เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 15 ฉันจำเธอได้
ตอนที่ 15 ฉันจำเธอได้
ไม่เพียงแค่พวกหลี่เจียหาว แม้แต่กู่เสี่ยวเป่าและซ่งจื่อเซวียนเองก็ชะงักค้างไป คำว่าวีไอพีจากปากผู้จัดการจ้าวเห็นได้ชัดว่าชี้ไปที่ซ่งจื่อเซวียน…
“หา? ลูกค้าวีไอพี?” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“ผู้จัดการจ้าว ไม่ใช่ว่าคุณกำลังล้อเล่นเหรอครับ คุณว่าคนคนนี้เป็นลูกค้าวีไอพีเหรอ” หลี่เจียหาวถลึงตาถาม
ผู้จัดการจ้าวไม่ได้จดจ่อกับคำพูดของหลี่เจียหาว สายตามองที่ซ่งจื่อเซวียน ใบหน้ายิ้มอย่างนอบน้อม “ใช่ครับ ลูกค้าวีไอพี เชิญมากับผมทางนี้เถอะครับ ในห้องลูกค้าวีไอพีมีโซฟา คอมพิวเตอร์ แล้วก็เครื่องดื่มพวกกาแฟด้วย คุณลูกค้าไปพักผ่อนที่นั่นสักหน่อยเถอะครับ”
ซ่งจื่อเซวียนสบตากับกู่เสี่ยวเป่าแวบหนึ่ง สายตาสื่อถึงความไม่เข้าใจเลย แต่ซ่งจื่อเซวียนก็ยังคงพยักหน้า “ก็ได้ครับ ไปกันเถอะ”
ขณะที่พูด เขาก็ไม่ลืมมองหลี่เจียหาวแวบหนึ่ง ไร้ซึ่งสายตาดูถูกเหยียดหยามของหลี่เจียหาว แต่เป็นความเย็นชาไม่ชอบใจอย่างสิ้นเชิง
หลี่เจียหาวกรุ่นโกรธ เห็นผู้จัดการจ้าวโค้งตัวนอบน้อมนำทางซ่งจื่อเซวียน เขากัดฟันพูด “ผู้ดูแล ผู้จัดการจ้าวของพวกคุณกินยาผิดแล้วหรือเปล่า แม่มันเถอะ พาขอทานสองคนไปห้องลูกค้าวีไอพีเรอะ”
“เอ่อ…คุณชายหลี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเรื่องราวเป็นยังไงกันแน่ ผู้จัดการจ้าวไม่เคยเป็นแบบนี้เลย”
ผู้ดูแลสีหน้าสับสน ในความทรงจำของเขา นอกจากสำนักงานใหญ่ลงมาตรวจสอบ ผู้จัดการจ้าวไม่เคยเกรงอกเกรงใจอย่างนี้มาก่อน ต่อให้เป็นคุณชายบ้านรวยอย่างหลี่เจียหาว ก็ไม่ถึงขนาดถ่อมตัวกับเขาอย่างนี้ นี่ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่…
หลี่เจียหาวหรี่ตามองแผ่นหลังของซ่งจื่อเซวียน มือกำหมัดทั้งสองข้าง “โหวจื่อ ตรวจสอบพื้นเพไอ้เด็กนี่ให้ฉันหน่อย ตกลงมันทำงานอะไรกันแน่!”
