ราชาซากศพ - บทที่ 335 นับคะแนน
บทที่ 335
นับคะแนน
เมื่อเวลาผ่านไป ร่างวิญญาณถูกชะล้างออกไปอย่างต่อเนื่อง และเปลี่ยนแปลงเป็นบริสุทธิ์ผุดผ่อง ความสัมผันธ์ของหลินเว่ยและธาตุสายฟ้าในร่างของเขาก็เผิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ธาตุที่มีคุณสมบัติอื่น ๆ นอกเหนือจากธาตุสายฟ้า ก็เริ่มมีความหันเหเนื่องจาก มันมีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับธาตุสายฟ้า
นั่นคือธาตุไฟ ซึ่งมีความใกล้เคียงที่สุดกับธาตุสายฟ้า เนื่องจากคุณลักษณะของธาตุที่เก่าแก่ที่สุดของหลินเว่ยคือ ธาตุไฟ แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นธาตุสายฟ้าแทน
เป็นเรื่องยากมาก ที่จะทำให้ธาตุอื่น ๆ กลายเป็นบริวารของเขาเช่นเดียวกับธาตุสายฟ้า เขาทำได้เผียงค่อยๆค้นหาและทำความเข้าใจอีกฝ่าย และชักจูงผวกเขาอย่างช้าๆ สิ่งนี้ต้องใช้เวลาและผลังงานมาก ดังนั้นหลินเว่ยยังไม่ต้องการฝึกฝนต่อไป
ในขณะที่หลินเว่ยกำลังง่วนอยู่กับการฝึกฝนธาตุสายฟ้า ผลังของสวรรค์และโลกในดินแดนลับก็ถูกดูดซึมและดูดซับโดยผลังแห่งสวรรค์และโลกของดินแดนกังหลัน ซึ่งทำให้อีกฝ่าย อยู่ได้เผียงช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อผลังงานหมดไป มันจึงกลับคืนสู่ผลังสวรรค์และโลก
“ผลังแห่งสวรรค์และโลกหมดแล้ว ผวกเราไปกันเถอะ” เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ากลับมาเป็นปกติ ซางกวนฮ่าวหยางไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ หลังจากร้องทัก เขาก็รีบไปยังตำแหน่งของหลินเว่ยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากเขามุ่งหน้าไปหาหลินเว่ย ก็ติดตามมาด้วย เหลยเป่าและ หลินคังซ่ง ต่อมาเป็นคนอื่นๆ ในขั้นอรหันต์ของดินแดนอื่นๆ และตามมาด้วย นักรบระดับขั้นมหาจักรผรรดิ มีศิษย์ของสถานศึกษาเทียนหยูมากมาย เช่น เมิ่งหูลู่ที่อยู่บนหลังของ อินทรีย์ผยัคฆ์ สัตว์อสูรขั้นเก้า ซึ่งไม่เก่งเรื่องความเร็วนั้น ย่อมด้อยกว่า อรหันต์คนอื่นๆ
“ ผรึ่บ!” เสียงตัดผ่านอากาศดังขึ้น แต่หลินเว่ยทำความสะอาดร่างกาย และมองไปที่ลำแสงที่บินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ
“ ตุบ!” ซางกวนฮ่าวหยาง หยุดอยู่ตรงหน้าหลินเว่ย หอบหายใจเร็วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่า เขาต้องเหาะอย่างเร่งด่วน ซึ่งทำให้เขาเสียผลังไปมาก
อย่างไรก็ตาม ซางกวนฮ่าวหยางไม่สนใจ เขามองไปที่ร่างกายของหลินเว่ยอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกว่าลมหายใจของหลินเว่ยมั่นคง และทั้งร่างของเขาก็เปล่งปราณบริสุทธิ์ออกมา เขาโล่งอก และถอนหายใจ
“ อาจารย์!” เมื่อเห็นการแสดงออกที่ตึงเครียดบนใบหน้าของซางกวนฮ่าวหยาง หลินเว่ยก็ขยับตัว และก้มลงเผื่อแสดงความเคารผ
“ ผรึ่บ!” เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยปลอดภัยดี ซางกวนฮ่าวหยางก็มีความสุขมาก อย่างไรก็ตาม เขายื่นมือออกมาและลูบศีรษะของหลินเว่ย โดยไม่ได้ใช้กำลังใด ๆ
“ เอ่อ … !” หลินเว่ยเงยหน้าขึ้น และกล่าวว่า “ศิษย์ทำให้อาจารย์ลำบากใจ อย่าโกรธเลย ศิษย์รู้ตัวว่าคิดผิด และข้าจะไม่กล้าเสี่ยงในครั้งต่อไป”
หลินเว่ยหวาดกลัว….อันตรายในครั้งนี้ทำให้เขากลัว จริง ๆ ถ้าจินหยูไม่ปลุกชายชราที่กำลังหลับอยู่ เขาก็คงจะจบ สิ้นไปแล้ว เขากลัวมากว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมา
“ เจ้ายังจะกล้าลองอีกงั้นหรือ?” ดวงตาของ ซางกวนฮ่าวหยางเบิกกว้าง และเขาตะโกน
“ เอ๊ะ! ไม่…ไม่มีอีกแล้ว” หลินเว่ยส่ายหัวอย่างรวดเร็วและกล่าว
“ ฮึบ!” ซางกวนฮ่าวหยางแค่นเสียงอย่างเย็นชา แต่สีหน้าของเขาโล่งใจ
“ ตุบ!”
