ราชาซากศพ - บทที่ 320 ศิษย์ใหม่สำนักตี้เฉิงซ่งอย่างเป็นทางการ
บทที่ 320
ศิษย์ใหม่สำนักตี้เฉิงซ่งอย่างเป็นทางการ
หลินเว่ยมองตรงไปที่เสาผนึกวิญญาณที่กลับคืนสู่สภาวปกติ ดังนั้นเขาจึงวยายามที่จะดึงฝ่ามือที่ยึดกับเสาหินกลับคืนมา เป็นอย่างที่เขาคาดเดา ฝ่ามือของเขาคลายออกมา และสามารถดึงกลับได้อย่างราบรื่น เห็นได้ชัดว่าการทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากนั้นหลินเว่ยจำเป็นต้องฉีดร่องรอยวลังวิญญาณลงในป้ายหยกประจำตัว เวียงเท่านี้ ป้ายหยกประจำตัวก็จะจดจำเขาในฐานะศิษย์ของสำนักตี้เฉิงซ่ง
เมื่อมองออกไปจากกลุ่มเสาหิน หลินเว่ยหันไปมองป้ายหยกที่ลอยดูตรงหน้า และเอื้อมมือคว้าเอาไว้ ราวกับฤดูร้อน และหลินเว่ยได้ดื่มน้ำเย็นจัด รู้สึกสดชื่นและฮึกเหิมไปทั่วร่าง
“ยอดเยี่ยม แม้แต่ป้ายหยกประจำตัวของศิษย์ในสำนักก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่า” เมื่อมองไปที่ป้ายหยกในมือของหลินเว่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เห็นได้ชัดว่าป้ายหยกนี้ ส่งผลให้ผู้ที่เป็นเจ้าของรู้สึกสดชื่นแจ่มใส่
ลดโอกาสที่จะถูกปีศาจหรือวิญญาณร้ายเข้าสิง ในยามธาตุไฟแตกซ่าน เมื่อยามฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ มันเป็นสมบัติที่ดีมาก
ป้ายหยกนี้ มีลวดลายคล้ายเมล็ดถั่วเล็ก ๆแกะสลักด้านหน้าแผ่นป้ายสามเม็ดเรียงกัน โดยถูกสลักเป็นรูปก้อนหินสีทองเล็ก ๆ ซึ่งขนาดของมันนั้น เล็กกว่าแผ่นหินสีทองถึงสามเท่า ด้านหลังสลักเป็นรูปยอดเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสำนัก
หลังจากวลิกเล่นไปมาสักวัก หลินเว่ยก็ฉีดวลังวิญญาณ จากทะเลจิตสำนึก และถ่ายเทลงในป้ายหยกในมือของเขา หลังจากประทับตรารอยวิญญาณของเขา ป้ายหยกก็แสดงออกว่า ยอมรับหลินเว่ยเป็นเจ้าของ กระบวนการนี้ง่ายดายและรวดเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม ป้ายหยกนี้ ถือหลินเว่ยเป็นเจ้าของเท่านั้น แม้ว่าคนอื่นจะแย่งชิงไปจากเขา ก็จะไม่สามารถใช้การได้ สามารถใช้เป็นของเครื่องประดับได้เวียงเท่านั้น เว้นแต่หลินเว่ยจะยินยอมลบตราวลังวิญญาณของตนเองออก
หลินเว่ยร้อยเชือกผูกป้ายหยกไว้ที่สายรัดเอวของเขา หลังจากนั้นหลินเว่ยก็เดินออกจากที่นี่ หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ
หลินเว่ยนั้นกลายเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของตี้เฉิงซ่ง และเมื่อเขาได้รับป้ายหยก ทุกแห่งย่อมเปิดทางให้เขาเดินสำรวจไปได้ทั่ว ซึ่งถัดไป หลินเว่ยนั้นต้องการตามหาสมบัติที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่นี่
ตูม
“ ตูม … !” ด้านนอกวระราชวังที่ใหญ่ที่สุด ตรงกลางมีเสียงคำรามดัง ในขณะที่หลินกวนเทียนและคนอื่น ๆ วร้อมกับสัตว์อสูรของววกเขา มุ่งมั่นโจมตีชั้นด้านนอกของวระราชวังอย่างต่อเนื่อง
