ยเฉิงปาพูดพลางตบโต๊ะ
แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับไม่ได้ตกใจกับเสียงฝ่ามือนี้ ยังคงสงบนิ่งเหมือนตอนแรก เขายิ้ม “เสี่ยปา คุณต้องการข้อมูลอย่างหนึ่ง”
“ข้อมูลอะไร” เสี่ยเฉิงปาถามพลางขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกขัดแย้งเรื่องที่ซ่งจื่อเซวียนต้องการค่าคอมมิชชันอยู่บ้าง
นี่ก็ไม่ได้แปลก เมื่อก่อนเป็นเขาที่เก็บค่าคอมมิชชันจากคนอื่น ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนให้เขาลงทุนให้ไม่พอยังเก็บค่าคอมมิชชันของเขาด้วย บทบาทสับเปลี่ยนกันแล้วจริงๆ…
“ข้าวผัดจักรพรรดิหนึ่งที่ราคาแปดร้อยเก้าสิบเก้าหยวน จำกัดสิบที่ต่อวัน ก็คือรายได้เก้าพันหยวน สามสิบวันก็คือรายได้สองแสนเจ็ดหมื่นหยวน หลังจากแบ่งครึ่งกัน…ผมเชื่อว่าจะได้แสนกว่าๆ นอนมาเลยนะครับ เสี่ยปาคงไม่รู้สึกไม่สนใจใช่ไหม”
เสี่ยเฉิงปาครุ่นคิด “สิบที่เหรอ เหอะ ที่แกพูดมาฉันก็รู้หมด ปริมาณจำกัดของข้าวผัดจักรพรรดิคือยี่สิบที่!”
“เรื่องนี้…ไม่ปิดบังเสี่ยปาแล้วกัน ตอนนี้ผมยังอยู่ที่ต้าสือไต้ เกรงว่าทำยี่สิบที่…จะยุ่งยากนิดหน่อย”
“ยุ่งยาก หึ มีเรื่องยุ่งยากอะไรเสี่ยปาจะช่วยแกจัดการเอง นี่ยังไม่โอเคอีกเรอะ”
ได้ยินดังนั้นซ่งจื่อเซวียนก็ลอบยิ้ม เสี่ยเฉิงปาคนนี้ขาดเงินจริงๆ ตอนที่เพิ่งเริ่มเข้าประเด็น เขาก็เริ่มตั้งตารอแล้ว อีกทั้ง….แสดงท่าทีกระตือรือร้นอีก นี่แตกต่างกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิงแล้ว
“เรื่องนี้…เสี่ยปา เกรงว่าจะไม่ค่อยดีเท่าไร ผมให้คุณรับมือกับการจัดการเสี่ยเคอซาน คุณยังต้องช่วยผมรับแรงกดดันจากต้าสือไต้อีก ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจากใจเลย” ซ่งจื่อเซวียนแสร้งพูดแบบนี้
เสี่ยปาถอนหายใจ “ปัดโธ่ จะเกรงอกเกรงใจอะไรกับเรื่องนี้อีกเล่า ตามที่แกพูดมา ระหว่างเราก็คือความร่วมมือ เป็นพันธมิตรกันก็ย่อมต้องดูแลซึ่งกันและกัน แกวางใจเถอะ ขอแค่แกรับปากว่าจะทำยี่สิบที่ ทำกำไรให้ได้มากกว่าห้าแสน ฉันทำตามสัญญาแน่นอน!”
ซ่งจื่อเซวียนจงใจเงียบไปครู่หนึ่ง ความจริงแล้วเขาไม่ได้กลัวเสี่ยปากลับคำ ถึงอย่างไรข้าวผัดจักรพรรดิก็อยู่ในมือตนเอง กุมเทคนิคหลักอยู่เขายังต้องกลัวอะไรอีกเล่า
“เอาอย่างนี้แล้วกันครับเสี่ยปา สิบห้าที่ นี่คือเส้นต่ำสุดของผมแล้ว ผมไม่อยากให้ข้าวผัดจักรพรรดิกลายเป็นอาหารที่แค่จ่ายเงินก็ได้กินเร็วนัก อีกทั้งสำหรับคุณแล้วก็จะเป็นข้อได้เปรียบ จำนวนที่มีจำกัดคือเพื่อวัตถุประสงค์นี้”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยเฉิงปาแอบคิดในใจ เหมือนว่ากำลังคำนวณกำไร พูดว่า “แบ่งขนาดนี้…ไม่ค่อยเท่าเทียมเท่าไร ที่สำคัญที่สุดค่าเช่าฉันก็เป็นคนรับผิดชอบ”
“ฮ่าๆ ผมคิดว่าเสี่ยปาเช่าร้านอาหารราคาถูกสักร้านก็พอ มีข้าวผัดจักรพรรดิอยู่คุณยังกลัวว่าจะไม่ดังอีกเหรอครับ ถ้าเสี่ยปาไม่ตกลงแบบนี้ ผมก็ทำได้แค่ไปปักกิ่งแล้ว ผมเชื่อว่าที่ปักกิ่งก็สามารถหาคนที่ช่วยผมได้”
ได้ยินประโยคนี้ เสี่ยเฉิงปาเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ ถึงอย่างไรคนในวงการอาหารปักกิ่งก็ไม่ได้น้อย ถ้าข้าวผัดจักรพรรดิของเขาไปที่ปักกิ่ง น้ำแกงหลายถ้วยนี้ต้องหลุดลอยไปเหรอ
คิดถึงตรงนี้ เขาก็กัดฟันพูว่า “หึ แกว่ายังไงก็ว่าตามนั้น แกพูดมาเถอะว่าเริ่มได้เมื่อไร!”