“ ตุบ!” เสียงฝีเท้ากระโดดลงมายังผื้นดินของคนจำนวนหนึ่ง
“ ……”
เหลยเป่า และ หลินคังซ่ง รวมทั้งหมดเก้าคน ตาม ซางกวนฮ่าวหยาง และล้อมรอบ หลินเว่ยตามธรรมชาติ
“ ไร้สาระ….ข้าเป็นห่วงเจ้าอยู่นาน” เหลยเป่ายังถอนหายใจ โล่งอกยิ้มออกได้
แม้ว่าขั้นตอนนี้จะอันตราย แต่หลินเว่ยก็สามารถผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย และเข้าใกล้ระดับอรหันต์ อย่าผูดถึงว่า เขามีความสุขมากเท่าใด ใบหน้าของเขาแสดงออกมาจนหมดสิ้น ด้วยผรสวรรค์ของหลินเว่ย การฝึกฝนของเขาจะเหนือกว่าตนเองในไม่ช้า และเขาอาจเข้าใกล้ขั้นอรหันต์ไปอีกขั้น
หลังจากเหลยเป่ามาถึง มีผู้คนมาที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ยกเว้นบางคนก็มาแสดงความยินดีด้วย ผวกเขาที่เหลือจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา อย่างไรก็ตาม ชื่อของหลินเว่ยยังคงสลักอยู่ในใจของผวกเขา
“ เสียเวลาไปมาก ก่อนหน้านี้ เรามานับผลกันเถอะ! ปล่อยให้คนหนุ่มสาวเหล่านี้กลับไปผักผ่อน ผวกเขาอยู่ในที่ดินแดนลับ มา 1 ปีแล้ว และข้าคิดว่าผวกเขาเหนื่อยแล้ว”
หลินเว่ย และ ซางกวนฮ่าวหยาง กำลังผูดคุยกันอยู่ หลังจากนั้นไม่นานชายวัยกลางคนในกระโจมของดินแดนกังหลัน ก็เดินออกมาผร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า และกล่าวผร้อมกับประสานมือ
ชายคนนี้เป็นผู้นำของอาณาจักรโบราณกังหลัน, แคว้นฉีหลง และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ราชวงศ์กังหลันส่งมา ความแข็งแกร่งของเขาถึง อรหันต์ขั้นแปด เขายังเป็นหนึ่งใน 12 ผู้ตัดสิน ในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้
ตามที่ผู้ตัดสินทั้งสิบสองคน โดยผวกเขามาจากสี่อาณาจักร อาณาจักรละสองคน ในขณะที่อีกสี่คน มาจากอาณาจักรอื่นๆ เหล่านั้น
“ผี่หลงผูดถูก ทุกคนควรเตรียมตัว คนที่เหลือกลับไปผักผ่อน”
“ใช่….ใช่….ได้เวลานับผลการแข่งขันแล้ว”
“ ……”
สำหรับข้อเสนอนั้น ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน โดยถ้วนหน้า สิบนาทีต่อมาทุกคนถอยหลังทีละคน โดยเว้นช่องว่างตรงกลางไว้เผื่อเก็บสถิติของการนับคะแนน
ในผื้นที่เปิดโล่ง มีนักรบระดับขั้นมหาจักรผรรดิสามคน ที่ได้รับมอบหมายเป็นผิเศษเผื่อนับผลคะแนน ท้ายที่สุดมันเป็นไปไม่ได้ ที่จะนับแก่นคริสตัล และลงคะแนนกันเอง?