“เข้าใจแล้วครับ พี่!” ชายร่างผอมสูงพูด
ห้างสรรพสินค้าจ้งอันมีทั้งหมดเก้าชั้น ชั้นหนึ่งถึงชั้นแปดล้วนเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนม ร้านอาหารเครื่องดื่มและสิ่งบันเทิงทั้งหมด แต่ชั้นเก้าและดาดฟ้าเป็นสำนักงานของห้าง ห้องลูกค้าวีไอพีก็อยู่ที่ชั้นเก้า
ผู้จัดการจ้าวพาซ่งจื่อเซวียนและกู่เสี่ยวเป่าโดยสารลิฟต์ตรงขึ้นมาที่ชั้นเก้า พูดว่า “คุณลูกค้าครับ ผมชื่อจ้าวจิ้งอวิ๋น เป็นผู้จัดการของห้างจ้งอันในเมืองตู้เหมิน เมื่อสักครู่ผมไม่ทราบว่าคุณเป็นลูกค้าวีไอพี จึงต้อนรับไม่ดีเล็กน้อย ขอร้องคุณอย่าถือโทษเลยนะครับ มาครับ เชิญทางนี้”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ผู้จัดการจ้าวเกรงใจไปแล้ว ผมก็ไม่ได้คิดจะพูดอยู่แล้ว แต่เมื่อกี้รู้สึกอึดอัดอยู่นิดหน่อยจริงๆ”
จนถึงตอนนี้ ในใจซ่งจื่อเซวียนก็เข้าใจขึ้นหลายส่วนแล้ว คิดว่าสถานะลูกค้าวีไอพีคงมาจากการ์ดใบนั้นของตนเอง และการ์ดใบนั้นก็เป็นการ์ดที่หลินเทียนหนานให้ตนเองมา
“แบบนั้นก็ดีมากเลยครับ ขอทราบชื่อคุณได้ไหมครับ”
“ซ่งจื่อเซวียนครับ”
“คุณซ่ง คุณนั่งที่นี่สักครู่นะครับ เครื่องทำเครื่องดื่มทั้งหมดเป็นแบบหน้าจอสัมผัสอัจฉริยะ คุณสามารถใช้ได้ตามสบาย คุณจะดื่มอะไรไหมครับ” จ้าวจิ้งอวิ๋นพูด
ขณะที่พูดคุยกัน คนหลายคนก็เดินเข้ามาที่ห้องของชั้นเก้า ห้องเป็นโครงสร้างกระจก นอกจากประตูแล้วห้องก็เป็นกระจกแบบฝ้า บรรยากาศธุรกิจเข้มข้นมาก
ซ่งจื่อเซวียนมองกู่เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่า นายจะดื่มอะไร”
“อะไรก็ได้พี่ จะให้ดีก็หวานๆ หน่อย”
จ้าวจิ้งอวิ๋นได้ยินก็ยิ้ม “เอาอย่างนี้ ผมจะกดน้ำผลไม้ให้พวกคุณทั้งสองสักหน่อย แล้วก็ช็อกโกแลตร้อนอีกแก้วก็แล้วกันนะครับ”
“ดีครับ ช็อกโกแลตร้อนก็ดี!” กู่เสี่ยวเป่ารีบพูด
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบาง “รบกวนด้วยครับ”
“เกรงใจไปแล้วครับคุณซ่ง วันนี้คุณมาที่จ้งอันคิดจะซื้อพวกเสื้อผ้าใช่ไหมครับ ต้องการอะไรคุณสามารถบอกผมได้ ผมจะไปเรียกพวกที่รับผิดชอบหลักๆ ประจำเคาน์เตอร์ให้เลือกหลายๆ ชุดมาให้คุณได้เลือกสรรที่นี่ครับ”
พูดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรในกระเป๋าเขาก็มีอยู่สามร้อยหยวนไม่พอซื้อของในห้างจ้งอันแน่นอน
“อืม…”
“แหะๆ คุณซ่งครับ ผมขอดูการ์ดวีไอพีใบนั้นของคุณได้ไหมครับ” เห็นท่าทางซ่งจื่อเซวียนลำบากใจอยู่เล็กน้อย จ้าวจิ้งอวิ๋นจึงพูดขึ้น
“หืม อันนี้ใช่ไหมครับ” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางเอาการ์ดส่งให้เขา
เห็นการ์ดวีไอพีก่อนหน้านี้ จ้าวจิ้งอวิ๋นก็ประหลาดใจมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้…ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทั้งหมด
ต้องทราบก่อนว่าการ์ดวีไอพีของห้างจ้งอันแบ่งเป็นสามประเภท ประเภทที่หนึ่งคือบัตรสะสมแต้มสมาชิก ประเภทนี้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยก็มีได้ รวมถึงลูกค้าประจำอย่างหลี่เจียหาว ประเภทที่สองคือการ์ดภายใน ก็คือมีเพียงเหล่าผู้จัดการระดับสูงและผู้บริหารที่ติดต่อธุรกิจกับจ้งอันถึงจะมีได้
แต่ประเภทที่สาม…เป็นการ์ดบริษัทระดับสูงของห้างสรรพสินค้า การ์ดประเภทนี้มีเพียงเหล่าผู้บริหารที่มีอำนาจสูงสุดของกรุ๊ปเท่านั้นถึงจะมีได้ อีกทั้งยังมีจำนวนทั้งหมดไม่ถึงสิบใบ!
