เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 56 ฉันถีบ!
ตอนที่ 56 ฉันถีบ!
ห้องห้องนี้มองจากประตูห้องธรรมดาจนไม่รู้ว่าจะธรรมดาอีกได้อย่างไร เหมือนกับห้องในโรงแรมห้องหนึ่ง แต่พอเปิดเข้าไปกลับเป็นห้องโถงใหญ่ ไม่มีหน้าต่าง แสงโคมไฟด้านในสลัว บรรยากาศดูป่าเถื่อน เสียงคนยิ่งจ้อกแจ้กจอแจ
ซ่งจื่อเซวียนคาดเดาได้ทันทีว่าห้องห้องนี้เก็บเสียงได้ดีมาก อีกทั้งประตูซ้ายขวาเป็นของปลอมทั้งสิ้น น่าจะเป็นการติดไว้กับผนังเท่านั้น
เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เสียงด้านในเบาลงทันที แต่เมื่อเห็นว่าเป็นจางเปียว พวกเขาถึงได้ผ่อนลมหายใจ จางเปียวก็รีบปิดประตู
“พวกเราไปด้านในกันเถอะ เสี่ยปาชอบสนุกอยู่ในห้องเดี่ยวน่ะ” จางเปียวพูดพลางเดินผ่านฝูงชนด้านในเข้าไป และซ่งจื่อเซวียนก็ตามติดอยู่ด้านหลัง
ซ่งจื่อเซวียนสังเกตเห็นว่าห้องโถงนี้ขนาดเกือบสองร้อยเมตรเต็มๆ ด้านในไม่ว่าจะเกมพนันประเภทไหนก็มีหมด ลูกเต๋า โดมิโน่ โป๊กเกอร์ และยังมีโต๊ะไพ่นกกระจอกด้วย ผู้คนล้อมอยู่หน้าโต๊ะ บ้างคีบบุหรี่มองดูไพ่ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย บ้างยิ้มกว้างเพราะเพิ่งชนะพนันมา มองจากด้านนอกดูเหมือนไม่มีอะไร คาดไม่ถึงว่าด้านในจะเป็นบ่อนที่คึกคักขนาดนี้
ฝั่งหนึ่งของห้องโถงใหญ่ยังมีห้องอีกหลายห้องที่เป็นห้องส่วนตัวของบ่อน จางเปียวเคาะประตูที่ห้องด้านในสุด เปิดประตูเข้าไปทันที
ในห้องมีควันบุหรี่ตลบอบอวล เต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่ ทั้งยังผสมกลิ่นควันที่ไม่รู้ว่าสะสมมากี่ปีเอาไว้ด้วย กลางห้องมีโต๊ะพนันสี่เหลี่ยมจัตุรัส นั่งกันอยู่สี่คน ถึงแม้ว่าจะเล่นกันแค่สี่คน แต่มีคนยืนมุงดูกันอยู่เจ็ดแปดคนทีเดียว
ไพ่บนโต๊ะแบ่งอยู่ตรงหน้าทั้งสี่คนโดยคว่ำหน้าไว้อย่างเรียบร้อยหนึ่งใบ และเปิดหน้าไพ่ไว้หนึ่งใบ การพนันประเภทนี้ทางตะวันตกเรียกกันว่าโป๊กเกอร์ ส่วนในเมืองตู้เหมินถูกเรียกว่าห้าใบพาส แม้ว่าซ่งจื่อเซวียนจะเล่นพนันไม่เป็น แต่ก็เคยอ่านวิธีเล่นในหนังสือมาบ้าง อีกทั้งตาเฒ่าฟางก็เคยอธิบายวิธีเล่นง่ายๆ กับกลยุทธ์ที่ใช้ในวงการมาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
ซ่งจื่อเซวียนนึกย้อนไปถึงทิศทางตอนที่ตนเองเดินเข้ามาในหอพัก ก็ตัดสินได้ในทันทีว่าห้องเดี่ยวห้องนี้เป็นห้องหลัก และตำแหน่งตรงข้ามประตูก็ย่อมเป็นที่นั่งประธาน
ชายคนหนึ่งอายุสี่สิบกว่าปีนั่งอยู่ตรงที่นั่งประธาน หัวโล้น ไว้หนวดสองแถบ สวมเสื้อคลุมแบบจีนสีดำ ด้านในสวมเสื้อกระดุมถักสีขาว ดูแล้วมีมาดมาก อีกทั้งเมื่อเทียบกับคนอื่นที่นั่งอยู่แล้วรัศมีโดดเด่น ถ้าเดาไม่ผิด…เขาก็คือเฉิงปานั่นเอง
“เสี่ยปา มีคนอยากพบเสี่ยครับ”
ชายหัวโล้นเงยหน้ามองจางเปียว หลังจากนั้นก็กวาดตามองซ่งจื่อเซวียน เขามั่นใจกับการประเมินของตนเองแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเสี่ยปา
“จางเปียว เพื่อนของแกเหรอ” เสี่ยเฉิงปาพูดพลางมองไพ่ในมือ
“เอ่อ…ไม่ใช่ครับ เสี่ยปา พวกเขาอยากเจอเสี่ย ผมเลยพามา” จางเปียวไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ทำได้แค่ต้องพูดความจริง
“หืม อยากเจอฉันก็เลยพามาเรอะ แกมองว่าเสี่ยปาเป็นโรงอาบน้ำหรือไง”
“เอ่อ…เสี่ยปาครับ เรื่องมันมีที่มาที่ไป ต้องคุยรายละเอียดครับ”
ฟังคำพูดของจางเปียวจบ เสี่ยเฉิงปาก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พูดว่า “คืนนี้เสี่ยมือขึ้น รอแป๊บ”
จางเปียวมองซ่งจื่อเซวียน คนหลังก็พยักหน้า ในเมื่อหาเฉิงปาเจอแล้ว เขาย่อมเร่งรัดไม่ได้
เฉิงปามองไพ่ในมือ “ในมือฉันมีคิงอยู่คู่หนึ่ง ในหม้อยังมีเงินอยู่สี่พันหยวน เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันลงอีกหนึ่งหมื่น!”
เขาพูดพลางหยิบชิปสีส้มทิ้งลงกลางโต๊ะ
ซ่งจื่อเซวียนมองชิปบนโต๊ะ ชิปเล็กสีเขียวแปดอัน สีส้มหนึ่งอัน จากที่เฉิงปาพูดสีส้มนั่นน่าจะเป็นชิปหมื่นหยวน และชิปสีเขียวน่าจะอันละห้าร้อย ดูท่าพวกเขาจะลงพนันกันไม่น้อยเลย อย่างไรแต่ละตาก็ได้หลายพันหยวน เล่นถึงหลักหมื่นก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่
ขณะเดียวกันก็เห็นไพ่ของอีกสามคน ด้านหน้าคนที่อยู่ตรงข้ามเสี่ยปามีควีนคู่หนึ่ง แม้ไพ่จะไม่ได้ใหญ่เท่าเสี่ยเฉิงปา แต่ถ้าไพ่โฮล[1]คือควีนก็ยังมีโอกาส ส่วนคนทางซ้ายของเขาไพ่ไม่ดีดูท่าจะสู้ไม่ได้ แต่คนทางขวาไม่เป็นแบบนั้น หน้าไพ่คือเอซ แจ็ค เก้าและสี่โพแดง ถ้าไพ่โฮลเป็นโพแดง นั่นก็คือหน้าไพ่ฟลัช[2] ใหญ่กว่าหน้าไพ่ของทุกคน
ตอนนี้เสี่ยเฉิงปาลงหนึ่งหมื่นมีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง อย่างแรกคือไพ่โฮลของเขาคือคิง อย่างนั้นคิงสามใบก็จะชนะไพ่ของคนตรงหน้าได้หมดจด ขณะเดียวกันเท่ากับเขาพนันว่าอีกคนไม่ได้เป็นไพ่ฟลัช แต่อย่างที่สองคือเขาอาจจะเกทับ กดข่มอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขามีคิงสามใบ แต่ความจริงแล้วเขาไม่มี
ซ่งจื่อเซวียนลอบยิ้ม เสี่ยเฉิงปาคนนี้มีสมองอยู่บ้าง เกมไพ่ตานี้…น่าสนใจ
เป็นอย่างที่เขาคิด คนที่ได้ไพ่ไม่ดีเลือกหมอบก่อน และคนที่อาจจะได้ไพ่ฟลัชก็ถอดใจแล้วเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าไพ่โฮลของเขาไม่ใช่ฟลัช
แต่คนตรงหน้าเขากลับพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยปา น่าสนใจอยู่นะเนี่ย ดูท่าคุณจะมั่นใจมากเลยนะครับ แต่ผมคนนี้ไม่เชื่อหรอก ผมพนันเลยว่าคุณไม่มีไพ่คิงสามใบ”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยปาก็ชะงักทันที สายตาที่มีแววตกใจพาดผ่านถูกซ่งจื่อเซวียนมองเห็นทั้งหมด ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า ดูท่าเสี่ยเฉิงปาน่าจะไม่ได้มีคิงสามใบหรอก ตานี้…เขาใช้วิธีการเกทับ และเห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ตรงข้ามเขามีควีนสามใบ
เสี่ยเฉิงปาสูดลมหายใจลึก พูดว่า “ก็ได้ งั้นเปิดไพ่เถอะ!”
คนคนนั้นยิ้ม ยื่นมือไปหาไพ่ใบที่คว่ำอยู่ นิ้วชี้วาดผ่านหลังไพ่ครู่หนึ่ง แล้วพลิกเปิดไพ่ในทันที เป็นไพ่ควีนอย่างที่คิด!
พูดพลาง เสี่ยปาก็เปิดไพ่ เป็นห้าโพดำ
“ฮ่าๆ เสี่ยปายอมแพ้แล้ว”
คนคนนั้นหัวเราะลั่น รวบชิปทั้งมาด้านหน้าตนเองทันที ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เสี่ยปา คืนนี้พอแค่นี้เถอะ ผมยังมีธุระอีกนิดหน่อย”
“อะไรกัน ชนะแล้วก็จะไปแล้วเหรอ เหล่าซื่อ แกก็รู้นิสัยของเสี่ยปา ฉันเกลียดแกที่เป็นแบบนี้ที่สุด” เสี่ยปาเงยหน้าขึ้นพลางพูดอย่างดุดัน
“เสี่ยปาก็พูดไป พวกเราเล่นกันมาสองชั่วโมง ผมลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ยังพักไม่ได้อีกเหรอ พวกเราค่อยเล่นกันต่อพรุ่งนี้เถอะ!” เหล่าซื่อพูด
เสี่ยปายักไหล่ด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะไสหัวไปไกลๆ ไป ขโมยตาเมื่อกี้นี้กลับไปหมด ซวยฉิบหาย!”
“ขอบคุณครับเสี่ยปา!”
พูดพลาง เหล่าซื่อก็จะจากไป แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับยื่นมือไปจับไหล่เขาเอาไว้ “สหาย ไพ่ตานี้เล่นได้ไม่เลว”
เหล่าซื่อหันหน้ามามองซ่งจื่อเซวียน สายตาแฝงความเย็นชาไว้เล็กหน่อย “นายเป็นใครน่ะ ฉันสนิทกับนายเหรอ”
เห็นสถานการณ์ เสี่ยเฉิงปาก็แปลกใจเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร และมองดูเงียบๆ
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ถูกต้อง พวกเราไม่สนิทกัน แต่ว่า…ฉันมาทำธุระกับเสี่ยปานิดหน่อย เห็นว่านายชนะเสี่ยปาเลยรู้สึกคันไม้คันมือ พวกเราสองคนมาพนันกันสักตาไหม”
เหล่าซื่อขมวดคิ้ว “ฉันรู้จักกับนายเหรอวะ พนันกับนายแล้วจะคุ้มค่าหรือไง”
ในบ่อนมีกฎอยู่ข้อหนึ่ง ยิ่งเป็นผู้เล่นที่สุดยอดมากเท่าไรยิ่งพนันกับคนแปลกหน้าไม่ได้ง่ายๆ เท่านั้น เพราะจะไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนและมีเส้นสนกลในอะไร
“ฮ่าๆๆ เสี่ยปา วันนี้ผู้เยาว์มาหาก็อยากจะแสดงน้ำใสใจจริงสักหน่อย คุณคิดว่า…ให้ผมพนันกับท่านนี้แทนคุณสักตาได้ไหมครับ”
เสี่ยปาได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้น ลุกขึ้นยืนสละที่นั่งให้ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฮ่าๆๆ น่าสนใจ เหล่าซื่อ เด็กนี่ก็บอกอยู่ว่าอยากพนันสักตา แกอย่าขี้ขลาดสิ มา ไอ้หนู ฉันจะคอยดูว่าแกจะแก้แค้นแทนฉันได้ไหม!”
“ขอบคุณเสี่ยปาที่ให้โอกาสครับ!”