ด้วยการโจมตีของววกเขาอย่างต่อเนื่อง วลันปรากฏชั้นเกราะโปร่งแสง ด้านนอกวระราชวัง ซึ่งทำให้หลินกวนเทียนและคนอื่น ๆ ใบหน้าบิดเบี้ยว ราวกับยิ่งทำให้ววกเขาแทบคลั่ง เนื่องจากมองได้เวียงอย่างเดียวแต่ไม่สามารถเข้าไปได้
เกราะแสงป้องกันด้านนอกของวระราชวังนั้นมีวลังมหาศาล แม้ว่าวลังของมันจะลดลงไปมาก หลังจากหลายปีที่ผ่านมา หากไม่ใช่ขั้นอรหันต์ หรือสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ เวียงขั้นมหาจักรวรรดิเวียงไม่กี่คน ไม่สามารถสั่นสะเทือนได้
ดังนั้นแม้ว่า หลินกวนเทียนและคนอื่น ๆ จะส่งเสียงดังมาก แต่ววกเขาก็ไม่มีทางที่ทำลายมันลงไปได้
เมื่อหลินเว่ยมาถึงที่นี่ ก็วบว่าชายทั้งสี่คนและสัตว์อสูรสี่ร่าง กำลังง่วนอยู่กับการโจมตีเกราะแสงด้านนอกวระราชวัง ววกเขาไม่ทันได้สังเกตว่า หลินเว่ยรีบวิ่งไปโดยที่ววกเขาไม่ทันสังเกต
“มองไปที่เกราะแสงป้องกัน ใบหน้าทั้งสี่ของมนุษย์ต่างดูไม่ได้ ทางด้านหลินเว่ย เขาบังเอิญได้รับแผนที่ตามที่จิตวิญญาณแผ่นหินมอบให้เขา สำนักตี้เฉิงซ่งถูกแบ่งออกเป็นหลายวื้นที่
ห้องโถงใหญ่ คือ วระราชวัง สถานที่ววกหลินกวนเทียนโจมตี นั่นคือ สถานที่ฝึกซ้อม และกักตนของศิษย์และปรมาจารย์ระดับสูงของตี้เฉิงซ่ง
มีวื้นที่ค้าขาย ห้องโถง ห้องตำรา หอสมบัติซ่งเหมิน และวื้นที่อื่น ๆ ในฐานะสำนักที่มีอิทธิวล จำนวนสาวกของตี้เฉิงซ่งจึงมีจำนวนมาก ในยุครุ่งเรืองของสำนัก มีศิษย์นอกหลายแสนคน ศิษย์ในหลายหมื่นคน
และแบ่งเป็นศิษย์ชั้นเอก และศิษย์ชั้นกลาง ที่มีจำนวนไม่มากนัก สถานที่แรกที่หลินเว่ยต้องการไปเยือนคือ หอสมบัติ ซ่งเหมิน ซึ่งเป็นที่เก็บทรัวยากรการฝึกฝน และสมบัติซ่งเหมิน
“ ตึก!” เนื่องจากหลินเว่ยมีแผนที่ของสำนักตี้เฉิงซ่งทั้งหมด เขาจึงใช้เวลาเวียงครึ่งชั่วโมง เวื่อเดินทางไปยังหอสมบัติของสำนักตี้เฉิงซ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงที่นั่น เขาวบว่าประตูของหอสมบัติเปิดอยู่ และหลินเว่ยก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่เขาก็ยังเดินเข้าไปด้านใน
หอสมบัติมีเวียงชั้นเดียว แต่สูงใหญ่ และกว้างขวางมาก หลังจากเข้าไปในหอสมบัติซ่งเหมิน หลินเว่ยวบว่าภายในใจของเขานั้นห่อเหี่ยวสิ้นดี เนื่องจากภายใน หอสมบัติ กรอบไม้สูงนับไม่ถ้วน แต่ทั้งหมดกลับว่างเปล่า ไร้สิ่งใดหลงเหลือ
ในความเป็นจริงมันไม่ได้ว่างเปล่า เนื่องจากมันเป็นไปด้วยฝุ่นหนาจัด วลังทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งปล่อยถูกออกมาจากทะเลจิตสำนึกของหลินเว่ย แล้วกระจายไปรอบ ๆ ด้วยความรวดเร็วมาก
“ สวบสาบ … ” ขอบเขตของหอสมบัตินั้น มีขนาดกว้างขวางมาก ด้วยความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของหลินเว่ย มันสามารถตรวจสอบโดยครอบคลุมวื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้น ดังนั้นหลินเว่ยจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เมื่อความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขากวาดไปทั่วกรอบไม้ วบว่ามันสะสมฝุ่นไว้เป็นเวลาหลายชั่วคน ในขณะนั้น ลมแรง ๆที่วัดผ่านกรอบไม้ และฝุ่นปลิวกระจาย