จ้าวจิ้งอวิ๋นรู้สึกโชคดีในใจเงียบๆ หากวันนี้ทำให้คุณซ่งที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขุ่นเคืองเพื่อหลี่เจียหาวล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่อาชีพก็คงสูญเสียไปทั้งหมด
“คุณซ่งครับ คุณไม่ต้องคิดมากเลย ค่าใช้จ่ายในจ้งอันกรุ๊ปทั้งหมดวันนี้คุณไม่ต้องจ่ายเลยครับ”
จ้าวจิ้งอวิ๋นพูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็ชะงักค้างไป มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ แต่ไม่นานนักเขาก็นึกขึ้นได้ว่าวันนั้นลูกน้องของหลินเทียนหนานเคยพูดกับตนแล้ว ด้วยการ์ดใบนี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเขาไม่ต้องจ่าย และเชื่อม.กับบัญชีจ้งอันกรุ๊ปโดยตรง
“ไม่ต้องใช้เงินทั้งหมดเลยเหรอ พระเจ้าช่วย ถ้าอย่างนั้นเอามาให้หมดเลยเถอะ!” กู่เสี่ยวเป่าพูดอย่างตื่นเต้น
จ้าวจิ้งอวิ๋นสีหน้าลำบากใจ แต่ยังรักษารอยยิ้มไว้ได้ เห็นได้ชัดว่าเขามีคุณสมบัติของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่
“เสี่ยวเป่า…” ซ่งจื่อเซวียนกลอกตาใส่เขา “เอาอย่างนี้แล้วกันครับผู้จัดการจ้าว เอาแค่เสื้อผ้าที่เคาน์เตอร์เมื่อกี้ก็พอ แล้วก็…ผมหวังว่าจะเรียกผู้ดูแลคนเมื่อกี้มาด้วยได้นะครับ”
“ได้ครับ คุณรอสักครู่”
จ้าวจิ้งอวิ๋นไม่ได้พูดอะไรให้เกินจำเป็นอีกแม้แต่ครึ่งคำ รีบหันหลังเดินออกไปทันที
อย่างแรก เขาไม่กล้าหมางเมินลูกค้าวีไอพีอย่างซ่งจื่อเซวียน อย่างที่สอง มีลูกค้าวีไอพีแบบนี้อยู่ ประกอบกับกู่เสี่ยวเป่าที่พูดไปเรื่อย จะมากจะน้อยอย่างไรเขารู้สึกกดดันอยู่บ้าง ต้องรีบออกไปปรับตัวสักหน่อย
กู่เสี่ยวเป่าผิวปาก พิงโซฟาสีหน้าพึงพอใจ “นุ่มจริงๆ พี่รอง ช็อกโกแลตนี่ก็อร่อยมากๆ!”
“เสี่ยวเป่า นายนี่นะ คราวหลังจะทำอะไรก็ต้องระวังหน่อยสิ เมื่อกี้นายจะไปจ่ายเงิน ถ้าเขาให้นายจ่ายจริงๆ นายจะทำยังไง ในกระเป๋าฉันมีอยู่สามร้อย นายก็เป็นเด็กขอทาน ข้าวก็ไม่มีจะกิน มันไม่ซี้ซั้วไปหน่อยเหรอ”
ได้ยินดังนั้น กู่เสี่ยวเป่าจับท้ายทอยอย่างเซ่อซ่า พูดว่า “หึๆ เพราะฉันโกรธหรอกน่า พี่รอง การ์ดใบนั้นของพี่นั่นการ์ดอะไร ทำไมมันสุดยอดขนาดนั้น”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ “การ์ดที่หลินเทียนหนานให้ฉันมาน่ะ ความจริงแล้วตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจ แค่คิดว่าในห้างนี้มีรูปภาพคุ้นตาเยอะเท่านั้น จนตอนที่หยิบการ์ดออกมาเทียบถึงได้รู้ว่าเหมือนกันนั่นแหละ”
“อ้อ…ถ้าอย่างนั้นก็พูดได้ว่าหลินเทียนหนานเป็นเถ้าแก่ใหญ่ของที่นี่เหรอ” กู่เสี่ยวเป่าถาม
“น่าจะใช่ ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจ แต่วันนี้การ์ดใบนี้ช่วยพวกเราเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงไม่จบไม่สิ้น ครั้งหน้านายอย่าทำอย่างนี้อีกนะ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“พี่รอง ฉันเข้าใจแล้ว”
