เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 60 หอหงเยวี่ย
ตอนที่ 60 หอหงเยวี่ย
ในที่สุดนับว่าเสี่ยเฉิงปากับซ่งจื่อเซวียนบรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์โทรหาหมายเลขหนึ่งทันที
“ฮัลโหล เจ๊หงหรือเปล่า คืนนี้ฉันว่าจะไปหาพวกเจ๊ ช่วยฉันนัดใครคนหนึ่งได้ไหม”
โทรศัพท์สายนั้นมีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งลอดออกมา “ไม่มีปัญหาค่าเสี่ยปา เดี๋ยวฉันเหลือห้องกั้นส่วนตัวไว้ให้ ว่าแต่…ใครกันที่เสี่ยปาไม่นัดเองแถมยังให้ฉันช่วยนัดให้อีกน่ะ”
“เหอะๆ รบกวนเจ๊หงได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาหรอก ฉันอยากนัดเจอเคอซานน่ะ”
“โอ้ เสี่ยซานเหรอ ได้สิ หลายวันก่อนเสี่ยซานยังมานั่งที่นี่อยู่เลย คุณไม่ต้องห่วง ฉันช่วยติดต่อให้เอง แต่เสี่ยซานมีเวลาไหมก็ไม่รู้นะคะ”
เสี่ยเฉิงปาได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “โอเค ไม่เป็นไร พรุ่งนี้หรือวันนี้ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“โอเค เสี่ยปาวางใจค่ะ แต่ราคาใช้ห้องนี้สี่พันหยวนนะ”
ได้ยินประโยคนี้ เฉิงปาแทบกระอักเลือด ไปที่ห้องส่วนตัวของเธอนั่งแค่แป๊บเดียวก็สี่พันแล้ว แต่เมื่อคิดถึงว่าจะได้เงินก้อนใหญ่เร็วๆ นี้ เขาก็ยังกัดฟันรับคำ
หลังจากวางสาย เสี่ยเฉิงปาก็พูดว่า “น้องชาย ฉันติดต่อเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ว่า…ถึงตอนนั้นแกต้องโผล่มานะ”
“คุณวางใจได้ คนอย่างซ่งจื่อเซวียนไม่มีทางขี้ขลาดตาขาว”
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจขนบธรรมเนียมนี้ดี ในเมื่อเสี่ยปาตัดสินใจจะช่วยแล้ว ตนเองก็จะมัวหดหัวอยู่ไม่ได้ ถ้าถึงเวลาแล้วตนเองไม่ปรากฏตัว การที่เสี่ยปาเปิดปากพูดคุยกับเสี่ยซาน จะมากน้อยอย่างไรก็ค่อนข้างจุ้นจ้านในเรื่องของคนอื่น แต่ถ้าเขาอยู่ด้วยก็เป็นอีกกรณีแล้ว เขาแสดงจุดยืนชัดเจน เสี่ยปาถึงจะปกป้องเขาได้สะดวก
เสี่ยปาพยักหน้า ถอนหายใจ “โธ่ แม่งแพงจริง จิบชาอึกหนึ่งพูดคุยกันไม่กี่ประโยคก็สี่พันหยวน สมแล้วที่เป็นหอหงเยวี่ย”
“หอหงเยวี่ย?” ซ่งจื่อเซวียนสงสัย เขายังไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่แห่งนี้มาก่อนจริงๆ
“อืม หกโมงเย็นแกมาหาฉันที่ร้านคาราโอเกะหงหลิน เดี๋ยวพวกเราไปพร้อมกัน” เสี่ยเฉิงปาพูด
“ครับ น้อมส่งเสี่ยปา!” ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางประสานหมัดคารวะ
นอกหน้าต่างกระจก โจวเผิงหรี่ตามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้านใน เมื่อครู่ตอนที่เห็นเสี่ยปาเดินเข้าไปในร้านเขามองแวบเดียวก็จำได้ เพราะในความเป็นจริงชื่อเสียงเสี่ยปาในเส้นทางนี้ก็ไม่น้อยเลย อีกทั้งโจวเผิงก็เคยเห็นมาด้วยตาตนเอง
เห็นคนเช่นนี้มาที่ร้าน ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือก้มหน้าก้มตาเดินออกมาจากภัตตาคาร เขาไม่อยากไปยั่วยุกับคนเบอร์นี้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฉิงปาก็มาหาซ่งจื่อเซวียนเหมือนกัน คาดว่าจะต้องมีจุดประสงค์เดียวกันกับเคอซานแน่
“หลายวันก่อนเคอซานเพิ่งมา วันนี้เฉิงปาก็มาอีกคน ซ่งจื่อเซวียน…สุดท้ายข้าวผัดจักรพรรดิของนายนี่สร้างปัญหามากมายใหญ่โต” พูดพลาง เขาก็อดลอบยิ้มออกมาไม่ได้ ถึงแม้ช่วงนี้เขาจะไม่ได้เกิดเหตุขัดแย้งอะไรกับซ่งจื่อเซวียน แต่เห็นอีกฝ่ายมีปัญหารุมเร้า เขาก็ค่อนข้างมีความสุข