ซ่งจื่อเซวียนเดินไปนั่งที่ตำแหน่งเสี่ยปา หยิบไพ่บนโต๊ะมาสับ ท่วงท่าการสับไพ่เชี่ยวชาญอย่างมาก อีกทั้งยังสปริงไพ่ กรีดไพ่ และตัดไพ่ด้วยมือเดียว อย่างน้อยก็มีสามสี่ท่า
ถ้าไม่รู้จัก จะต้องนึกว่าซ่งจื่อเซวียนเป็นนักพนันมือฉมังแน่!
ความจริงแล้วเขาไม่เคยเล่นพนันมาก่อน เพียงแต่เคยเห็นเทคนิคพนันกระทั่งเทคนิคการโกงจากหนังสือมาไม่น้อย ตอนนั้นอ่านอย่างหลงใหล ประกอบกับฟางจิ่งจือเคยแสดงเทคนิคสับไพ่ง่ายๆ ให้เขาดูอีกด้วย เหมือนว่าเขาจะหมกมุ่นฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนอยู่สองเดือนเต็มๆ เทคนิคนี้ก็ฝึกฝนมาตั้งแต่ตอนนั้น
แต่ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่เข้าใจ ดูเหมือนตาเฒ่าฟางจะทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ได้ทุกอย่าง พูดถึงสิ่งที่ฟางจิ่งจือเคยพูดไว้ว่าคนปักกิ่งเน้นหนักเรื่องเล่น อะไรก็ทำได้เล็กๆ น้อยๆ อาจจะไม่ได้เก่งการ แต่พอใช้งานได้
เห็นท่าทางของซ่งจื่อเซวียน เสี่ยปาก็ยิ่งสนใจมากขึ้น พูดเร่งรัด “เหล่าซื่อ เร็ว รีบๆ นั่งลง พนันตานี้จะเริ่มอีกรอบแล้ว!”
เหล่าซื่อเห็นเสี่ยปายืนยันแล้ว ก็เกรงใจไม่พูดอะไรอีก นั่งลงด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “เล่นอีกตาก็เล่นอีกตา พนันอะไรนายว่ามาเถอะ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “พนันอะไรดีล่ะ พนันด้วยเงินธรรมดาเกินไป เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันพนันว่านายมีไพ่อยู่ในแขนเสื้อ เป็นยังไง”
ได้ยินอย่างนั้น เหล่าซื่อก็ยืนขึ้นทันที พูดอย่างโมโห “ไอ้เด็กตัวเหม็น แกพูดอะไรของแก พูดจาเพ้อเจ้อต่อหน้าเสี่ยปาได้ยังไง!”
เสี่ยปาเหมือนจะฟังออกว่าหมายถึงอะไร เขาชำเลืองมองเหล่าซื่อด้วยสายตาเย็นชา “ฉันว่าไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย เอาอย่างนี้ ฉันก็จะลงเดิมพันเหมือนกัน เดิมพันว่าในแขนเสื้อของเหล่าซื่อไม่มีไพ่”
ซ่งจื่อเซวียนฟังความหมายของเสี่ยเฉิงปาออกทันที พูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ครับ เสี่ยปา อย่างนั้นผมว่าคุณอาจจะไม่ชนะซะแล้ว ใครจะสับไพ่ดีล่ะ”
เหล่าซื่อพูดอย่างระมัดระวัง “พวกเราสองคนพนันกัน ก็ต้องใช้บุคคลที่สามสับไพ่แล้วล่ะ”
เสี่ยปาชี้ลูกน้องด้านหลังคนหนึ่งตามใจ สั่งให้เขาสับและแจกไพ่ ที่จริงที่ผ่านมาพวกเขาพนันกันแบบไม่ได้พิถีพิถันขนาดนี้มาก่อน แต่วันนี้ไม่ใช่ ตามที่ซ่งจื่อเซวียนพูดว่ามีคนโกง นี่ก็คือข้อห้ามในบ่อน ย่อมต้องตั้งใจสักหน่อย
ลูกน้องแจกให้คนละสองใบ หนึ่งใบหงายหนึ่งใบคว่ำ เหล่าซื่อดูไพ่โฮลแล้ววางลงทันที เป็นสัญญาณให้ลูกน้องแจกไพ่ต่อได้ แต่ซ่งจื่อเซวียนไม่แม้แต่จะดูไพ่ ดวงตาจดจ้องที่เหล่าซื่ออยู่อย่างนั้น
เหล่าซื่อรู้สึกแค่ว่าอึดอัดไปหมด มักจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายจับตาดูตนเองอยู่เสมอ อีกทั้งยิ่งซ่งจื่อเซวียนไม่ดูไพ่ด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งกังวล หรือว่าอีกฝ่ายเป็นมือฉมังเหรอ แม้แต่ไพ่ก็ไม่ต้องดู แล้วพอถึงเวลาก็ค่อยสับเปลี่ยนไพ่?