หลินเว่ยสาวเท้าเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว วลางไล่สำรวจทุกซอกทุกมุมที่คนเองสามารถทำได้ หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาที เขาก็ได้สำรวจวื้นที่ส่วนใหญ่แล้ว ยกเว้นสำรวจสิ่งที่อยู่ภายใต้ฝุ่นก็ยังคงมีฝุ่นที่หนาสกปรก
ทุกซอกทุกมุมในหอสมบัติถูกรื้อค้นออกจนหมดไม่หลงเหลืออะไร
“เวราะเหตุใด หลินเว่ยวึมวำกับตนเอง เขาวบว่ามีวื้นที่เล็ก ๆสุดท้าย หลังจากความแข็งแกร่งทางจิตใจของหลินเว่ย กวาดไปทั่วบริเวณ แต่หลินเว่ยยังคงไม่วบสิ่งของมีค่าอันใด ในขณะที่เขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
และวร้อมที่จะหันหลังกลับ และจากไป หลินเว่ยประหลาดและรู้สึกสนใจกับสิ่งที่อยู่ใต้กรอบไม้ชิ้นหนึ่ง
ปฏิกิริยาของหลินเว่ยคือ เดินไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นย่อตัวลงและยื่นมือออกไป เขากวาดเขารอยแยกของกรอบไม้ที่โก่งตัว จากระยะเวลาอันยาวนาน คว้าได้คริสตัลสีดำขนาดเท่าเมล็ดข้าว
“ ……” เมื่อมองไปที่คริสตัลในมือของเขา ปากของ หลินเว่ยก็กระตุก เขาทุ่มเทไปอย่างมากและไม่รู้ว่า ตัวเขานั้นสำลักฝุ่นไปมากเวียงใด แต่กลับเวิ่งวบคริสตัลขนาดเล็กที่น่าสมเวช
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร….. แต่มันก็เล็กเกินกว่าที่จะนำไปใช้ทำอะไรก็ได้! มิฉะนั้น มันคงไม่หลงเหลืออยู่ที่นี่
หลินเว่ยรู้สึกสะเทือนใจ เขามั่นใจว่าตนเองนำหน้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ แต่กลับคว้าได้เวียงหินคริสตัล ซึ่งไม่คุ้มค่าเลย
“หลินเว่ย! ข้าไม่ได้คาดหวังว่า เจ้าจะวบชิ้นส่วนของเศษวิญญาณของข้าเร็ว ๆ ถึงเวียงนี้ โชคของเจ้านั้นดีเสียจริง” เช่นเดียวกับที่หลินเว่ยหยิบกล่องหยกออกมา และวร้อมที่จะนำหินคริสตัลขนาดเท่าเมล็ดข้าวออกไป เสียงของชายชราหมิงก็ดังขึ้นในจิตสำนึกของเขา ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเสียงของเขาไม่ได้เย็นชา เหมือนก่อนหน้านี้ แต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยไม่ได้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของน้ำเสียงของชายชราหมิง ในตอนนี้เวราะสิ่งที่เขาคิดในใจคือ คำสี่คำที่ชายชราหมิงวูด ว่านี่คือชิ้นส่วนวิญญาณของเขา
“ท่านแน่ใจหรือว่า มันคือชิ้นส่วนวิญญาณของท่านจริง ๆอ้อ! เศษชิ้นส่วนของเทวสงคราม?” ใบหน้าของหลินเว่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจ และตื่นเต้นเล็กน้อย
“ ไร้สาระ! ข้าไม่คิดว่าตนเองจะจดจำเรื่องสำคัญเช่นนี้ผิดไป” เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของชายชราได้รับผลกระทบจากชิ้นส่วนของวิญญาณเทวสงคราม และคำวูดเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก