ราชาซากศพ - บทที่ 337 ผลการตรวจนับ
บทที่ 337
ผลการตรวจนับ
“ข้าขอประกาศว่า อาณาจักรกังหลันได้ 525, 784 แต้ม ” ผู้ตัดสินประกาศผลการตรวจบันทึกจำนวนคริสตัล ด้วยเสียงดังฟังชัด
แม้ว่าจำนวนคะแนนที่ประกาศออกไปนี้ จะถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่สามแบบชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นก็ดีมากแล้ว หากผลงานของอาณาจักรเฟิงหยูไม่เป็นที่น่าพอใจ พวกเขาจะสามารถรั้งอันดับที่สาม…ซึ่งจะกลายเป็นสามอันดับแรก
ท้ายที่สุดแล้วสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์..ไม่ได้หมายความว่า สามารถสังหารได้ตามใจต้องการ อันที่จริงมีสัตว์อสูรจำนวนมาก ที่มีความแข็งแกร่งต่ำกว่า ขั้นศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งทุกที่ในดินแดนลับ อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะเป็นราชาของเหล่าสัตว์อสูรระดับสูง และมีองครักษ์มากมายอยู่ภายใต้อาณัติของมัน เรียกว่าเป็นกองกำลังย่อมๆ ดังนั้นการสังหารพวกมันย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปเสี่ยงโชคในพื้นที่อันตรายหรือลึกลับ ดังนั้นจึงต้องอาศัยโชคในการไปพบกับ สัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ตามลำพัง และอยู่ในระดับต่ำ ด้วยวิธีนี้จะอาจจะต้องเสียเวลามาก
นอกจากนี้พวกมันทั้งหมดอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ ยากที่สังหารสัตว์อสูรระดับนี้ ทุกคนที่มีชีวิตรอดมาได้จากดินแดนลับ ต่างก็มีประสบการณ์มากมาย เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง พวกเขาก็เลือกที่จะวิ่งหนีเป็นอันดับแรกหากพบเจอ
ยิ่งไปกว่านั้น จุดประสงค์ของคนส่วนใหญ่ในการเข้าสู่ดินแดนลับนั้น โดยพื้นฐานแล้วก็คือ เพื่อเข้าไปยังสำนักตี้เฉิงซ่ง โดยปกติแล้วพวกเขาไม่ได้ใช้ความพยายาม ในการค้นหาสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ ในความเป็นจริงแก่นคริสตัลขั้นศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ได้มาจากการสังหารระหว่างการเดินทางไปยังสำนักตี้เฉิงซ่ง
“ฮ่าฮ่าพี่หลิน! ถึงตาของเจ้าแล้ว” ในตอนนี้หลงหลี่กล่าวกับหลินกวนเทียน และรอดูความสนุกสนาน
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาคิดว่าหลินกวนเทียนและแก่นคริสตัลของเขา น่าจะรั้งอันดับที่สี่ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาณาจักรเฟิงหยูนั้น มักจะได้รับอันดับที่สาม หรือที่สี่ และแม้แต่ครั้งล่าสุด ก็ไม่ได้รับอันดับใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเวลานานมาแล้ว ทุกคนต่างไม่ได้ใส่ใจชื่อเสียงของอาณาจักรเฟิงหยูเลย
“ดี!” หลินกวนเทียนพยักหน้าอย่างใจเย็น และก้าวออกไป อย่างไรก็ตาม หัวใจของเขาบ้าคลั่งมาก อย่างที่คนอื่น ๆ คาดเดา เขาอาศัยจิ้งจอกหางคู่ และสัตว์อสูรเกราะเหล็ก ระดับสาม ของเฉินเฉิน เพื่อสังหารสัตว์อสูรขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่จำนวนของแก่นคริสตัลกลับเทียบไม่ได้กับ อาณาจักรทั้งสามที่อยู่เบื้องหน้าเขา
ส่วนกลุ่มที่เหลือ มีความแข็งแกร่งเพียงขั้นจักรพรรดิ และไม่มีสัตว์เลี้ยงสงครามระดับศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้น หลินเว่ยและเพื่อนร่วมกลุ่มของเขา ยังเก็บเกี่ยวได้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม
เขาหวังว่า เมิ่งหูลู่และคนอื่น ๆ จะมอบแก่นคริสตัลทั้งหมดให้กับเขา ด้วยวิธีนี้ จำนวนคะแนนของอาณาจักรเฟิงหยู จะไม่น่าเกลียดเกินไปนัก
“ไปกันเถอะ!” เมื่อเห็นว่าหลินกวนเทียนออกไปก่อนแล้ว หลินเว่ยก็หันหน้าไปพูดกับทุกคน จากนั้นก็เดินตามออกไป
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เมิ่งหูลู่และคนอื่น ๆ ก็ติดตามหลินเว่ยไป
การก้าวเท้าของหลินเว่ยไม่ช้าไม่เร็ว ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจที่จะ ตีตัวออกห่างจากหลินกวนเทียน เพื่อให้ทั้งสองกลุ่ม ส่งมอบแก่นคริสตัลได้ถนัดตา