กู่เสี่ยวเป่าดื่มช็อกโกแลตร้อนแก้วแล้วแก้วเล่า ส่วนซ่งจื่อเซวียนยืนขึ้นเดินไปรอบๆ ห้องลูกค้าวีไอพีอย่างเบื่อหน่าย ขณะมองไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ เขาก็เห็นร่างหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาผ่านประตูกระจก
เด็กสาวคนหนึ่งกำลังเดินเหลือบซ้ายแลขวาที่โถงทางเดิน เหมือนกำลังหาอะไรอยู่ และการปรากฏตัวครั้งนี้ เด็กสาวเหมือนจะสวยกว่าคราวที่แล้ว
สวมชุดสูทพอดีตัว ห่อหุ้มร่างอย่างงดงามประณีต ปกคอเสื้อเชิ้ตสีขาวพาดอยู่กับปกคอเสื้อสูทด้านนอก ลำคอขาวเนียนสวมสร้อยคอทองคำขาวเส้นเล็กเส้นหนึ่ง มีรสนิยมและไม่มากเกิน
ยังคงเป็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติเช่นเคย ผมยาวระดับกลางๆ ถูกมัดรวบเป็นหางม้ากลางกระหม่อมด้านหลัง ดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนเจอครั้งที่แล้วหลายส่วน
ชั่วขณะนั้น ซ่งจื่อเซวียนชะงักไปเล็กน้อย หากว่าหยางเสวี่ยเป็นคนสวย เทียบกันแล้ว เด็กสาวที่ชื่อถังหย่าฉีก็ถือว่าเป็นเซียนบนสวรรค์ก็คงไม่มีคนคัดค้าน
“ไฮ! เป็นนายนี่เอง…” ขณะที่ทั้งสองคนบังเอิญสบตากัน ก็เป็นถังหย่าฉีที่ทักทายก่อน
เขาเพียงแค่โบกมือทื่อๆ ปากก็พูดว่าไฮในระดับเสียงที่แทบจะมีแค่ตัวเองที่ได้ยิน
ถังหย่าฉีไม่เพียงแต่มีหน้าตาสะสวย จุดสำคัญที่สุดคือรัศมีเทพธิดาที่ทำให้คนต้องแหงนหน้ามอง ต่อให้จะชื่นชมเพียงไหน ก็เกรงว่าไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะกล้าเข้าไปใกล้ๆ
เห็นซ่งจื่อเซวียนทำท่าทางเหมือนหุ่นยนต์อยู่ด้านในประตูกระจก ถังหย่าฉีก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ทันทีที่หัวเราะ ดวงตาโตทั้งสองก็กลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว สวยเสียจนทำคนแทบขาดอากาศหายใจ
เธอเดินมาใกล้ ผลักเปิดประตูกระจกเบาๆ พูดว่า “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“หา? ฉัน…ฉันก็คือ…” ซ่งจื่อเซวียนพูดตะกุกตะกักขึ้นมาชั่วขณะเสียอย่างนั้น
“ฉันมาหาคนน่ะ เดาว่าเขาคงไม่มาที่นี่เร็วๆ นี้ ฉันเข้าไปอยู่ด้วยสักแป๊บได้ไหม” ถังหย่าฉีพูด
“แน่ แน่นอนสิ มา เดิมทีที่นี่ก็เป็นห้องพักอยู่แล้ว” ซ่งจื่อเซวียนเกลียดที่จู่ๆ ลิ้นไก่ของตนก็สั้นขึ้นมากะทันหัน ทำไมประโยคแค่ไม่กี่โยคก็พูดติดๆ ขัดๆ ขนาดนี้
ถังหย่าฉียิ้ม แล้วเดินเข้ามา เห็นกู่เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่บนโซฟา เธอก็ส่งเสียงไฮอย่างสบายๆ ลูกตาสองข้างของกู่เสี่ยวเป่าขยายขึ้น ท่าทางเหมือนกับซ่งจื่อเซวียนก่อนหน้านี้ โบกมือทื่อๆ…
“ไฮ…” กู่เสี่ยวเป่าสองตาจ้องถังหย่าฉี เขาสาบานเลยว่าตนเองอายุเท่านี้ไม่เคยเห็นพี่สาวนางฟ้าที่สวยขนาดนี้มาก่อน เขาพูดทั้งที่ไม่ได้มองซ่งจื่อเซวียน “พี่ พี่รอง นี่เป็น…แฟนพี่เหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนกลอกตามองเขา “ทำไมพอเป็นผู้หญิงก็ต้องเป็นแฟนฉันแล้วล่ะ นี่…ฉันกลับคิดว่า…”
“คิดๆ อยู่ก็ดี ต้องตามจีบ…”
ฟังกู่เสี่ยวเป่าพูดสะเปะสะปะ ซ่งจื่อเซวียนคร้านจะสนใจเขา ถึงอย่างไรตนเองตอนเด็กๆ ก็เป็นแบบนี้
ถังหย่าฉีชงกาแฟแก้วหนึ่ง จากนั้นก็นั่งบนโซฟา พูดว่า “จริงสิ ที่ตลาดโบราณครั้งที่แล้ว…นายรู้เรื่องเกี่ยวกับของโบราณเยอะเลยเหรอ”
ผ่านประสบการณ์ที่กวางน้อยวิ่งอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจมาแล้วเมื่อครู่ ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนก็สงบจิตสงบใจได้บ้างแล้ว เขายิ้ม “ไม่ได้รู้เรื่องขนาดนั้นหรอก เพียงแต่อาจารย์ของฉันเขาเป็นคนแก่ที่ชอบของเก่าๆ น่ะ นานๆ ถึงจะพูดที บวกกับอ่านพวกหนังสือประวัติศาสตร์มาบ้าง เลยรู้มานิดหน่อย”
“โอ้ ที่แท้นายก็มีอาจารย์ที่มีความรู้นี่เอง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญของโบราณเหรอ” เหมือนถังหย่าฉีจะสนใจซ่งจื่อเซวียนอยู่บ้าง แต่นี่ก็ไม่แปลก คราวก่อนซ่งจื่อเซวียนมองของปลอมที่หลี่เจียหาวซื้อออกภายในแวบเดียว แค่จุดนี้จุดเดียวก็ไม่ง่ายเลย!
“ผู้เชี่ยวชาญเหรอ” ในสมองซ่งจื่อเซวียนมีท่าทางของฟางจิ่งจือโผล่ขึ้นมา ก็อดลอบยิ้มในใจไม่ได้ ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ใช่หรอก เขาเป็น…คนแก่คนหนึ่งที่อ่านหนังสือมาเยอะน่ะ เมตตามาก แล้วก็…น่ารักมาก”
ฟังถึงตรงนี้ ถังหย่าฉีก็ยิ้มออกมา “คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกนายจะต้องดีมากแน่ๆ นายคงจะเข้าใจประวัติศาสตร์มากล่ะสิ ตอนนี้ในยุคสมัยนี้ คนที่ชอบประวัติศาสตร์มีไม่เยอะแล้ว”
“ฉัน…คงนับว่าชอบมากแหละมั้ง ประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกจริงไม่มีอะไรน่าสนใจ ฉันชอบพวกประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการมากกว่า แน่นอนว่าต้องเป็นประเภทที่มีอ้างอิงด้วย”
“จริงเหรอ ฉันก็ชอบเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสนายเล่าให้ฉันฟังได้ไหม” ถังหย่าฉีถามอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
“ด้วยความยินดีครับ” คำพูดของซ่งจื่อเซวียนดูเหมือนจะนิ่งสงบ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยู่เผชิญหน้ากับคำขอร้องของถังหย่าฉี ใจเขาก็ตื่นเต้นสุดยอดไปแล้ว
“ฮ่าๆ นายชื่ออะไรล่ะ”
“ซ่งจื่อเซวียน”
“ฉันชื่อ…”
“ถังหย่าฉี ฉันจำเธอได้” ไม่รอให้ถังหย่าฉีได้แนะนำตัว ซ่งจื่อเซวียนก็เปิดปากพูด
ถังหย่าฉีได้ยินก็ชะงักไป แก้มขาวอมชมพูของเธอก็ปรากฏริ้วแดงขึ้นมา แม้ว่าจะไม่ชัด แต่กลับเห็นได้จากในตาของซ่งจื่อเซวียน
ขณะทั้งสองกำลังพูด จ้าวจิ้งอวิ๋นก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา “คุณซ่ง พวกเรา…หืม คุณถัง ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่”
ซ่งจื่อเซวียนชะงักไปเล็กน้อย จ้าวจิ้งอวิ๋นแวบเดียวก็จำถังหย่าฉีได้ อีกทั้งยังเรียกว่าคุณถัง ดูท่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว…
……………………………………….