ราชาซากศพ - บทที่ 13 ศพ
บทที่ 13 ศพ
อันที่จริงแล้วฉากแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ในตอนแรกมีสมาชิกจำนวนสิบคนในทีมทหารรับจ้าง และกลุ่มหมาป่านั้นมีจำนวนมากกว่าคนกลุ่มนั้นถึงสองเท่า แม้ว่าพวกเขาจะสังหารมันไปมากกว่าครึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นหมาป่าขั้นศูนย์ เมื่อมีหมาป่าขั้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะราชาหมาป่า พวกเขาต่างถูกฆ่าและบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีได้แต่อีกห้าคนก็เสียชีวิตลง และผู้ที่รอดชีวิตรวมถึงหัวหน้าก็ได้รับบาดเจ็บถ้วนหน้า
แน่นอนว่าเมื่อผู้คุ้มกันของราชาหมาป่าจำนวนสิบตัวปรากฏตัวขึ้น ทั้งห้าคนก็หยุดฝีเท้าลงเนื่องจากไม่มีทางหนี นอกเหนือจากความสามารถของหัวหน้ากลุ่มแล้ว คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มีความสามารถเทียบเท่าระดับเดียวกับหัวหน้ากลุ่ม
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ได้หัวหน้ากลุ่มเป็นคนคอยช่วยเหลือทุกคนในกลุ่ม
แต่ช่วงเวลาดี ๆ มักจะอยู่กับเราไม่นาน แม้ว่าคนเหล่านี้จะพยายามฝึกฝน แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก นับประสาอะไรกับหมาป่าขั้นหนึ่ง ทางด้านกลุ่มคนทั้งห้าต่างสูญเสียพลังหยวนไปมาก
โดยเฉพาะหัวหน้าทีม แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะมากที่สุด แต่เขาก็เหนื่อยมากที่สุดเช่นกัน แน่นอนว่าโอกาสดี ๆ แบบนี้ ราชาหมาป่าจะไม่ยอมให้พลาดโอกาสที่จะล้างแค้นให้ลูกน้องหมาป่าที่ตายมากมาย
ดังนั้นเมื่อราชาหมาป่าพบว่าทั้งห้าคนใกล้จะทนไม่ไหว ราชาหมาป่าจึงเริ่มลงมือ จากนั้นได้ยินเสียงหอนอย่างรุนแรง จากนั้นทุกตัวที่ล้อมรอบอยู่ ก็วิ่งไปหาคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างการวิ่งเข้าไปหากลุ่มคน ร่างของราชาหมาป่าจู่ ๆ ก็เกิดความผันผวน จากนั้นมันอ้าปากส่งใบมีดลม ยาวสามเมตรบินพุ่งไปยังที่กลุ่มคนเหล่านั้น
“บ้าเอ๊ย!ราชาหมาป่าชิงลงมือแล้ว รีบหนีเร็วเข้า”เมื่อเห็นใบมีดลมขนาดใหญ่ ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มก็เปลี่ยนไป และเขาก็รีบตะโกนอย่างรวดเร็ว เพื่อเตือนสมาชิกในทีมที่อยู่รอบตัวเขา หลังจากนั้นเขาก็กำดาบของเขาไว้ในมือทั้งสองข้าง
และเตรียมปะทะกับใบมีดลม
เมื่อมองเห็นว่าใบมีดลมนั้นใกล้จะสัมผัสตัวเขา เขาสร้างพลังปราณที่เหลืออยู่เล็กน้อยใส่มือของตัวเอง จากนั้นเขาก็ชูดาบขึ้น เล็งไปที่ส่วนตรงกลางของใบมีดลมและฟันมันอย่างแรง
“ปัง!” ใบมีดลมถูกตัดออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็ปลิวออกไปและหายไปในอากาศ
แม้ว่าเขาจะสามารถตัดใบมีดลมได้ แต่เขาก็รู้สึกร่างกายย่ำแย่ ในเวลานี้พลังอันน้อยนิดของเขาสูญสลายไป ปากของเขาสั่นทั้งคนและดาบต่างสั่นสะท้าน
“มันจบแล้ว นี่คือแรงเฮือกสุดท้ายของข้า”
หลังจากสูดหายใจไม่กี่ครั้ง มีลมแรง ๆ พัดมาที่ใบหน้าของเขาและจากนั้นเขาก็ได้กลิ่นคาวแรง ๆ จากนั้นเพียงแค่หันหน้าไป เขารู้สึกว่าเจ็บแปลบที่คอและรู้สึกว่ามีบางอย่างพุ่งออกมา เป็นผลทำให้เขาหายใจได้ลำบากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นไม่นาน
ดวงตาของเขาก็มืดลงและเขาหมดสติไป
แม้ว่าหัวหน้ากลุ่มจะสามารถสกัดกั้นใบมีดลมได้ แต่เขาก็พบว่าร่างของราชาหมาป่า ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและมันใช้กรงเล็บข่วนไปที่คอของเขา
เมื่อหัวหน้ากลุ่มเสียชีวิตลง แน่นอนว่าสมาชิกในทีมของเขาก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ และพวกเขายังคงก้าวถอยหลัง เมื่อพวกเขาเห็นหัวหน้ากลุ่มของตนเองถูกฆ่า ความหวังสุดท้ายของพวกเขาก็ล่มสลายไปทันที และถูกหมาป่าตรงเข้ากัดโดยตรง
