เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 49 นายดังจริงๆ นะเนี่ย
ตอนที่ 49 นายดังจริงๆ นะเนี่ย
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นปกติท่ามกลางเสียงเพลง และพิธีกรบนเวทีก็เริ่มทำหน้าที่
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เดรนท์ของเรา ผมเป็นพิธีกรของงานวันนี้ ทุกคนคงทราบกันดีนะครับว่าไฮไลท์ของเราวันนี้ก็คือเชิญทุกท่านมาชิมอาหารชนิดใหม่ในเดรนท์ของพวกเรา บะหมี่นึ่งจักรพรรดิ!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ผู้คนก็เชื่อมโยงไปถึงอาหารอีกอย่างหนึ่งทันที นั่นก็คือข้าวผัดจักรพรรดิ
ถังหย่าฉียิ้ม “จื่อเซวียน ดูท่านายจะดังจริงๆ นะเนี่ย ดังมากกว่าที่ฉันคาดการณ์ไว้ซะอีก!”
ซ่งจื่อเซวียนมองไปทางพิธีกรบนเวที พูดว่า “เกี่ยวอะไรกับฉันกัน ของเขาคือบะหมี่นึ่งจักรพรรดิต่างหาก”
“นายซื่อบื้อหรือไง นี่เรียกว่าลอกเลียนแบบ นายรู้ใช่ไหมว่ามีแค่อาหารที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่จะถูกลอกเลียนแบบน่ะ แม้แต่เดรนท์ยังลอกเลียนแบบต้าสือไต้ของพวกนายแล้ว นายคิดว่าตอนนี้พวกนายดังแค่ไหนแล้วล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด ความจริงแล้วก็เป็นอย่างนี้จริงๆ เขาอยู่แค่ที่ครัวด้านหลังทุกวันไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลย อีกทั้งข้าวผัดจักรพรรดิเสิร์ฟแค่ยี่สิบที่ ไม่มีทางเทียบกับอาหารอย่างหมูผัดเต้าเจี้ยวปรุงรสและทอดทะเลตุ๋นพวกนั้นได้อยู่แล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าการหมุนเวียนลูกค้าอย่างเป็นรูปธรรมของต้าสือไต้เป็นอย่างไรบ้าง
แต่นานๆ ได้เดินออกมาก็เห็นว่าคนเต็มร้านจนแทบล้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่ภัตตาคารใหม่จะทำได้เลย ประกอบกับข้าวผัดจักรพรรดิของเขาที่ราคาจานละแปดร้อยเก้าสิบเก้าหยวนอีก และยังขายได้สิบกว่าถึงยี่สิบที่ ภัตตาคารแห่งนี้ดังแค่ไหนแค่คิดดูก็รู้แล้ว
“บะหมี่นึ่งจักรพรรดิเหรอ ฮ่าๆ เกาะกระแสนี่”
“ใช่ไหมล่ะ เลียนแบบข้าวผัดจักรพรรดิชัดๆ เลย แต่พูดตามตรงว่าตอนนี้ข้าวผัดจักรพรรดินี่โด่งดังจริงๆ แพลตฟอร์มวิจารณ์ใหญ่ๆ แต่ละที่มีบทความวิจารณ์ยาวๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้าวผัดจักรพรรดิกันทั้งนั้น”
“ใช่ๆๆ ฉันก็เจอ แต่ปกติพวกเราค่อนข้างยุ่งไม่มีเวลาไปลองดูจริงๆ ไม่คิดว่าในเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งเดือนกว่าจะดังขนาดนี้ ควรจะไปลองชิมดูแล้วจริงๆ แหละ”
“แต่ฉันเคยไปที่ภัตตาคารต้าสือไต้นะ อีกทั้งได้ชิมข้าวผัดจักรพรรดิแล้วด้วย ไม่มีคำบรรยายเลยจริงๆ อร่อยจนรู้สึกจุกอก”
“ฮ่าๆ ถ้าฉกเชฟของต้าสือไต้มาได้ ฉันคงได้หลายแสนหยวนทุกเดือน”
“นั่นเป็นเรื่องที่นายทำไม่ได้หรอก ถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงได้มากกว่าหนึ่งล้านขึ้นไป!”
เกิดการวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายในฝูงชน แต่เมื่อซ่งจื่อเซวียนได้ยินจะมากจะน้อยก็มีความสุขในใจ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เล็กจนโตที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คน อีกทั้งตัวเขาก็อยู่ข้างๆ คนพวกนั้นแต่กลับไม่มีใครรู้อย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกแบบนี้ยิ่งสบายใจเข้าไปใหญ่
ดูเหมือนพิธีกรก็คาดการณ์ปฏิกิริยาของทุกคนไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ จึงไม่ได้มีสีหน้าร้อนรนเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังสุขุมอยู่มาก เขายิ้มแล้วพูดต่อ “ผมเชื่อว่าทุกท่านรู้กันอยู่แล้วว่าอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองตู้เหมินของพวกเราช่วงนี้คืออะไรใช่ไหมครับ”
เขาพูดจบ บนจอขนาดใหญ่ด้านหลังก็เปิดภาพข้าวผัดจักรพรรดิขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นรูปในเมนูอาหารไม่ใช่ของจริง
“ถูกต้องครับ นั่นก็คือข้าวผัดจักรพรรดิของต้าสือไต้ อีกทั้งผมเชื่อว่าหลายคนก็เคยไปชิมดูแล้ว ถึงแม้ว่าข้าวผัดจักรพรรดิจะอร่อย แต่ส่วนผสมกลับเรียบง่ายมาก นอกจากข้าวสวยและไข่ไก่ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก และอาหารที่เดรนท์ของพวกเราจะนำเสนอในวันนี้ก็อ้างอิงจากจุดนี้และทำออกมาได้ครอบคลุมกว่าข้าวผัดจักรพรรดิทุกด้าน!”
ได้ฟังถึงตรงนี้ ด้านล่างเวทีก็เงียบสงบลง เหมือนกำลังรอเขาแนะนำบะหมี่นึ่งจักรพรรดิจานนี้อยู่
“เดรนท์ของพวกเรากุมสูตรลับของข้าวผัดจักรพรรดิเอาไว้แล้ว ปรับปรุงเพิ่มจากพื้นฐานนี้ทำบะหมี่นึ่งจักรพรรดิเมนูใหม่ออกมา ผมหวังว่าทุกท่านจะไม่ได้ทานขนมเมื่อครู่จนอิ่ม ตอนนี้เผื่อท้องไว้สักหน่อยเพื่อลองชิมเมนูใหม่นี้ของพวกเราด้วยนะครับ”
ทันทีที่พูดออกมา ด้านล่างเวทีก็ซุบซิบกันอีกครั้ง โดยเฉพาะเถ้าแก่พวกนั้นที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ สูตรลับของข้าวผัดจักรพรรดิเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเขายอมจ่ายแพงเพื่อซื้อมาอย่างแน่นอน!
