ราชาซากศพ - บทที่ 348 ของหวาน
บทที่ 348
ของหวาน
ร้านเฟยหยางจู เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงภายในเมืองเหยียนจิง ถูกสร้างขึ้นในใจกลางทะเลสาบเฟยหยาง ล้อมรอบด้วยทะเลสาบ วิวทิวทัศน์สวยงาม และมีบรรยากาศดีมาก
มีสะพานหินทั้งหมดสี่แห่งที่เชื่อมต่อกับร้านเฟยหยางจู นอกจากนี้ยังมีเรือไม้ ที่จอดอยู่ภายริมทะเลสาบซึ่งลูกค้าสามารถเลือกว่าจะทานอาหารในร้านหรือ สามารถสั่งอาหารไปทานบนเรือได้
เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสีสันและความสบายตา ร้านเฟยหยางจูจึงดึงดูดลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก หากมาที่นี่ ย่อมสามารถเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ และเยี่ยมชมทะเลสาบ ซึ่งมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
“ยินดีต้อนรับนายน้อย เมื่อเห็นหลินเว่ยก้าวเข้ามาในร้าน มีสาวใช้จำนวนหกคนที่ก้มศีรษะลง พร้อมคำนับหลินเว่ยอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นร้องต้อนรับขับสู้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“ขออภัยด้วย! นายน้อย..ท่านมาคนเดียวหรือไม่?” สาวใช้คนหนึ่งพูดกับหลินเว่ยด้วยความเคารพ
“ใช่แล้ว!” หลินเว่ยพยักหน้าและตอบกลับ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาที่นั่ง
“หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว สาวใช้ก็เอ่ยเรียกหลินเว่ย จากนั้นนางก็ส่งสัญญาณให้หลินเว่ยเดินตามนางเข้ามา และกล่าวด้วยความเคารพอีกครั้ง” นายน้อย! โปรดติดตามข้ามา
“ดี!” หลินเว่ยพยักหน้า และเดินไปที่บริเวณโต๊ะรับรองลูกค้า ในเวลาเดียวกัน เบื้องหน้าของหลินเว่ย ปรากฏหญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นสาวใช้ กำลังเดินเข้ามาหาหลินเว่ย ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“นายน้อย! ท่านอยากจะทานอาหารในร้านหรือบนเรือเจ้าคะ?” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ
“ไม่! ช่วยเตรียมอาหาร 100 จานที่ดีที่สุด และห่อให้ข้าที ” หลินเว่ยส่ายหัวและพูดเรียบๆ
“ อาหารอย่างดี จำนวน 100 จานและห่อกลับบ้าน?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวก็พลันหยุดชะงักทันที
เมื่อนางจ้องมองไปที่หลินเว่ย นางเอ่ยทวนคำสั่งอย่างระมัดระวัง ซึ่งนางเกรงว่า ตนเองอาจจะเข้าใจผิดไป
“ใช่..จำนวนหนึ่งร้อยจานเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่ร้าน และห่อให้ข้าที หลินเว่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง และเอ่ยทวนคำสั่งอีกรอบ
“ นี่มัน … ” คิ้วของหญิงสาวย่นขึ้นในทันควัน ดวงตาของนางเหล่มองไปที่หลินเว่ยอย่างแปลกประหลาด และใบหน้าของนางก็แสดงความลังเลใจ
“ อะไรนะ…ไม่สามารถห่อให้ได้งั้นหรือ ? จำเป็นต้องกินที่นี่หรือ?” หลินเว่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เอ๊ะ! ไม่ใช่เจ้าค่ะ…. แต่แน่ใจหรือว่าเป็นร้อยจาน” หญิงสาวส่ายหัวแล้วถามอีกครั้ง
“ ได้ยินข้าพูดถูกต้องแล้ว ข้าบอกว่าต้องการอาหารอย่างดีร้อยจาน และไม่ต้องการนั่งกินที่นี่ ข้าต้องการห่อกลับ ไม่เกี่ยงว่าราคาแพงเท่าใด” หลินเว่ยพยักหน้าและตอบกลับอย่างจริงจัง หลังจากนั้นเขาก็ถามอีกว่า “ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าต้องการ?”
