เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 44 ถ้าผมไม่รับปากล่ะ
ตอนที่ 44 ถ้าผมไม่รับปากล่ะ
เห็นท่าทางยั่วยวนของผู้หญิงคนนี้ ถอดเสื้อสายเดี่ยวแล้วบิดซ้ายบิดขวา ซ่งจื่อเซวียนรับไม่ได้จริงๆ…
ถ้าเป็นสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวย บางทีท่าทางแบบนี้อาจจะยั่วยวนสุดๆ แต่พี่สาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้…แม้หน้าตาจะพอไปวัดไปวาได้ แต่จะเด็กก็ไม่เด็ก จะหุ่นดีก็ไม่ได้หุ่นดี มองเขาอย่างร้อนแรงตรงนี้ เป็นการทรมานกันชัดๆ
ซ่งจื่อเซวียนยันผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ พูดว่า “หมายความว่ายังไงครับ ผม…ไม่ได้เรียกใช้บริการนะ”
หญิงสาวหัวเราะเยาะอย่างมีเสน่ห์เล็กน้อย พูดว่า “ฉันรู้ เสี่ยซานให้ฉันมาบริการนาย น้องชายวางใจได้ ถึงพี่สาวจะไม่ใช่สาวน้อยสวยสะพรั่งแบบนั้น แต่มีประสบการณ์นะ นายนอนดีๆ เถอะ ไม่ต้องขยับเลย พี่สาวจะพานายขึ้นสวรรค์เองดีไหม”
เธอพูดพลางกดซ่งจื่อเซวียนลงบนเตียง เนื้อหน้าท้องแนบอยู่บนตัวซ่งจื่อเซวียน ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกขนลุก รีบประคองเธอไว้แล้วพูดว่า “เลิกล้อเล่นได้แล้ว ผมไม่ได้ต้องการ…”
“ไม่ได้ต้องการอะไร เด็กหนุ่มรุ่นๆ พวกนายขี้อายกันจริงๆ อายอะไรกัน ความรักระหว่างชายหญิงไม่ใช่เรื่องแบบนี้หรือไง พี่สาวทำเรื่องแบบนี้ทุกวัน นายวางใจเถอะ รับประกันว่าจะปรนนิบัตินายอย่างดี”
ถ้อยคำเปิดเผยขนาดนี้เป็นครั้งแรกที่ซ่งจื่อเซวียนได้ยิน เขาขนลุกขึ้นเป็นตุ่มเหมือนหนังไก่ทั้งตัว เมื่อก่อนเขาเคยอ่านแค่ในหนังสือ ทั้งยังเป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของหญิงสาวสามคนในชนบท
ตอนนี้ได้รู้สึกถึงภาพนั้นแล้ว ในห้องที่มีสีน้ำตาล หญิงสาววัยกลางคนที่เป็นหม้ายมาหลายปีกำลังแสดงความรู้สึกกับเด็กหนุ่มชนบทที่มีการศึกษา บอกว่าพี่สะใภ้ไม่ได้สัมผัสผู้ชายมาหลายปีแล้ว นายก็ช่วยพี่สะใภ้หน่อยเถอะ…
คิดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อก่อนเขาถึงมีความรู้สึกตอนอ่านหนังสือแบบนี้ เขาดันตัวหญิงสาวออก ลุกขึ้นยืนพูดว่า “พี่สาว ขอโทษด้วยจริงๆ ผมไม่ได้ขี้อาย แค่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ พี่มาจากไหนก็รีบกลับไปทางนั้นเลย ผมกลัวผมจะแยกแยะไม่ได้”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็วิ่งไปปลดกลอนประตู แต่ผู้หญิงคนนั้นก็รวดเร็ว ลุกขึ้นคว้าซ่งจื่อเซวียนเอาไว้
“น้องชาย นายก็เอาสักหน่อยเถอะ ถือว่าพี่สาวขอร้องนายเถอะนะ”
ให้ตาย…ความรู้สึกของภาพนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มชนบทที่มีการศึกษาโมโหมาก แต่แม่หม้ายสาวก็แห้งมานานแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะได้เจอกับคนหนุ่ม จึงไม่อยากปล่อยมือเลยจริงๆ