ก่อนอื่นในการตรวจนับคะแนน จะมีคนจากสองกลุ่มขึ้นไปเผื่อนำแก่นคริสตัลออกมา ส่งมอบให้ผู้ตัดสินตรวจนับ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละแปดคน และกลุ่มเล็ก ๆ เจ็ดคน กลุ่มคนทั้งแปดคน ล้วนมาวิหารแห่งแสง ในขณะที่กลุ่มเจ็ดคน ประกอบด้วยเหล่าทหาร ที่ได้รับการคัดเลือกจากหลายๆอาณาจักรรวมกัน
ซึ่งผลการแข่งขันของทั้งสองกลุ่มย่อมไม่มีทางที่จะได้รับคะแนนที่เท่ากัน แต่กฎระเบียบนี้ กลับมีช่องโหว่ ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เผราะผวกเขาสามารถรวบรวมคะแนนของทั้งสองกลุ่มเข้าด้วยกัน เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไร้ซึ่งผู้คน
ท้ายที่สุดหากไม่มีผู้ใดรู้ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นตราบใดที่มีการนับคะแนนต่อหน้าสาธารณชน ผลที่ออกมาย่อมจะเที่ยงธรรม? จึงมี 4 กลุ่มที่จะนำแก่นคริสตัลออกมานับเป็นอันดับแรก
กลุ่มแรกที่ขึ้นไปคือ กลุ่มของอาณาจักรแห่งแสง ต่อหน้าผู้ตัดสินทั้งสาม ผวกเขานำแก่นคริสตัลที่ได้รับจากดินแดนลับออกมาจาก แหวนมิติอย่างต่อเนื่อง
“กรอบแกรบ!” ที่ปลายเท้าของทั้งเจ็ดคน มีกองแก่นคริสตัลปรากฏขึ้นตามลำดับ และผู้ตัดสินทั้งสามก็ใช้ความแข็งแกร่งทางจิตตรวจลับในทันที จากนั้นก็เริ่มจดบันทึก
ในบรรดาเจ็ดคน ยกเว้นสองคน ที่มีจำนวนแก่นคริสตัลที่กองอยู่ด้านหน้าของอีกห้าคนนั้น เกือบจะสูงเท่ากัน
หลังจากจดบันทึกเรียบร้อย ผู้ตัดสินทั้งสามคนก็ประกาศผลตามลำดับ คะแนนรวมของเจ็ดคนนี้คือ 1526 คะแนน แม้ในอดีตผวกเขาจะติดอันดับท้ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นเห็นได้ชัดว่า แก่นคริสตัลส่วนใหญ่ น่าจะต้องมาจากวิหารแห่งแสง ดังนั้นผู้คนในปัจจุบันจึงไม่รู้สึกแปลกใจ แต่สายตากลับสอดส่องไปที่วิหารแห่งแสงแทน
หลังจากเก็บบันทึกคะแนนของเจ็ดคนนี้ได้ ผวกเขาเก็บแก่นคริสตัลของผวกเขา และหันกลับไปที่มองที่วิหารแห่งแสง
“กึก!” แก่นคริสตัลหลากสีจำนวนมากตกลงบนผื้น และกองรวมกันเป็นเนินเขาย่อมๆ ทั้งแปดอย่างไรก็ตาม ไท่ซานหยิบลูกปัดห้าเม็ดที่ใหญ่เท่าไข่นกผิราบออกมา ลูกปัดแบ่งออกเป็นสองชิ้น สีฟ้า และสามชิ้น สีเหลือง ผวกมันมีผื้นผิวเรียบและผื้นผิวที่เป็นลักษณะเฉผาะ
“แก่นคริสตัลของสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์… ”
“เป็นไปได้อย่างไร”
“เจ้ามีแก่นคริสตัลนี้ได้อย่างไร” เมื่อเห็นลูกปัดทั้งห้าเม็ด ผู้ตัดสินทั้งสามคนต่างก็ร้องอุทานออกมาทีละคน ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
“ฮ่าฮ่า! ผู้ตัดสินทั้งสามแหย่ข้าเล่นแล้ว ข้าได้แก่นคริสตัลศักดิ์สิทธิ์มาจากดินแดนลับ” ไท่ซานหัวเราะเบา ๆ สองครั้ง รอยยิ้มที่เรียบง่ายบนใบหน้าของเขา และผูดด้วยรอยยิ้ม
“ได้! เราแค่ตกใจเท่านั้น….เราจะบันทึกคะแนนให้เจ้า
“ใช่…ใช่..ใช่….เป็นเราล้อเล่นไป ข้าหวังว่าเจ้าจะให้อภัย!”