โดยปกติแล้ว หลินเว่ยรู้ว่า อีกฝ่ายยืนยันกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า อาจจะเป็นเพราะนางกังวลเกี่ยวกับกำลังเงินของเขา ว่าเขาจะมีความสามารถในการจ่ายเงินหรือไม่? อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมากที่ชอบกินแล้วชักดาบ และไม่สามารถตามให้มาชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้
“เจ้าค่ะ! ข้าเข้าใจแล้ว โปรดตามข้ามา! อาหารจำนวนมาก ต้องใช้เวลาในการเตรียมนานกว่าปกติ ข้าจะพาท่านไปที่ห้องรับรองแขกและพักผ่อนระหว่างรออาหารสักครู่”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเว่ย หญิงสาวก็ยังคงสงสัยอยู่มาก แต่ใบหน้าของนางกลับยิ้มแย้ม และพยักหน้าพูดกับ หลินเว่ย
ภายใต้การแนะนำของหญิงสาว หลินเว่ยเดินติดตามนางเข้าไป ในห้องที่หรูหรามาก หลังจากที่หลินเว่ยนั่งลงแล้ว นางก็หันหลังกลับและเดินออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเว่ยก็ได้ยินเสียงเคาะประตู หลังจากได้รับอนุญาตจากหลินเว่ย ประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออก สาวใช้ทั้งสองคนเดินเข้ามา
แต่ไม่ได้เป็นหญิงสาวคนเดิมที่มารับรองหลินเว่ย พวกเขาถือชาหอมกรุ่นชาและผลไม้ มาวางไว้บนโต๊ะน้ำชา ข้างๆ หลินเว่ย จากนั้นก็หันหลังกลับและออกจากห้องไปทีละคน
จนถึงเวลานี้หลินเว่ยเอื้อมมือไปตบหน้าอกของเขา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ออกมาเถอะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลินเว่ย ก็มีศีรษะเล็ก ๆ โผล่หัวออกจากอ้อมแขน และเสตามองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็กระโดดออกจากอ้อมแขนของหลินเว่ย
และกลายเป็นหญิงสาวในชุดยาวสีขาว นางร้องเรียกอย่างไพเราะ“ พี่หลินเว่ย!” แต่สายตาของนาง จับจ้องไปที่โต๊ะน้ำชา
“ อยากกินหรือ?” เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโลภของเสี่ยวหมี หลินเว่ยรู้สึกตลกเล็กน้อยในใจ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดีดี เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เสี่ยวหมีก็พยักหน้า ซ้ำ ๆ
“ รออะไรล่ะ มานั่งกินได้เลย ” หลินเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดี!” เสี่ยวหมี ส่งเสียงอย่างยินดี จากนั้นก็นั่งลงอีกด้านหนึ่งของโต๊ะน้ำชา ใช้มือทั้งสองข้างจับขนมเปี๊ยะและกัดทีละชิ้น
“อืม! หวานมาก หลังจากกลืนขนมเปี๊ยะลงไป ดวงตาของ เสี่ยวหมีก็หรี่ลง ใบหน้าแห่งความพึงพอใจปรากฏบนใบหน้า
“ฮ่าฮ่า! อร่อยมากหรือ? กินเท่าที่อยากกินได้เลย!” รอยยิ้มของหลินเว่ย ฉายทั่วใบหน้าของเขา ในสายตาของเขา เขามองไปที่เสี่ยวหมีด้วยสายตาที่เจือปนไปด้วยความเอ็นดู
“ อืม! เสี่ยวหมี พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็คว้าขนมเปี๊ยะขึ้นมาและยื่นให้หลินเว่ย:“ พี่ชาย เจ้ากินเถอะ!”