“อะไรเนี่ย ผมไม่เอายังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่…นี่เป็นเรื่องที่เสี่ยซานกำชับมา ถ้าฉันดูแลนายไม่ดี แบบนั้นเสี่ยซานเอาฉันตายแน่”
ได้ยินคำพูดของหญิงสาว ซ่งจื่อเซวียนก็ปล่อยมือที่กำลังจะปลดกลอนประตู นี่มันยุคไหนแล้ว ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้อีกกัน
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง เสี่ยซานเป็นเถ้าแก่ของพวกคุณเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“นั่นไม่ใช่หรอก แต่เถ้าแก่เนี้ยบอกว่าเสี่ยซานให้ฉันมาอยู่กับนาย บอกว่านายอยากทำยังไงก็ทำอย่างนั้น ถ้าทำแล้วนายไม่โอเค เสี่ยซานจะกระทืบฉันให้ตายยังไง เถ้าแก่เนี้ยก็ไม่สนใจหรอก”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง เสี่ยซานคนนี้เป็นใครเหรอ”
หญิงสาวพูดว่า “นายไม่รู้เหรอ ในเมืองเฉิงซีมีกี่คนกันที่ไม่รู้จักเสี่ยเคอซาน เขาเป็นผู้มีอิทธิพลมากเชียวนะ”
ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกปวดหัว แม้ว่าจะคิดไว้แล้ว ก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนแบบนี้ หลี่เจียหาวคนนี้…ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการเขาจริงๆ
“ไม่สิ นายจะไม่รู้จักเสี่ยซานได้ยังไง พี่ชายล้อฉันเล่นแล้วมั้ง เสี่ยซานเชิญนายมา นายจะต้องมีอำนาจแน่ๆ พี่ชายอย่าจัดการฉันเลย ถ้าทำไม่ดี เสี่ยซานได้กระทืบฉันจริงๆ แน่”
หญิงสาวพูดพลางจะถอดเสื้อผ้าออกอีกครั้ง ทั้งยังนาบไปบนตัวซ่งจื่อเซวียน ซ่งจื่อเซวียนรีบถอยแล้วพูดว่า “ใครจะจัดการพี่กัน ผมไม่เอาจริงๆ แต่พี่วางใจได้ ผมจะอยู่แป๊บนึงแล้วค่อยออกไปโอเคไหม แล้วพี่ค่อยบอกเสี่ยซานว่าพี่บริการผมดีมาก!”
ได้ยินน้ำเสียงยืนยันขนาดนั้นของซ่งจื่อเซวียน หญิงสาวก็ไม่ได้ไปยั่วยวนอีก ถึงอย่างไรต่อให้เป็นผู้หญิงประเภทนี้ แต่ก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง เธอพยักหน้า “อย่างนั้นก็ได้ ขอบคุณพี่ชาย”
“ไม่เป็นไร ใช้ชีวิตก็ไม่ง่ายทั้งนั้นแหละครับ จริงสิพี่สาว ผมไม่คุ้นเคยกับเสี่ยซานจริงๆ นะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเชิญผมมา พี่บอกผมหน่อยได้ไหมว่าเสี่ยซานเขาเป็นใครกันแน่”
“เรื่องนี้…ความจริงแล้วฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก รู้แค่ว่าเสี่ยซานอยู่ที่เขตเฉิงซีมาหลายสิบปีแล้ว อีกทั้งยังมีร้านอาหารไม่รู้กี่ร้านในมือ อ้อ จริงสิ จวี้เสียนจวงที่ถนนผิงซานก็เป็นร้านอาหารของเสี่ยซานนะ”
ได้ยินถ้อยคำนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ผงะไปเล็กน้อย ร้านอาหารเหรอ จะว่าไป…เสี่ยซานคนนี้อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับหลี่เจียหาว