กลับมาที่ครัวด้านหลัง ซ่งจื่อเซวียนพูดว่า “เทียนซั่ว พวกเราเลิกงานกันเถอะ วันนี้นายไปพักผ่อนตามใจได้เลย”
“หืม อาจารย์ เมื่อกี้อาจารย์คุยอะไรกับเสี่ยปาเหรอ” ซางเทียนซั่วพูด
“คุยกันเรื่องคืนนี้ฉันจะไปหอหงเยวี่ยพร้อมกับเขา ไปเจอเสี่ยเคอซาน ฉันคิดว่า…ฉันไปเองน่าจะสะดวกกว่า” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“ไปหอหงเยวี่ยเหรอ”
“ใช่ นายรู้จักเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนได้ยินดังนั้นก็วางธุระในมือแล้วเอ่ยถาม
ซางเทียนซั่วพยักหน้า “แน่อยู่แล้วสิ หอหงเยวี่ยนับได้ว่าเป็นโรงน้ำชาที่มีชื่อเสียงที่สุดในตู้เหมิน พูดได้ว่าไม่ว่าจะเป็นคนของรัฐหรือเจ้าของกิจการ ตัวเลือกแรกสำหรับการพูดคุยหารือก็คือหอหงเยวี่ย”
“โอ้ ค่อนข้างเจ๋งเลยนี่ ทำไมล่ะ ประตูของพวกเขาทำมาจากทองเหรอ”
“ฮ่าๆ อาจารย์นี่ก็ไม่เข้าใจอะไรเลย ถ้าทำจากทองก็ธรรมดาแล้ว กลับกันจุดเด่นของร้านเธอคือความโบราณและเรียบง่าย สบายตาและเงียบสงบ เดินเข้าไปกลิ่นชาก็ตีเข้าหน้ามา ด้านในสูงส่งงดงามมาก”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ นี่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาทีเดียว บางทีเขาอาจจะอยู่กับตาเฒ่าฟางมานาน จึงไม่เหมือนกับคนหนุ่มสาวมากมายที่ชอบความคึกคัก บ้าระห่ำ กลับค่อนข้างชื่นชอบสภาพแวดล้อมที่สดชื่นสบายตาและเงียบสงบมากกว่า
“จริงสิ เมื่อกี้ฉันได้ยินเสี่ยปาคุยโทรศัพท์กับคนของหอหงเยวี่ย ให้พวกเขาจัดการนัดเสี่ยซาน หอหงเยวี่ยนี่ไม่ว่าใครก็นัดหมายมาได้ใช่ไหม” ซ่งจื่อเซวียนซักถาม
“ประมาณนั้นมั้ง คนที่ใหญ่โตขนาดรู้จักกันทั้งประเทศก็อาจจะไม่แน่ แต่ในโซนตู้เหมินและปักกิ่ง ไม่มีคอนเน็กชันไหนที่หอหงเยวี่ยไม่รู้จัก พวกเขามีเจ้าของสองคน คนหนึ่งชื่อหลี่ม่านหง คนหนึ่งชื่อตวนมู่เยวี่ย หลี่ม่านหงอายุสี่สิบกว่า ทุกคนเอาใจด้วยการเรียกเธอว่าเจ๊หง มีอำนาจใหญ่โตมาก แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก แต่ตวนมู่เยวี่ย…เหมือนว่าจะไม่มีใครเคยเจอ”
ซ่งจื่อเซวียนฟังซางเทียนซั่วแนะนำหอหงเยวี่ยให้ฟัง คุณชายทายาทเศรษฐีคนนี้รู้เรื่องไม่น้อยเลยจริงๆ เขาพูดว่า “เรื่องนี้นายก็รู้ด้วย หรือว่าเป็นที่ที่นายไปบ่อย”
“อย่าล้อเลยอาจารย์ ต้องบอกว่าผมไปผับบาร์ เคทีวี[1]หรือภัตตาคารอย่างเดรนท์บ่อยจริงไม่หลอก แต่หอหงเยวี่ยคนละระดับกับร้านพวกนี้ ผมแค่เคยไปกับพ่อสองครั้ง เรื่องพวกนี้ก็เป็นพ่อของผมที่พูดให้ฟัง” ซางเทียนซั่วพูด
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “อย่างนั้นดูท่าจะไม่ใช่สถานที่ธรรมดาจริงๆ…”
“เพราะงั้นอาจารย์ให้ผมไปด้วยเถอะ ผมเคยเจอเจ๊หงมาก่อน เธอก็สนิทกับพ่อผมอยู่บ้าง ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้นมา…บางทีผมอาจจะช่วยได้ก็ได้”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด ที่ซางเทียนซั่วพูดมาก็มีเหตุผล ถ้าไว้ใจเสี่ยเฉิงปากับเคอซานในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดไม่ได้ ถ้าเจ๊หงคนนั้นไว้หน้าซางเทียนซั่วจริงๆ อาจจะช่วยเรื่องยุ่งยากมากๆ ของตนได้
“ก็ได้ พวกเราสองคนไปด้วยกัน!”