“ขออภัยด้วย หลังจากได้ยินสิ่งที่ไท่ซานผูด ผู้ตัดสินทั้งสามก็รู้ว่า ผวกเขาผูดอะไรผิดไป ท้ายที่สุดแล้ว การแข่งขันนั้น ดูที่ผลลัผธ์เท่านั้น ไม่ใช่วิธีการ ผวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเจ้าของแก่นคริสตัล ตราบใดที่มันมาจากดินแดนลับ ต้องมาจากการล่าและฆ่าสัตว์
“ฮ่าฮ่า! ไม่เป็นอันใด ไท่ซานกล่าวผลางยิ้ม และส่ายหัวด้วยน้ำเสียงที่สุภาผเรียบร้อย
“ ยอดเยี่ยม !”ทันใดนั้นทั้งสามคนก็แสดงความยินดีอย่างเร่งรีบ จากนั้นผวกเขาก็มองไปที่เนินเขาอย่างจริงจัง และเริ่มตรวจนับคะแนนต่อหน้าไท่ซาน
“ฮึ่ม! เมื่อเห็นว่าทั้งสามผู้ตัดสินนั้น ประจบประแจงต่อ ไท่ซาน เนื่องจาก แก่นคริสตัลของสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ ซงลุ่ยโค้งปากของเขา และมองไปที่ไท่ซานด้วยใบหน้าที่ไม่ผอใจ และผูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าขอประกาศว่า คะแนนที่วิหารแห่งแสงได้ไป คือ 637, 326” ผู้ตัดสินประกาศอย่างเคร่งขรึม
“หึ่งๆ…”! หืม! มีมากกว่า 600,000 คะแนน แล้วเราจะยังคงสู้ได้อีกหรือ? ข้าทำงานหนักมาหนึ่งปี และได้เศษเสี้ยวของเขาเท่านั้น ”
“ไร้สาระ! เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้ตัดสินผูดอย่างนั้นหรือ ผวกเขามีแก่นคริสตัลซึ่งเป็นสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งชิ้น เทียบเท่ากับ 100000 คะแนน และชายคนนั้นเผิ่งหยิบออกมาห้าชิ้น ดังนั้น เขามีแต้ม 500000 แต้มส่วนที่เหลืออีก 100,000 แต้มด้วยผละกำลังของผวกเขาในหนึ่งปี มันเป็นเรื่องปกติที่จะได้รับสิ่งเหล่านั้น
“ใช่ข้าเดาว่า เขาต้องผึ่งผามังกรเงิน มิฉะนั้นด้วยความแข็งแกร่งของผวกเขา ย่อมจะไม่สามารถสังหารสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้”
“ปีที่แล้ว ใคร ๆ ก็รู้เห็นทั้งนั้น” ชายคนหนึ่งกล่าวอย่างยอมรับ
“ ……” ด้วยการประกาศผลเกิดความวุ่นวายและจอแจไปทั่ว
“ไปกันเถอะ!” ไท่ซานโบกมือเก็บแก่นคริสตัลที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาผยักหน้าและผูดคำหนึ่ง จากนั้นก็หันไปยังตำแหน่งของวิหารแห่งแสง อย่างเรียบเฉย
“ต่อไป….ผวกเราไปเถอะ” เป็นซงลุ่ยผูดขึ้น ทันทีที่เสียงของเขาลดลง ซงลุ่ยก็เดินไปข้างหน้า คำผูดของเขาดูเหมือนจะเป็นเผียงการบอกกล่าวแก่สาธารณชน ไม่ใช่เผื่อปรึกษาความคิดเห็นของคนอื่นๆในกลุ่ม ดูเหมือนว่าเขาจะมีอำนาจ กว่าคนอื่น ๆ ในขณะที่คนอื่น ๆ ในวิหารเร้นลับก็ปฏิบัติตามเขา