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ….เดินอย่างไร้เรี่ยวแรง ทำให้คนมากมายรอเจ้าอยู่ได้” เดิมทีหลินกวนเทียนต้องการให้หลินเว่ย และกลุ่มที่เหลือของพวกเขานำแก่นคริสตัลออกมาก่อน
แต่เมื่อเขาหันศีรษะไป และมองไปรอบ ๆ เขาพบว่า หลินเว่ยและคนอื่นยังไม่ตามมา ทันใดนั้นคิ้วของหลินกวนเทียนก็ยับยู่ยี่ และมีความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้า จากนั้นเขาก็เริ่มร้องตะโกน
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินกวนเทียน ผางหลงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกโกรธ ก่อนที่พวกเขากำลังจะอ้าปาก พวกเขาเห็นแสงเย็นวูบวาบในดวงตาของหลินเว่ย พลังปราณในร่างของเขาพลันปลดปล่อยออกมาในทันที และตรงเข้ากดดันหลินกวนเทียนโดยตรง จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยและพูดว่า “ฮ่า! เจ้าเชื่อหรือไม่? หากพูดอีกคำหนึ่ง…ข้าจะตีปากเจ้าโดยไม่ลังเล”
“ ฮึก … !” ภายใต้แรงกดดันของหลินเว่ย ใบหน้าของหลินกวนเทียนก็เปลี่ยนไป และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ทันใดนั้นใบหน้าของเขาซีดเผือด จนถึงตอนนี้ เขาจำได้ว่าหลินเว่ยสามารถแตะไปถึงขอบเขตขั้นอรหันต์แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่ามันจะเป็นความสำเร็จไม่นานมานี้ แต่พลังปราณในร่างกายของเขา แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ถึงกระนั้น ก็สามารถที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม หลินกวนเทียนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หลินเว่ยเพิ่งทะลวงไปถึงขั้นอรหันต์ และตัวเขาเองก็มีจิ้งจอกหางคู่ ระดับห้า ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใดๆ
หลินกวนเทียนก็เพิ่มความมั่นใจในตนเองอีกครั้ง และคิดว่าหลินเว่ยต้องการให้เขาขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน แต่ หลินกวนเทียนกลับไม่โกรธ เขาโบกมือของเขา หลังจากนั้น จิ้งจอกหางคู่ของเขาก็ปรากฏขึ้นกั้นระหว่างเขาและหลินเว่ย
“ฮึ! เจ้าทำได้เท่านี้หรือ! เอาล่ะแล้วเราจะเห็นดีกัน” หลินกวนเทียนเหยียดริมฝีปาก และมองไปที่หลินเว่ย ด้วยความรังเกียจบนใบหน้าของเขา เขาแบมือหงายขึ้นและกระดิกนิ้ว เพื่อยั่วยุหลินเว่ย และเริ่มท้าทายเขาทันที
“ข่าวดี! อาณาจักรเฟิงหยูขัดแย้งกันล่ะ” ชายคนหนึ่งกระซิบกระซาบ
“กล่าวกันว่า หลินกวนเทียนเป็นองค์ชายลำดับที่สาม ของอาณาจักรเฟิงหยู และสกุลของหลินเว่ย ก็คือหลิน และเขาต้องมาจากตระกูลหลิน อาจมีเรื่องราวบางอย่างระหว่างพวกเขา”
“อืม! เป็นไปได้ว่าพรสวรรค์ของหลินเว่ยนั้นชั่วร้ายเกินไป และเกิดความไม่มั่นคงในตำแหน่งของหลินกวนเทียน เท่าที่ข้ารู้ มีราชวงศ์มากมายที่ต่อสู้เพื่ออำนาจ และผลประโยชน์”
“ราชวงศ์ใด! เป็นเรื่องแปลกมาก สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่ว่าในอาณาจักรของเรา หรือในตระกูล”
ท่ามกลางฝูงชนมีการพูดคุยกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับ หลินเว่ยและ หลินกวนเทียน โดยทุกคนคาดเดาถึงสาเหตุ และผลที่ตามมาของเหตุการณ์
“ สารเลว ทำให้ตระกูลเสียหน้า หน้าดูเหมือนว่าป๋าเทียน ควรจะอบรมเขาให้ดี หลังจากที่เขากลับไป” หลินคังซ่งมองไปที่ทิศทางของหลินกวนเทียน ด้วยความโกรธ เขาพลางกัดฟันเพื่อบรรเทาอารมณ์โกรธของตนเอง
“ได้เวลาแล้ว ” ราชันอินทรีพยัคฆ์ร้องออกมา
“โอ้! เจ้าต้องการออกไปหรือ หลินเว่ยหัวเราะเบา ๆ และมุมปากของเขาก็ยกยิ้ม เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย หลังจากนั้น ก็ผุดร่างของราชาอินทรีพยัคฆ์ขึ้น เบื้องหน้าจิ้งจอกหางคู่
“นายท่าน ราชาอินทรีพยัคฆ์พยายามทำตัวในน่าเอ็นดูที่สุด และมองไปที่หลินเว่ยด้วยสีหน้าประจบประแจง
“อืม! ข้ากำลังขาดเสื้อคลุมขนสัตว์จิ้งจอก หลินเว่ยพยักหน้า และพูดอย่างแผ่วเบา
“ เสื้อคลุมขนจิ้งจอกหรือ?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย ใบหน้าของราชาอินทรีพยัคฆ์ตัวน้อย ก็แสดงความสงสัยบนใบหน้าเขาชั่วครู่ เขาไม่เข้าใจคำพูดของหลินเว่ย