“โอเค!”
ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น ซ่งจื่อเซวียนกับซางเทียนซั่วก็ออกมาจากภัตตาคารต้าสือไต้ ถึงอย่างไรนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบนาทีโดยประมาณ อย่างนี้ก็สามารถไปถึงก่อนล่วงหน้าได้
ก่อนหกโมง ทั้งสองก็มาถึงร้านคาราโอเกะหงหลินที่อยู่ในความครอบครองของเสี่ยเฉิงปา
เห็นป้ายร้านคาราโอเกะที่ค่อนข้างโกโรโกโสอยู่บ้าง ซางเทียนซั่วก็อดเผยสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมาเล็กน้อยไม่ได้ “ให้ตายเหอะ นี่เรียกว่าร้านคาราโอเกะเหรอ ต้อนรับคนเฒ่าคนแก่โดยเฉพาะใช่ไหมเนี่ย”
“ร้านคาราโอเกะยังแบ่งแยกช่วงอายุในการต้อนรับด้วยเหรอ ไม่ใช่แค่เข้าไปร้องเพลงหรือไง” ซ่งจื่อเซวียนถาม
ชางเทียนซั่วกลั้นหัวเราะ “เหอะๆ อาจารย์ เรื่องนี้อาจารย์ก็ไม่เข้าใจเหรอ ถ้าขายเป็นแพคเกจแบบเคทีวี นั่นยังเป็นสถานที่ร้องเพลงจริงๆ แต่พวกร้านคาราโอเกะกับไนต์คลับแล้วก็ยังสโมสรบันเทิงนี่ ไม่มีทางธรรมดาขนาดนั้น มีบริการเพิ่มเติมกันทั้งนั้นแหละ”
“บริการเพิ่มเติมเหรอ แค่ร้องเพลงเอง คงไม่ถึงขนาดมีสาวสวยประกบอยู่ด้วยหรอมั้ง” ซ่งจื่อเซวียนถาม สำหรับด้านความบันเทิง เขาไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นจริงๆ เพราะหากมองในมุมมองทางการเงิน เขาไม่เคยแม้แต่จะมีคุณสมบัติจะย่างเข้าไปในสถานบันเทิงเลย
“ครั้งนี้อาจารย์พูดถูกจริงๆ นั่นก็คือมีสาวสวยประกบด้วย ไม่เพียงแค่ช่วยชงเหล้า ขอเพลง ยังคอยบริการผู้ชายให้มีความสุขอีกด้วย ส่วนบริการยังไงให้มีความสุข…เหอะๆ อาจารย์ คงไม่ต้องให้ผมพูดชัดๆ หรอกใช่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนพลันเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย “แค่กๆ…ฉันไม่ใช่คนโง่นะ ฟังเข้าใจ อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย เข้าไปหาเสี่ยปากันก่อนเถอะ”
ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านคาราโอเกะ มองประตูหลักร้านคาราโอเกะจากด้านนอกก็ไม่ได้พิเศษอะไร เป็นประตูสีแดงบานใหญ่บานหนึ่ง ด้านบนเป็นป้ายสีแดงขนาดใหญ่ ด้านในประตูมีม่านกำมะหยี่ขนาดเมตรกว่า แต่ตอนที่รูดเปิดม่านถึงได้รู้ความจริงว่าม่านผืนนี้น้ำหนักไม่เบาเลย มิน่าถึงกลบแสงไฟกับเสียงด้านในจนมิดได้
หลังม่าน ราวกับมาโผล่อีกโลกหนึ่ง ไฟสีแดงและสีเหลืองตัดสลับกัน แสงไฟโดยรวมแล้วนับว่าค่อนข้างมืด เวลานี้มีคนไม่น้อยร้องเพลงอยู่ด้านในแล้ว
ในโถงขนาดใหญ่ มีโซฟาพร้อมโต๊ะเจ็ดแปดที่ โซฟาทุกหลังสามารถนั่งได้ประมาณสี่คน บนโต๊ะมีพวกเบียร์และไวน์แดงจัดวางไว้อยู่ แต่ไม่ได้เป็นสุราดีอะไร ล้วนเป็นสุราราคาถูกทั้งสิ้น ในโต๊ะมีชายหญิงสองคู่พูดคุยกันอยู่ บ้างก็โอบกอดกันด้วย