“จื่อเซวียน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน นายเคยบอกสูตรลับของข้าวผัดจักรพรรดิของนายให้คนอื่นฟังเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนกลับสุขุมเยือกเย็นมาก ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไม่รู้สิ จริงสิ เอ่อ…ลองชิมได้ใช่ไหม”
“อืม วันนี้เดรนท์ให้ทุกคนลองชิมเมนูใหม่ดู เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า…จะใช้สูตรลับข้าวผัดจักรพรรดิของนาย”
เห็นปฏิกิริยาของทุกคน พิธีกรก็ยิ้ม “ผมเดาไว้อยู่แล้วว่าทุกท่านจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ถูกต้อง นี่คือสูตรลับของข้าวผัดจักรพรรดิ และวันนี้พวกเราก็เตรียมบางอย่างมาให้ทุกคนได้ลองชิมกันครับ”
พูดจบ พิธีกรก็หันข้างไปกวักมือ ไม่นานนัก ก็มีพนักงานสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คเข็นรถเข็นอาหารเข้ามาสี่คัน รถเข็นอาหารทุกคันมีสามชั้นปิดไว้ด้วยฝาครอบสแตนเลส ดูออกว่าวันนี้เดรนท์ก็ตระเตรียมมาอย่างเต็มที่มาก
รถเข็นอาหารเข็นมาถึงกลางเวที พนักงานเปิดฝาครอบสแตนเลสออก เห็นทุกชั้นของรถเข็นอาหารมีบะหมี่นึ่งวางอยู่แค่แปดที่ และภาชนะที่เสิร์ฟบะหมี่นึ่งก็ไม่ใช่จาน แต่เป็นกระดองปูขนาดใหญ่!
คนไม่น้อยเห็นสิ่งเหล่านี้ก็แสดงท่าทางตกตะลึงออกมา ถึงอย่างไรจากหน้าตาภายนอกของบะหมี่นึ่งนี่ก็ชนะแล้ว เมื่อเทียบกับข้าวผัดจักรพรรดิที่จัดจานง่ายๆ แล้วบะหมี่นึ่งเอาใจใส่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“บะหมี่นึ่งจักรพรรดิ ทุกท่านสามารถลองรับประทานดูได้เลยครับ สูตรลับของข้าวผัดจักรพรรดิบวกกับอาหารทะเลที่ผสมลงตัวเข้าด้วยกันจากการที่พวกเราปรึกษาหารือกันหลายครั้ง ร่วมกับอุปกรณ์และเวลาที่ใช้ทำอาหารจนกลายเป็นสูตรลับใหม่ ส่วนงานทดลองชิมอาหารครั้งนี้ หนึ่งคือพวกเราหวังว่าทุกคนจะได้แสดงความคิดเห็นอันล้ำค่าออกมา สองคือพวกเรายินดีสำหรับการร่วมงานกันครับ เดรนท์ของพวกเรายอมขายสูตรลับ แบ่งปันอาหารรสเลิศนี้ให้กับทุกท่านครับ”
พูดประโยคนี้จบ ซ่งจื่อเซวียนก็เข้าใจทันที เดรนท์นี่ฉลาดจริงๆ หยิบยกการชิมอาหารครั้งนี้มาส่งเสริมการขาย ว่ากันตามตรงก็คือการเปิดแฟรนไชส์อาหารจานเดียว คิดๆ แล้วราคาจะต้องไม่ใช่ถูกๆ แน่
คนที่ถูกเชิญมาวันนี้ล้วนเป็นพ่อครัวและเถ้าแก่ในวงการอาหารกันทั้งสิ้น ถือเป็นการหาและพบปะคู่ค้าของพวกเขาด้วย แผนนี้นับว่ายอดเยี่ยม พวกเขาไม่ได้มีสูตรลับของข้าวผัดจักรพรรดิแน่นอน แต่กลับ…คิดจะใช้ข้าวผัดจักรพรรดิสร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ
คิดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้ม นักธุรกิจก็คือนักธุรกิจ คนอื่นนึกว่าเขาใช้ข้าวผัดจักรพรรดิผลักดันให้เกิดอาหารใหม่กันทั้งนั้น แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขากลับเป็นการได้รับเงินสักก้อนก็เท่านั้นเอง นี่เหมือนกับคำพูดของหลินเทียนหนานตอนนั้นไม่มีผิด นักธุรกิจย่อมเอากำไรเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว
“นี่มันกระดองปูอลาสก้า เป็นบะหมี่นึ่งจักรพรรดิจริงๆ เหอะๆ เทียบกันแล้วดูจะเหมาะสมกว่าข้าวผัดจักรพรรดิเสียอีก”
“อืม…ก็อร่อยดีนะ…ฉันนึกว่าจะมีแค่กระดองเสียอีก ที่ไหนได้ผัดเนื้อปูลงไปด้วย หอมดี”
“เห็นได้ชัดว่าบะหมี่นี่นำไปนึ่งก่อนแล้วค่อยผัด หลังจากรักษาระดับความแข็งของเส้นไว้ได้แล้วก็ค่อยเอาไปผัด ให้ความหอมมันเคลือบเส้นได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังไม่เลี่ยน นี่เก่งเกินไปแล้วจริงๆ”
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมมือกับพวกเขา เจ้านี่ใช้ได้เลย!”