เขารู้มานานแล้วว่าการต่อสู้ในวงการอาหารนั้นเหมือนกับสนามรบ บางทีก็ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อทำลายคู่แข่ง ดีหน่อยก็เลื่อยขาเก้าอี้ มากหน่อยก็หาคนไปก่อความวุ่นวายโดยเฉพาะ มากกว่านั้นก็มีกระทั่งส่งคนไปกระทืบ เรื่องผิดกฎหมายแบบนี้ก็ยังกล้าทำ
กิจการของต้าสือไต้ในระยะนี้ดี อีกทั้งเมนูซิกเนเชอร์ก็ถือว่ายอดขายไม่เลว ดึงดูดคู่แข่งได้ง่าย ตอนนี้ดูแล้วจะตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปไม่ได้
ทันทีที่ออกมา ซ่งจื่อเซวียนก็เห็นว่าชายฉกรรจ์สองคนนั้นยังอยู่ที่หน้าประตู โชคดีที่เมื่อครู่เขาไม่ได้ออกมาก่อน อีกทั้งเสียงพูดคุยของทั้งสองค่อนข้างเบา ไม่อย่างนั้นเกรงว่าผู้หญิงคนนี้คงหนีจากการถูกทุบตีอย่างแรงไม่ได้จริงๆ
แต่กับตนเองไม่รู้ว่าจะเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้ายก็ไม่สนใจแล้ว เขาพูดว่า “อาบน้ำเสร็จแล้ว เล่นสนุกก็เล่นแล้ว สรุปแล้ววันนี้พี่ชายทั้งสองต้องการอะไรเหรอ”
ชายฉกรรจ์ทั้งสองมองตากัน “ไปกันเถอะ เชิญทางนี้”
ซ่งจื่อเซวียนเดินตามชายฉกรรจ์ทั้งสองตรงไปตามทางเดินชั้นสอง ตอนที่เดินจนสุดทางก็ยังไม่ได้เดินเข้าประตูฝั่งใดฝั่งหนึ่งไป ซ่งจื่อเซวียนอดสงสัยไม่ได้ เพราะสุดทางเดินแล้วไม่มีทางไปต่อ มีแค่ผนังด้านหนึ่งเท่านั้น
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าชายฉกรรจ์จะตรงเข้าไปเคาะที่ผนังเป็นจังหวะห้าครั้ง ผนังนั่นกลับเป็นผนังกลวง ไม่นานนักคนด้านในก็ดันตัวผนังออกมา ด้านในจริงๆ แล้วยังมีอีกบริเวณหนึ่งอยู่และเป็นที่กว้างโล่ง
แม้ว่าซ่งจื่อเซวียนจะไม่เคยมาที่แบบนี้ แต่ก็เคยได้ยินที่พวกจางขุยคุยกันมาก่อน ตอนนี้ที่แห่งนี้คือห้องลับ ต่อให้หน่วยงานรัฐมาตรวจสอบก็หาไม่พบ วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง อีกทั้งประตูยังลับถึงขนาดนี้
เดินเขามาในประตูนี้ แสงก็พลันมืดลง เพราะผนังทั้งสองข้างไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน อีกทั้งยังวางของจิปาถะไว้บนพื้นไม่น้อยราวกับเป็นที่ทิ้ง เหมือนชายฉกรรจ์จะคุ้นเคยกับการเดินไปด้านหน้ามาก เดินไปอีกสามสี่เมตร ก็ดันบานประตูเปิดออก
ซ่งจื่อเซวียนมองไปด้านใน ที่นี่เป็นห้องอาบน้ำที่ใหญ่มากห้องหนึ่ง เทียบกับห้องโทรมๆ ด้านนอกแล้วด้านในนี้หรูหรากว่ามาก
ห้องกว้างกว่าร้อยตารางเมตร บนพื้นและผนังทั้งสี่ด้านปูด้วยกระเบื้องทั้งหมด ตรงกลางเก้าอี้ม้าหินอ่อนทั้งสี่ด้านมีโต๊ะหินอ่อนที่มีกระดานหมากรุกตั้งอยู่ ด้านบนยังวางหมากรุกที่ใกล้จะจบเกมแล้ว