ซางเทียนซั่วพูดด้วยรอยยิ้ม “ให้ตาย เป็นสถานที่คนเฒ่าคนแก่จริงๆ ด้วย อาจารย์ดูลุงคนนั้นดิ ผมบนหัวมีไม่เกินห้าสิบเส้นหรอกอาจารย์เชื่อไหม”
ซ่งจื่อเซวียนมองไปทางนั้น เป็นเรื่องจริง ลุงคนนั้นอายุอย่างน้อยห้าสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้กำลังกอดกับผู้หญิงข้างกาย พูดคุยกันอย่างได้อรรถรส
“ยังมีนั่นอีก ป้าคนนั้นอายุน่าจะมากกว่าห้าสิบแล้วมั้งน่ะ ขนาดนี้แล้วยังออกมากินเหล้าอีกเหรอ โธ่เอ๊ย อาจารย์ดูรอยยับย่นบนลำคอของเธอสิ…จุ๊ๆๆ อาจารย์ เป็นไง อาจารย์มีรสนิยมแบบไหนล่ะ เดี๋ยวผมสั่งให้”
“ไสหัวไปเลย ไม่ต้องมาหยอกฉัน นายก็เบาเสียงหน่อย ระวังคนได้ยินแล้วจะมาจัดการนายเอา!”
“เข้ จัดการผมเหรอ อาจารย์ดูลุงสองสามคนนั่นจะมีความสามารถแบบนี้เหรอ ไม่ต้องพูดว่าจะมาจัดการผมเลย ผมเดาว่าขนาดจะทำเรื่องอย่างว่าก็เกินกำลังแล้ว…” ซางเทียนซั่วพูดพลางหัวเราะเย้ยหยัน
ซ่งจื่อเซวียนก็หลุดหัวเราะออกมา โชคดีที่รอบๆ เสียงดังมากพอ จึงไม่กระอักกระอ่วนขนาดนั้น
“สถานที่แบบนี้ ในโถงใหญ่จะราคาต่ำทั้งนั้นแหละ อาจารย์ดูห้องส่วนตัวนั่นสิ ด้านในนั้นต่างหากที่ราคาสูงน่ะ จะเล่นอะไรก็เปิดเผยได้มากกว่าด้านนอกมาก”
ซ่งจื่อเซวียนกลับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ใช่ว่าเขาสนใจเรื่องแบบนี้เป็นพิเศษ เพียงแต่ความจริงแล้วการไม่มีความรู้เกี่ยวกับสถานบันเทิงเลยแม้แต่นิดเดียวก็เป็นข้อบกพร่องอย่างหนึ่ง บางทีหลังจากนี้อาจจะหลีกเลี่ยงการติดต่อกับที่แบบนี้ได้ยาก ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
“ดูท่าท่านชายซางจะมาที่แบบนี้บ่อยนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยหยอกเย้า
“บอกไม่ถูกแฮะ แต่ไม่เคยมาที่แบบนี้จริงๆ ที่ที่พวกเราไป แค่มีเด็กผู้หญิงเข้ามานั่งข้างๆ ก็แปดร้อยหยวนแล้ว แถมยังไม่มีโถงใหญ่ด้วย เป็นห้องส่วนตัวแบบหรูหราทั้งนั้นแหละ ที่นี่…นับว่าเป็นสถานบันเทิงระดับต่ำสุดในเมืองตู้เหมินแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ ความจริงแล้วในใจเขากลับคิดว่าถ้ามีเงินเพียงพอจะใช้ชีวิต ผู้หญิงที่อายุมากแล้วเหล่านี้ทำไมถึงยินยอมทำเรื่องแบบนี้อีกล่ะ อายุเท่านี้แล้วยังทิ้งเกียรติทิ้งศักดิ์ศรีมาอยู่กับสุราสิ่งเริงรมย์ เกรงว่าคงจะไม่ได้เป็นความตั้งใจเดิมของพวกเธอ
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุห้าสิบกว่าปีเดินผ่านมา ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดเดรสสีแดงแปร๊ด สวมสร้อยคอไข่มุกที่ดูไม่ได้มีราคาสักนิด บางทีลิปสีแดงสดอาจจะเป็นจุดเด่นที่เด่นมากที่สุด
“น้องชาย มาที่ร้านเราครั้งแรกใช่ไหม ให้หาน้องสาวไปเล่นกับพวกนายหน่อยไหม”
ซางเทียนซั่วพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างเถอะ ที่นี่หาแม่ได้เท่านั้นแหละ พวกเรามาหาเสี่ยปาต่างหากเล่า!”