“พี่ชายเช่นข้ากินบ่อยแล้ว” หลังจากกล่าวกับหลินเว่ย เขาก็ส่ายหัวและอมยิ้ม
“ดีล่ะ!”ทันทีที่ เสี่ยวหมีฟังคำพูดของหลินเว่ย นางก็ชักมือกลับแล้วเอาขนมเปี๊ยะเข้าปากทันที
“ อืมข้าเกือบจะลืมสาวน้อยทั้งสองไปแล้ว” หลินเว่ยดูเหมือนจะขบคิดอะไรบางอย่างได้ ดังนั้นเขาจึงตบหน้าผากตนเอง และรู้สึกอับอาย
แม้ว่าจะเป็นเพียงขนมเปี๊ยะไม่กี่ชิ้น แต่ไม่อาจลำเอียงและทำดีเฉพาะเสี่ยวหมีได้ เมื่อตัดสินใจได้ หลินเว่ยโบกมือและปลดปล่อย จื่อหยู และหูหนิวออกมาทันที
“พี่สาว! พี่ห้า มาที่นี่เร็ว ๆ ของกินพวกนี้อร่อยมาก! ถ้าท่านไม่กิน ข้าจะกินมันให้หมด” เมื่อเห็น จื่อหยู และ หูหนิว ปรากฏตัว เสี่ยวหมีก็รีบกลืนอาหารในปากของนาง และคว้าเอาขนมเปี๊ยะอีกชิ้นหนึ่งไว้ในมือ จากนั้นส่งให้พวกนางทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของ เสี่ยวหมี ทั้งจื่อหยู และ หูหนิวก็ กลายร่างเป็นมนุษย์เช่นกัน หลังจากมองดูขนมเปี๊ยะในมือของเสี่ยวหมี หูหนิวก็รีบคว้าไปและพูดกับ หลินเว่ยว่า ” พี่หลินเว่ยเป็นคนดีจริง ๆ มีอาหารอร่อยก็รีบปล่อยข้าออกมา”
หลังจากนั้นหูหนิวก็คว้าขนมเปี๊ยะเข้าปากแล้วเคี้ยวๆ สักพัก จากนั้นดวงตาของนางก็พลันสว่างวาบ อร่อย…ก่อนที่นางจะทันได้เคี้ยวละเอียด มือของนางก็รีบคว้าขนมเปี๊ยะที่เหลือทันที
จื่อหยู มองไปที่ เสี่ยวหมี และ หูหนิวผู้ละโมบ จากนั้นมองลงไปที่ขนมเปี๊ยะอบที่เสี่ยวหมียื่นให้นาง นางคว้าขนมเปี๊ยะเปี๊ยะและโยนใส่เข้าไปในปากด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ เอ๋……จู่ๆ ดวงตาของจื่อหยูก็ฉายแววประหลาดใจ เช่นเดียวกับเสี่ยวหมี และ หูหนิวโดยไม่รู้ตัว นางมองไปที่โต๊ะน้ำชา และพบว่ามีเพียงจานสะอาดตา ไร้ซึ่งสิ่งตกค้างใด ๆไม่มีขนมเปี๊ยะเปี๊ยะอีกแล้ว
“นี่มัน … ” ท่าทางของจื่อหยู ราวกับว่า คาดไม่ถึง และ ริมฝีปากของนางกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งๆที่นางพึ่งจะได้ลิ้มรสขนมได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น สาวน้อยสองคนนี้ไม่ไว้หน้าใครเลยจริงๆ!
ทำเอาข้าแทบพูดไม่ออก เมื่อครั้นจื่อหยูได้สติ นางพบว่าสายตาของทั้งสองคนจับจ้องมาที่นาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพ่งสายตาไปที่ขนมเปี๊ยะครึ่งชิ้นในมือของนาง โดยไร้ท่าทีลังเลใจ จื่อหยูรีบยัดขนมเปี๊ยะใส่ปากของนาง โดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่ามือของจื่อหยูพลันว่างเปล่า พวกนางก็มองไปที่หลินเว่ยอีกครั้งด้วยสายตาร้อนแรง จากนั้น จื่อหยูก็เป็นอีกคนที่มองยังหลินเว่ยด้วยความคาดหวัง
เมื่อเห็นสายตาของคนทั้งสาม หลินเว่ยพยักหน้า และพูดอย่างยิ้มๆว่า “ข้าเข้าใจแล้ว! เดี๋ยวข้าจะออกไปสั่งขนมมาเพิ่ม
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย หญิงสาวทั้งสามก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่ใบหน้าของพวกเขาตกอยู่ในภวังค์ ราวกับยังไม่ลืมเลือนรสชาติในปาก สิ่งนี้ทำให้หลินเว่ยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาขบคิดอย่างรอบคอบ และพลันนึกขึ้นได้ว่า
สัตว์อสูรทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขา ล้วนแต่ตกเป็นทาสของอาหารมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น เขาอดคิดไม่ได้ว่า ในอนาคตอาจจะต้องเตรียมอาหารที่อร่อยๆ เอาไว้หลอกล่อสัตว์อสูรที่ต้องการได้ เพียงแค่ลักพาตัวพวกเขากลับมา พร้อมอาหารอร่อยๆ