“ใช่ ฉันก็คิดว่ามีโอกาสปังนะ ความจริงแล้วรสชาตินี้ไม่เลวเลย อีกทั้งส่วนผสมก็มีคุณภาพ น่าจะขายราคาเทียบเท่ากับข้าวผัดจักรพรรดิได้แหละ”
พิธีกรพยักหน้า “ค่าธรรมเนียมเข้าร่วมของเราราคาสามหมื่นหยวน ไม่เพียงแค่แบ่งปันสูตรลับเท่านั้น ยังสามารถเพลิดเพลินกับการจัดหาส่วนลดอาหารทะเลอีกด้วย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเซ็นสัญญารักษาความลับครับ”
“ซ่งจื่อเซวียน นายลองชิมดูสิ ใช่รสชาติข้าวผัดจักรพรรดิไหม”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เธอเคยกินแล้วไม่ใช่เหรอ เธอชิมก็พอแล้ว”
“จะเหมือนกันได้ยังไง ฉันไม่ได้กินมานานแล้ว กลัวว่าจะไม่ได้มาตรฐาน แต่ว่า…เหมือนว่าจะเอ๊ะอยู่หน่อยๆ” ถังหย่าฉีถือตะเกียบคีบใส่ปากอีกคำหนึ่งพลางพูด
ซ่งจื่อเซวียนไม่พูด เขามองจุดประสงค์ในวันนี้ของเดรนท์ออกแล้ว ทำไมจะต้องชิมบะหมี่ชามนี้อีกเล่า ความจริงแล้ว…จะใช่หรือไม่ใช่นั่นไม่สำคัญเลย
ตอนที่ทุกคนชิมอาหารพลางพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่นั้น ในฝูงชนก็มีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้นมา
“ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆ…”
ผู้คนหันไปมอง เห็นแค่ชายคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีกำลังถือกระดองปูพลางหัวเราะลั่น ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าภูมิฐานมาก เสื้อแจ็กเก็ตหนังกลับสีดำพอดีตัว ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล ขับเน้นให้รูปร่างของชายคนนั้นและใบหน้าที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบมาก
“บะหมี่นี่…ต้องตั้งใจชิมสิ ไม่ตั้งใจชิม…พวกคุณจะรู้ว่าเป็นรสอะไรได้ยังไงล่ะ”
ทันทีที่ชายหนุ่มคนนี้เปิดปากพูด ก็ยิ่งดึงดูดสายตาของทุกคน ไม่ใช่แค่นี้ คนในฝูงชนไม่น้อยก็เริ่มกระซิบกระซาบกันแล้ว กระทั่งมีคนเผยแววตาตกตะลึงออกมาด้วย
ซ่งจื่อเซวียนมองไปที่คนคนนี้ ใบหน้าของเขาราวกับแกะสลักออกมาอย่างประณีต ละเอียดลออไม่แพ้ผู้หญิง แต่ไม่มีผลกระทบกับมาดชายชาตรีของเขาเลยแม้แต่น้อย
ที่หัวเราะดังลั่นเมื่อครู่นั้นกลับไม่เกินจริงเลย ทั้งยังมาพร้อมกับความสง่างาม และความเงียบตอนนี้กลับเย็นเยียบจนน่าแปลกใจ ทำให้รู้สึกว่ามองแล้วไม่กล้าเข้าใกล้
มือซ้ายของเขาถือกระดองปู ดมแล้วพูด “สิ่งที่เรียกว่าบะหมี่นึ่งจักรพรรดิก็แค่พึ่งส่วนผสมมาทำให้กลมกล่อมขึ้น นี่มันโง่เง่าจริงๆ เลย!”