หญิงคนนั้นมองค้อนซางเทียนซั่ว “มาหาเสี่ยปาก็มาหาเสี่ยปาสิ ดูถูกใครอยู่น่ะ ห้องส่วนตัวด้านในสุด เสี่ยปากำลังพักอยู่”
เห็นสภาพแวดล้อมที่นี่ ซ่งจื่อเซวียนพลันนึกถึงตอนที่เจอกับเสี่ยเคอซานครั้งแรกที่โรงอาบน้ำ เทียบกันแล้วครั้งนั้นก็แทบไม่ต่างกันเลยจริงๆ…
ทั้งสองเดินไปห้องส่วนตัวด้านในสุดตามที่หญิงคนนั้นบอกทาง ทันทีที่เข้าไป ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งกันอยู่บนโซฟาในห้องส่วนตัว รวมถึงพวกจางเปียวกับเหลยจื่อก็อยู่กันพร้อมหน้า ตรงกลางสุดก็คือเสี่ยเฉิงปา
“จื่อเซวียน แกมาแล้วเหรอ มา นั่งนี่ พวกเรากำลังคุยกันเรื่องที่จะเจอเคอซานคืนนี้อยู่”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า นั่งลงที่ข้างๆ เสี่ยเฉิงปา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มองออกว่าเสี่ยปาคนนี้ให้ความสำคัญกับการพบหน้ากับเสี่ยเคอซานอยู่มาก
“จื่อเซวียน คืนนี้แกต้องโผล่มานะ แกจำไว้นะว่าหลังจากยืนยันว่าจะทำงานกับเสี่ยปาแล้ว อย่างอื่นฉันจะพูดเอง เข้าใจไหม”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “เสี่ยปาวางใจได้ ผมเข้าใจ เพียงแต่…ผมกังวลว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรือเปล่า”
ได้ยินดังนั้น พวกคนรอบๆ ก็หัวเราะออกมากันหมด รวมถึงซางเทียนซั่วด้วย เพียงแต่เขาไม่กล้าหัวเราะออกมาอย่างโจ่งแจ้งนัก เพียงป้องปากเท่านั้น
เสี่ยปาพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย แกจำไว้เรื่องหนึ่งนะ ในเมืองตู้เหมิน ไม่มีใครกล้าลงมือที่หอหงเยวี่ย พูดง่ายๆ ก็คือต่อให้เพิ่งจะออกมาจากหอหงเยวี่ย ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดฝันทั้งนั้น!”
ได้ยินประโยคนี้ หัวใจซ่งจื่อเซวียนก็บีบรัด หอหงเยวี่ยนี่…ที่แท้ก็มีตำแหน่งแบบนี้อยู่ในเมืองตู้เหมิน!
คืนนี้ต้องลองเปิดหูเปิดตาแล้ว
ตอนนี้ ซ่งจื่อเซวียนกระทั่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเรื่องหอหงเยวี่ยจนถึงขีดสุดแล้ว ยุทธภพของวงการอาหารนี่ช่างน่าสนใจจริงๆ
……………………………………………..
[1] เคทีวี (KTV) เป็นร้านคาราโอเกะที่ขายเป็นแพคเกจ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาไม่แพง