“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน” ซ่งจื่อเซวียนพูดค่อยๆ ขณะเดียวกันก็ดับบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ ท่วงท่าเรียกได้ว่าไม่รีบไม่ร้อน
“ไม่ต้องรีบร้อนเรอะ แกไม่รีบแต่ฉันรีบ พูดมา!” เสี่ยเฉิงปาพูดเร่งรัด
ซ่งจื่อเซวียนรื่นเริงในใจ เบื้องหน้าดูเหมือนอำนาจของเสี่ยเฉิงปาจะเหนือกว่าเคอซาน แต่ในความเป็นจริงเทียบความโชกโชนกับเคอซานแล้ว เฉิงปายังด้อยกว่าไม่น้อยจริงๆ
“แต่ว่าคุณต้องรอไปที่ต้าสือไต้ก่อนถึงจะมั่นใจได้ไม่ใช่เหรอครับ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ่งพูดแบบนี้ ในใจเสี่ยปายิ่งเริ่มเชื่อมั่น ถึงอย่างไรก็ไม่มีพวกต้มตุ๋นที่ไหนกระตือรือร้นให้อีกฝ่ายพิสูจน์ก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จแล้วค่อยหลอกหรอก
“พรุ่งนี้ฉันไปที่ต้าสือไต้อยู่แล้ว แต่พวกเราสามารถพูดคุยกันให้จบได้เลยตอนนี้ จะได้ไม่เสียเวลา แกว่าไง”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “อย่างนั้นก็ได้ครับ วางแผนไว้ก่อนก็ดี เอาอย่างนี้แล้วกันครับเสี่ยปา เคอซานให้เวลาผมสามวัน วันนี้เป็นวันที่สอง ผมหวังว่าคุณจะช่วยผมเคลียร์เรื่องนี้ให้จบได้ก่อน หลังจากนั้นเรื่องร้านคุณเลือกได้ตามสะดวกเลย เลือกเสร็จแล้วผมไปทำงานวันนั้นเลย!”
“ยอดเยี่ยม! ตกลงตามนี้แล้วกัน!” เสี่ยปาพูดพร้อมยิ้มกว้าง
“แต่ว่า…เสี่ยปา ผมอยากอธิบายเรื่องหนึ่ง จะอย่างไรผมก็ทำงานอยู่ที่ต้าสือไต้ ดังนั้นร้านของเราต้องขายหลังจากเลิกงานที่ต้าสือไต้แล้วเท่านั้นนะครับ”
“อย่างนั้นได้ยังไง ธุรกิจทางนั้นเป็นปกติ ธุรกิจทางนี้ของฉันก็แย่แล้ว ครึ่งค่อนคืนใครจะมากินข้าวผัดอีกล่ะ” เสี่ยเฉิงปาพูดคัดค้านทันที
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบาง พูดว่า “เสี่ยปา ที่จริงแล้วหากขายพร้อมกับที่ต้าสือไต้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลย ตอนนี้ทางต้าสือไต้ช่วงเกือบบ่ายก็ขายออกหมดยี่สิบที่แล้ว ถ้าพวกเราขายที่เขตเฉิงตงช่วงหัวค่ำ ย่อมดึงดูดลูกค้าที่ไม่ได้ชิมตอนกลางวัน แน่นอนว่าเรื่องนี้เกรงว่าต้องใช้วิธีการหนึ่งที่ยุ่งยากอย่างการโฆษณาออกไป อย่างนี้ก็จะมีออร์เดอร์ไหลมาเทมาในเวลาอันสั้นได้เหมือนกันแล้ว!”
สำหรับจุดนี้ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้คุยโวเลย ทำงานที่ต้าสือไต้ไม่ถึงเดือน เขาก็เชื่อเรื่องกำลังขายของข้าวผัดจักรพรรดิสุดใจ ช่วงนี้หลังจากออร์เดอร์ไหลมาเทมาทุกวันก็มีลูกค้าไม่น้อยที่ต้องการมาลิ้มลอง ดังนั้นจึงพูดได้ว่าตอนนี้ข้าวผัดจักรพรรดิเป็นอาหารอย่างหนึ่งที่ไม่ธรรมดาแล้ว และเป็นหนึ่งในสินค้าฟุ่มเฟือยของเมืองตู้เหมิน
ไม่รู้ว่ามีลูกค้ามากน้อยเท่าไรที่กินข้าวผัดจักรพรรดิเพียงแค่เพื่อโพสต์รูปในโมเมนต์วีแชทเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการสร้างภาพ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ มูลค่าของข้าวผัดจักรพรรดิก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เดิมตู้เหมินก็ไม่ขาดคนรวยอยู่แล้ว ตอนนี้พูดได้ว่าเปิดที่ไหนดังที่นั่น!