ถ้อยคำของชายคนนั้นแฝงความเหยียดหยามไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นการดูถูกผู้ที่ยืนอยู่ในระดับสูงอย่างรุนแรง ทั่วทั้งโถงงานเลี้ยงชะงักไปชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครพูดจา
“คุณพูดจาไร้สาระอะไรน่ะ คุณเป็นใคร วันนี้ใครให้คุณเข้ามา”
จู่ๆ เงาร่างหนึ่งก็เดินมาถึงกลางโถงงานเลี้ยง ชี้ไปที่ชายคนนั้น
คนที่พูดเป็นเฝิงกั๋วคุนนั่นเอง ถึงอย่างไรบะหมี่นึ่งจักรพรรดินี้ก็เป็นเขาที่ทำออกมา
สามารถพูดได้ว่าข้าวผัดจักรพรรดิกำลังโด่งดังมากในเขตตู้เหมินช่วงนี้ โดยเฉพาะในวงการอาหาร แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักมัน อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะโด่งดังอย่างต่อเนื่องด้วย ไม่รู้ว่ามีร้านอาหารมากน้อยเท่าไรที่อยากจะเลียนแบบ แต่ไม่มีสักรสชาติที่ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย
ได้ยินดังนั้น ชายคนนั้นก็หันหน้ามามองเฝิงกั๋วคุน สายตาที่น่าเกรงขามนั่นแทบจะทำให้เฝิงกั๋วคุนตัวสั่นแล้ว หากไม่ใช่เกร็งฝ่าเท้าไว้สุดแรงล่ะก็ เกรงว่าคงถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว
“เหอะๆ ไม่ใช่ว่าเดรนท์ของพวกคุณผลักดันบะหมี่นึ่งจักรพรรดินี่ให้ทุกคนชิมเหรอ ทำไม ไม่ยอมรับคำติชมรึไง” ชายคนนั้นหัวเราะ วางกระดองปูในมือกลับไปที่รถเข็นอาหาร
“ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราสามารถรับคำติชมได้ เอาเถอะ ผมจะลองฟังดูว่าตกลงคุณยังมีความเห็นอะไรอีก!” เฝิงกั๋วคุนกอดอก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะพูด ถ้อยคำจะมากจะน้อยก็ยังแฝงความสบประมาทไว้อยู่บ้าง
ชายคนนั้นยิ้ม เว้นจังหวะก่อนจะพูดว่า “บะหมี่ที่นึ่งก่อนแล้วค่อยผัด ดูจากภายนอกแล้วสามารถดูดซับและเพิ่มรสชาติได้ แต่ความจริงเนื้อสัมผัสของเส้นมันเละไปแล้ว ไม่เหมือนกับบะหมี่นึ่งแบบดั้งเดิม และเพราะมีอาหารทะเลเพิ่มเข้ามา ความชื้นโดยรวมเพิ่มขึ้น เนื้อสัมผัสของเส้นเลยโดนผลกระทบหนักขึ้นไปอีก ทำให้…ขาดสัมผัสการเคี้ยวไปหมด”
“คุณ…”
“ผมยังพูดไม่จบ นี่เป็นปัญหาของวัตถุดิบหลัก ปัญหาของวัตถุดิบเสริมยิ่งแล้วใหญ่ ที่คุณทำมันคืออาหารราคาแพง สาเหตุดั้งเดิมที่อาหารราคาสูงก็เป็นเพราะวัตถุดิบแพง จุดนี้ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ที่พลาดก็พลาดตรงที่เลียนแบบข้าวผัดจักรพรรดินี่แหละ!”
…………………………………………….