ด้านในสุดของห้องเป็นสระอาบน้ำที่กว้างสามเมตรกว่า มีชายคนหนึ่งกำลังแช่อยู่ หันหลังให้กับซ่งจื่อเซวียน และด้านข้างชายคนนั้นยังมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เทียบกับผู้หญิงที่บริการซ่งจื่อเซวียนดูแล้วมีอายุมากกว่าหลายปี แต่สวยพราวเสน่ห์ล้ำลึกยิ่งกว่า ตอนนี้กำลังหยิบองุ่นลูกหนึ่งจากจานผลไม้ป้อนใส่ปากให้ชายคนนั้น
“เสี่ยซานครับ ซ่งจื่อเซวียนมาแล้ว” ชายฉกรรจ์พูดประโยคหนึ่ง
ชายคนนั้นไม่ได้ตอบกลับ โบกมือส่งสัญญาณให้ออกไปข้างนอก ชายฉกรรจ์สองคนนั้นก็ถอยออกไป ขณะเดียวกันก็ปิดประตูเรียบร้อย
ซ่งจื่อเซวียนเดินหน้าไปสองสามก้าว ถามว่า “เสี่ยซาน คุณตามหาผมเหรอ”
แม้ว่าจะไม่รู้จัก แต่ฟังจากคำพูดของชายฉกรรจ์ เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้คือเสี่ยซาน ซ่งจื่อเซวียนยังคงเคารพอยู่บ้าง ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็คงจะแก่กว่าตนเอง
“มาแล้วเหรอ นายรอฉันแป๊บนะ” เคอซานพูดพลางมองไปที่ผู้หญิงข้างกาย “เอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาให้ฉันที”
ผู้หญิงคนนั้นเชื่อฟัง ไม่เพียงแค่หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมายังสวมให้กับเคอซานด้วย ตอนที่สวมใส่ยังไม่ลืมเข้าไปพิงอกของเคอซานครู่หนึ่ง และเสี่ยซานก็จุ๊บไปที่พวงแก้มของเธอด้วย ท่าทางสนิทสนม
ก้าวออกมาจากสระอาบน้ำ เสี่ยซานเดินไปนั่งที่โต๊ะหินชงชา ขณะเดียวกันก็มองซ่งจื่อเซวียนพลางโบกมือ “มาสิ มานั่งพูดคุยกัน”
ซ่งจื่อเซวียนเดินไป เห็นชาบนโต๊ะยังส่งควันฉุย ถึงแม้ในห้องอาบน้ำยังเต็มไปด้วยกลิ่นการอาบน้ำ แต่ยังกลบกลิ่นชาไม่มิด
“ซ่งจื่อเซวียน…เหอะๆ คนมีความสามารถ ไอ้หนุ่ม ปีนี้อายุเท่าไรเหรอ” เคอซานเปิดปากถาม
“สิบแปดครับ ไม่ทราบว่าวันนี้เสี่ยซานหาผมมีธุระอะไรเหรอครับ”
เคอซานยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะแนะนำตัวก่อนสักหน่อย ฉันน่ะนะ…ชื่อเคอหงเทา พวกพี่น้องทั่วไปให้เกียรติ เรียกฉันว่าเสี่ยซาน”
เคอหงเทาพูดพลางจัดทรงผมที่เหมือนฝากาของตนเองเล็กน้อย นี่เป็นท่าทางตามปกติของเขา ราวกับถ้าไม่ได้แตะสักหน่อยก็จะไม่สบายใจอย่างไรอย่างนั้น
“ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว เสี่ยซานไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวหรอกครับ ผมที่เป็นคนรุ่นหลังควรจะเป็นฝ่ายแนะนำตัวสิครับถึงจะถูก” ซ่งจื่อเซวียนพยายามพูดจาเคารพนบนอบ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอาณาเขตของคนเขา ตัวเขาก็ไม่คิดจะปะทะด้วย
“เหอะๆ ไอ้หนู พูดเก่งนี่ ฉันชอบนาย” เคอหงเทาหยิบบุหรี่ยี่ห้อจงหวา[1]ออกมา ขณะเดียวกันก็ยื่นให้ซ่งจื่อเซวียนด้วยมวนหนึ่ง “ฉันก็อยากเจอนายมานานแล้วเหมือนกัน ข้าวผัดจักรพรรดิของต้าสือไต้ เหอะๆ วงการอาหารในเมืองตู้เหมินไม่ได้มีคลื่นลูกใหญ่แบบนี้มานานแล้ว คนหนุ่มอย่างนายนี่ไม่ธรรมดาเลย!”