เสี่ยปาพูด “แจกไพ่ก็ลงเงินอย่างต่ำห้าร้อยหยวน ตอนนี้ไพ่โฮลสองพันหยวน เงินของเด็กคนนี้ฉันออกเอง!”
จุดยืนของเสี่ยเฉิงปาชัดเจนมากว่าเขาอยู่ข้างซ่งจื่อเซวียน ถึงอย่างไรเมื่อครู่เหล่าซื่อก็ชนะเขาไปหมื่นกว่าหยวน ถ้าอีกฝ่ายโกง เขาก็ไม่มีทางที่ยอมอ่อนข้อให้
แจกถึงไพ่ใบที่สี่ หน้าไพ่ของเหล่าซื่อมีเอซ สาม เก้า ห้า ผสมกันหลายดอก ไพ่ซ่งจื่อเซวียนกลับเป็นเจ็ดหนึ่งคู่ สี่ และคิง ถ้าไพ่โฮลของเหล่าซื่อคือเอซ นั่นก็คือคู่เอซ ไพ่โฮลของซ่งจื่อเซวียนมีแต่ต้องเป็นเจ็ด สี่ คิง หน้าไพ่เป็นเจ็ดสามใบ หรือมีสองคู่ถึงจะชนะอีกฝ่ายได้
ซ่งจื่อเซวียนไม่รอให้เหล่าซื่อลงมือ เปิดไพ่โฮลทันที ไพ่โฮลก็คือแจ๊ค หน้าไพ่คือคู่เจ็ด
“ฉันคู่เจ็ด น้อยจริงๆ” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางพิงพนักเก้าอี้ด้านหลัง
เห็นหน้าไพ่ของซ่งจื่อเซวียน เหล่าซื่อก็พรูลมหายใจออกมา ถ้าอย่างนี้ก็มีโอกาสชนะได้ ถ้าตนเองเปิดได้เอซหรือเก้า อย่างนั้นก็จะเป็นคู่เอซหรือคู่เก้า และชนะคู่เจ็ดของอีกฝ่ายได้
แต่เขารู้อยู่แล้วว่าไพ่โฮลของตนเองไม่ใช่เอซหรือเก้า แต่เป็นห้า ตอนนี้หน้าไพ่ของเขาคือคู่ห้า แน่นอนว่าแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่า…เขาย่อมไม่ยินยอมที่จะแพ้!
ถ้าตานี้แพ้ ก็แสดงว่าตาที่แล้วเขาหลอกลวงต้มตุ๋น นี่ก็คือการวางเดิมพันในตานี้ของเขาและซ่งจื่อเซวียน!
เขารู้สึกเพียงมีเหงื่อไหลซึมที่หน้าผาก ภายใต้การจดจ้องของผู้คนก็ต้องเสี่ยงดูสักตา ถึงอย่างไรใช้เทคนิคนี้มานานปีขนาดนี้ก็ไม่เคยพลาดมาก่อนเลย เขาไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้!
ขณะนี้ซ่งจื่อเซวียนพิงพนักเก้าอี้นิ่งๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็มีระยะห่างจากเขา จะยื่นมือมาคว้ามือของเขาก็ไม่ทันอยู่แล้ว ดังนั้น…โอกาสก็คือตอนนี้ มือของเขายื่นตรงไปแตะไพ่โฮลใบนั้นอย่างรวดเร็ว!
แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้เอง ซ่งจื่อเซวียนขมวดคิ้วส่งสายตาโกรธเคือง ไม่ได้ใช้มือไปคว้ามือของเขาไว้แม้แต่น้อย แต่ใช้เท้าถีบไปที่ขาทั้งสองของเขาอย่างแรง เพราะไม่ได้ตั้งตัวเลยสักนิด ทั้งตัวเหล่าซื่อจึงหงายหลังไป ร่างกายเสียการทรงตัว ตอนที่ใช้มือคว้าโต๊ะ ไพ่ใบนั้นก็ร่วงออกมาจากแขนเสื้อ!
…………………………………………………
[1] ไพ่โฮล (Hold cards) ไพ่ใบแรกที่แจกให้โดยคว่ำหน้าลง
[2] ไพ่ฟลัช (Flush) ไพ่ที่มีสัญลักษณ์เดียวกันห้าใบ