“ ก็อกๆ!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง หลินเว่ยพยักหน้าให้จื่อหยูและคนอื่นๆ เปลี่ยนร่างกลับเป็นสัตว์อสูรตัวน้อย จากนั้นหลินเว่ยก็พูดขึ้นว่า “เข้ามาได้!” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประตูถูกผลักเปิดออกมา โดยหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน
ในคราวแรก หลังจากที่นางเปิดประตูเข้ามา นางพบว่า มีสัตว์อสูรตัวน้อยนอนอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างของหลินเว่ย และ เสี่ยวหมีอยู่ในอ้อมแขนของหลินเว่ย โดยโผล่ศีรษะน้อยๆ ของนางออกมา
ทันใดนั้นดวงตาของหญิงสาวก็พลันสว่างจ้า จากนั้นและรีบปรี่เข้ามา ด้วยใบหน้าที่มีความสุข จนลืมปิดประตูด้วยซ้ำ
“ลูกแมวอะไรน่ารักถึงเพียงนี้ มีทั้งหมดสามตัว พวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านหรือ?” หญิงสาวยืนอยู่ตรงหน้าหลินเว่ย ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และพูดคุยด้วยท่าทางมีความสุข
นางอยากจะยื่นมือออกไปสัมผัสสัตว์เลี้ยงของหลินเว่ย แต่นางรู้สึกอับอายเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกคันยุบยิบ ราวกับมีมดตัวน้อย ๆ มาปีนป่ายเล่นในใจ เนื่องจากหญิงสาวนางนั้น ขยับเข้ามาใกล้หลินเว่ยมาก หลินเว่ยจังได้กลิ่นหอม อ่อนๆ จากหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ กลิ่นของนางทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและเงียบสงบ
“อืม!” หลินเว่ยพยักหน้า ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แสดงออกถึงอาการไม่ต้องการพูดคุย เมื่อเห็นว่าท่าทีของหลินเว่ยเย็นชา หญิงสาวก็หยุดชะงัก หากเป็นช่วงเวลาปกติ นางจะไม่ชื่นชอบในการสนทนากับคนแปลกหน้า
เนื่องจากฐานะของนาง ไม่จำเป็นต้องเข้าหาคนแปลกหน้า มีแต่ผู้คนที่ต้องการเข้าหานางแทน แต่ทว่าจิตใจของนางอ่อนยวบเมื่อพบกับเสี่ยวหมี และโดยไม่รู้ตัว นางอ้าปากอีกครั้งและพูดว่า “ขออุ้มหน่อยได้หรือไม่?”
หลินเว่ยไม่ได้อ้าปาก แต่เขากลับแสดงท่าทางส่ายหัวแทน ซึ่งสื่อความหมายชัดเจนมากว่าไม่อนุญาต
“ข้า…” เมื่อเห็นการปฏิเสธโดยไม่อ้อมค้อมของหลินเว่ย นางก็พูดไม่ออก และใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความบูดบึ้ง นางขบคิดอย่างโกรธ ๆ ว่า ชายคนนี้ขี้เหนียวเกินไปจริงๆ! ขออุ้มเพียงครู่เดียวก็ไม่ได้ ให้ตายเถอะ!
หลังจากนั้น ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบงัน ทั้งสามสัตว์อสูรรู้สึกขันกับท่าทีตรงไปตรงมาของหญิงสาว ที่มอง หลินเว่ยด้วยความโกรธ ดวงตาของทั้งสามสัตว์อมยิ้มตาหยี
จากนั้นบรรยากาศในห้อง ก็พลันแปลกไปเล็กน้อย ขณะที่หญิงสาวกำลังดิ้นรน และพยายามต่อรองกับหลินเว่ย จากนั้นนางก็เหลือบไปเห็นจานเปล่าบนโต๊ะน้ำชา ที่หางตาของนาง หัวใจของนางพลันชะงัก และราวกับนึกอะไรดีๆ ออก จากนั้นดวงตาของนางก็สว่างขึ้น
โดยธรรมชาติแล้ว นางย่อมเห็นได้ว่าขนมเปี๊ยะในจานเหล่านี้ ไม่ได้ถูกกินโดยหลินเว่ย ฉะนั้นหมายความว่า เป็นสัตว์เลี้ยงทั้งสามที่กินมันลงไป เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หญิงสาวก็ลุกขึ้นยืน และรีบเดินออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล
อย่างไรก็ตามนางกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแหวนมิติในมือของนาง หลังจากเข้ามาในห้องโดยไม่พูดอะไร นางก็ขยับโต๊ะน้ำชาหลายตัวที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ตัวของนางและนำมาต่อเรียงกัน เพื่อขยับขยายพื้นที่