ซ่งจื่อเซวียนจุดบุหรี่สูบเข้าไปทีหนึ่ง พูดว่า “ผมเป็นคนรุ่นหลัง เทียบกับคนในวงการอาหารรุ่นก่อนแบบคุณไม่ได้หรอกครับ มีเรื่องยังต้องเรียนรู้อีกมาก คุณก็เกรงใจเกินไปแล้วครับเสี่ยซาน”
“ฮ่าๆๆ คลื่นลูกใหม่ในแม่น้ำแยงซีเกียงซัดคลื่นลูกเก่าแล้วจริงๆ ไอ้หนู นายไม่เหมือนอายุสิบแปดเลยนะ!”
“โอ้ เสี่ยซานรังเกียจที่ผมอายุยังน้อยเหรอครับ” ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
ได้ยินดังนั้น ใจเคอหงเทากลับสั่น เขาไม่คิดว่าพ่อครัวคนนี้จะมีอายุแค่สิบแปดปีจริงๆ สิ่งที่คิดไม่ถึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือเด็กคนนี้พูดจาสุขุมจนทำให้รู้สึกกลัว จะว่าไปพวกลูกน้องคนสนิทที่แต่ละคนอายุสามสิบสี่สิบปีพวกนั้น พอเทียบกับซ่งจื่อเซวียนแล้วกลับอยู่ในระดับที่แย่กว่าไม่น้อย
“อายุไม่ใช่ปัญหา ไอ้หนู ในเมื่อนายรู้ชื่อเสียงของเสี่ยซาน ฉันก็จะไม่พูดอ้อมค้อมกับนายแล้ว ช่วงนี้ต้าสือไต้ชื่อเสียงโด่งดัง ฉันไม่อยากขวาง แต่ตามประเพณีที่รู้กันทั่วไป…นายควรแบ่งน้ำแกงนะ!”
ได้ยินถ้อยคำนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็มั่นใจกับความคิดของตนเองก่อนหน้านี้แล้ว การพบหน้าครั้งนี้คือเสี่ยเคอซานอยากพบตน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลี่เจียหาวเลย
“แหะๆ เสี่ยซาน คุณว่าน้ำแกงถ้วยนี้ควรจะแบ่งยังไงครับ ถ้าผมทำได้ จะไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน!”
ได้ยินดังนั้น เคอหงเทาประเมินซ่งจื่อเซวียนอย่างละเอียด ถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะประเมินไว้สูงมากแล้ว แต่เหมือนจะยังประเมินเด็กคนนี้ไว้ต่ำไปสักหน่อย
ว่าตามตรงโจวเผิงก็ค่อนข้างลื่นไหลแล้ว แต่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดคนนี้คำพูดคำจาไร้ช่องโหว่ไม่ด้อยกว่าโจวเผิงเลยแม้แต่น้อย!
“คนที่เที่ยงธรรมไม่พูดจามีลับลมคมใน ฉันรู้เรื่องรากฐานต้าสือไต้ของพวกนาย เงินเดือนที่สูงที่สุดในร้าน ไม่อยู่ใต้อาณัติของผู้จัดการ กำหนดปริมาณการเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเองมีแค่นายคนเดียวเท่านั้นเพราะงั้น…น้ำแกงถ้วยนี้มีแค่นายที่แบ่งได้!”
“เสี่ยซานโปรดอธิบายให้ชัดเจนด้วยครับ!” ซ่งจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้น ไม่มีสีหน้าตกใจเลยแม้แต่น้อย กลับสงบนิ่งอย่างยิ่ง
เคอหงเทามองซ่งจื่อเซวียนที่อยู่ตรงหน้า หรี่ตาลงเล็กน้อย “ง่ายมาก เอาสูตรของข้าวผัดจักรพรรดิให้ฉันสิ หรือว่า…จะมาทำงานที่จวี้เสียนจวงของฉันก็ได้!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม ส่ายหน้า “เสี่ยเคอซาน ผมอยากจะรู้ว่าถ้าวันนี้ผมไม่รับปากคุณ…ผมจะออกไปไม่ได้ใช่ไหมครับ”
……………………………………….
[1] บุหรี่จงหวา (中华烟) เป็นแบรนด์บุหรี่ชั้นนำของจีน มีรสชาติและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นภาพลักษณ์ของเหล่าชนชั้นสูงทั้งหลาย