ร่างของหัวหน้ากลุ่มถูกราชาหมาป่ากัดกินและเพลิดเพลินไปกับรสชาติเพียงลำพัง
ศพของมนุษย์นั้นเป็นยาชูกำลังที่ยอดเยี่ยมสำหรับสัตว์อสูร และให้ผลดีกว่าการกินสัตว์อสูรพวกเดียวกัน มิเช่นนั้นราชาหมาป่าจะไม่ยอมสูญเสียเลือดเนื้อจำนวนมาก หลังจากสงครามครั้งนี้จบลง หลงเหลือเพียงหมาป่าหลายสิบตัว
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มหมาป่าก็พากันจากไป
“ฟู่! ในที่สุด ก็ไปกันเสียที” เมื่อเห็นว่ากลุ่มหมาป่า จากไปพร้อมกับราชาหมาป่า หลินเว่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีและเขาก็มองเห็นกลุ่มซากศพจำนวนมากที่กองอยู่บนพื้น
เมื่ออารมณ์ของเขาสงบลง เขาก็นึกถึงภูเขาซากศพหมาป่าด้านนอกทันที หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น ในชั่วอึดใจ เขากระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา และรีบหันไปหยิบอุปกรณ์ และรีบออกจากถ้ำพร้อมกับเสี่ยวเฮย
ภายใต้แสงจันทร์ โครงกระดูกหนึ่งตัวและคนหนึ่งคนยุ่งวุ่นวายกันอย่างมาก พวกเขามีการแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน เสี่ยวเฮยลากศพไปที่แห่งหนึ่ง จากนั้น หลินเว่ยก็เริ่มชำแหละหมาป่าทีละตัว ด้วยดาบและค้นหาแก่นคริสตัล
มีซากของหมาป่า จำนวน 83 ศพ ซึ่ง 82 ร่างนั้นเป็นหมาป่าในขั้นศูนย์ ส่วนอีกหนึ่งร่างเป็นของหมาป่าผู้คุ้มกันของราชาหมาป่าขั้นหนึ่ง หลินเว่ยชำแหละศพอย่างใจเย็น พลางค้นหาแก่นคริสตัลจากซากศพทั้งหมด อย่างไรก็ตาม
เขายังคงเก็บซากของหมาป่าขั้นหนึ่งเอาไว้ มันเป็นซากของหมาป่าขั้นหนึ่งระดับเก้า เพื่อจะใช้ศิลปะการคืนชีพนักรบโครงกระดูกกับมัน
ซากหมาป่าแปดสิบตัว หลินเว่ยสามารถเก็บคริสตัลได้ทั้งหมดสิบสามชิ้น เนื่องจากมันน้อยเกินไป จึงทำให้หลินเว่ยไม่พอใจเหมือนกับการลงทุนขี่ช้างจับตั๊กแตน
หลังจากพบแก่นคริสตัลแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลื่อนขั้น สำหรับซากหมาป่าหลินเว่ยไม่มีเวลาจัดการกับพวกมัน ในขณะนี้เขาไม่ได้กลับไปที่ถ้ำแต่เขากลับดูดซับคริสตัลทันที แม้ว่าจะมีกลิ่นเลือดแรงมาก แต่ก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นของหมาป่า
ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ดังนั้นในช่วงเวลาสั้น ๆ สถานที่แห่งนี้จึงปลอดภัยมาก
หลังจากดูดซับแก่นคริสตัลไปทั้งหมด เขาพบว่ามีพลังงานเพิ่มขึ้น 320 หน่วย และมีข้อความลึกลับเพื่อยกระดับศิลปะการฟื้นคืนชีพนักรบโครงกระดูกและพื้นที่มิติยกระดับขึ้นหนึ่งระดับ
เมื่อการเลื่อนขั้นเสร็จสิ้น หลินเว่ยก็จมดิ่งลงในความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว และต้องการตรวจดูข้อความใหม่ เพราะเขาคิดว่าในครั้งนี้น่าจะมีเคล็ดลับอะไรใหม่เพิ่มเติม
เมื่อหลินเว่ยเข้ามาจิตของตนเอง เขาก็พบว่ามันว่างเปล่า จนเขารู้สึกแปลกใจ “เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีเคล็ดลับใหม่หรือว่าข้ามองพลาดที่ใดไป”
เนื่องจากหลินเว่ยไม่เห็นเคล็ดลับอะไรในใจของเขา เขาก็ลุกลี้ลุกลนและรีบร้องทักว่า: “เฮ้! สหายยังอยู่ที่นั่นหรือไม่?”
“ใช่” เมื่อสิ้นเสียงของหลินเว่ย ก็มีเสียงที่เยือกเย็นดังขึ้นในความคิดของเขา
“ข้า…!” เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลินเว่ยก็ตกตะลึง
“ข้า…?” เสียงนี้ดังมาอีกครั้ง
หลินเว่ยได้ยินเสียงปริศนาทั้งสองครั้ง ดังนั้นเขาเข้าใจทันทีว่าคนคนนี้น่าจะเป็นคนที่พูดโต้ตอบกับเขา หลังจากทำให้จิตใจมั่นคงแล้ว หลินเว่ยก็รีบถามว่า “เจ้าเป็นใคร … เป็นใครกันแน่…..ชื่อแซ่อะไร? มาจากไหน ทำไมตอนนี้ เจ้าอยู่ในร่างของข้า?