เสี่ยเฉิงปาหรี่ตาลงครุ่นคิด พูดว่า “ฉัน…เชื่อแกได้ แต่ถ้าเกิดขายไม่ได้จะทำยังไงล่ะ”
“ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิม เสี่ยปา คุณไม่เชื่อผม อย่างนั้นก็ช่างเถอะ ถ้าคุณเชื่อผม การร่วมมือก็ไม่มีปัญหา!”
พูดประโยคนี้จบ ซ่งจื่อเซวียนพูดได้ว่าพลิกสถานการณ์การสนทนาคืนนี้ได้อย่างสมบูรณ์ จากที่เสี่ยเฉิงปาอยู่เหนือกว่า จนตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนสามารถพูดประโยคหนึ่งออกไปให้เสี่ยเฉิงปาเลือกได้ คืนนี้…เขาชนะแล้ว!
ถ้าเป็นคนอื่นกล้าพูดกับตนเองขนาดนี้ เสี่ยปาคงทำให้เขาจ่ายค่าความกล้าหาญของตัวเองแล้ว แต่ถ้าเป็นซ่งจื่อเซวียน…เขากลับไม่กล้าวู่วาม เพราะนั่นคือรายได้แสนกว่าทุกเดือนเชียวนะ
ร้านหนึ่งมีรายได้รายปีหนึ่งล้าน นี่เป็นเรื่องที่เสี่ยเฉิงปาอย่างเขาทั้งชีวิตไม่เคยคิดมาก่อน…
“ได้ เสี่ยปาเชื่อแก ไอ้หนู พรุ่งนี้ฉันจะไปชิมข้าวผัดจักรพรรดิที่ต้าสือไต้ด้วยตัวเอง ขอแค่ไม่มีปัญหา ในคืนนั้นฉันก็จะไปตกลงกับเคอซาน!”
“ขอบคุณครับเสี่ยปา ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางประสานหมัดคารวะ และเสี่ยปาก็ประสานหมัดคารวะตอบเช่นกัน เพียงอาศัยท่วงท่านี้ก็อธิบายได้ว่าคืนนี้ซ่งจื่อเซวียนทำให้ตนเองกลายเป็นคนในสายตาของเสี่ยเฉิงปาแล้ว กวาดตามองตู้เหมิน คนแบบนี้มีไม่เยอะ
ตอนที่เดินออกมาจากห้องส่วนตัว ทั้งสองแทบจะเดินตีคู่กันออกมา เสี่ยเฉิงปายังตบไปที่ไหล่ของซ่งจื่อเซวียนด้วย จางเปียวเห็นจากที่ไกลๆ แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน แต่ก็มองออกว่าอารมณ์ทั้งคู่ไม่เลวเลย เหมือนกับเป็นเพื่อนกัน
คิดถึงตรงนี้ จางเปียวก็แอบยินดีในใจ คิดไม่ถึงว่านายท่านตัวน้อยคนนี้เก่งกาจจริงๆ โชคดีที่คืนนี้ขัดแย้งกันไม่รุนแรงมาก ไม่อย่างนั้น…คงได้สร้างเรื่องยุ่งยากให้เสี่ยปาเข้าจริงๆ
เดินถึงหน้าประตู เสี่ยปาพูดว่า “จางเปียว ไปส่งลูกค้า จื่อเซวียนเอ๊ย ถ้าอย่างนั้นพวกเราเจอกันพรุ่งนี้ใช่ไหม”
“เสี่ยปาวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ช่วงสายพรุ่งนี้ผมจะรอคุณ ถึงยังไงช่วงบ่ายมีความเป็นไปได้มากว่าออร์เดอร์จะไหลมาเทมา” ซ่งจื่อเซวียนพูด
เสี่ยเฉิงปาได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆ หรือว่าสร้างข้อยกเว้นทำให้ฉันมากขึ้นอีกสักที่ก็ไม่ได้เหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้หรอกครับ เสี่ยปา นี่เป็นกฎ ผมเชื่อว่าเสี่ยปามีชีวิตจนมาถึงตำแหน่งนี้ในวันนี้ได้ก็เพราะอาศัยคำที่เรียกว่ากฎ คุณว่าเรื่องนี้สมเหตุสมมผลใช่ไหมครับ”
“ถูกต้อง จื่อเซวียน วันนี้ถึงจะเจอกันครั้งแรก แต่ฉันจะพูดส่งแกประโยคหนึ่ง ในตู้เหมินผืนนี้ แกสามารถประสบความสำเร็จได้ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วย!”
ขณะที่พูด เสี่ยปาก็ประสานหมัดคารวะอีกครั้ง เห็นท่าทีนี้ คนในเหตุการณ์ไม่น้อยก็ตกตะลึงกันหมด ถึงอย่างไร…พวกเขายังไม่เคยเห็นเสี่ยปานอบน้อมให้ใครขนาดนี้มาก่อน!
……………………………………….