ราชาซากศพ - บทที่ 349 มู่ชิวเสวี่ย
บทที่ 349
มู่ชิวเสวี่ย
“หืม?” หลินเว่ยและ จื่อหยู มองไปที่หญิงสาวที่วุ่นวาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร เป็นโรคร้ายหรือไม่? หรือโมโหหลินเว่ยจนล้มป่วย?
โต๊ะน้ำชาเจ็ดหรือแปดตัว ถูกจัดเรียงเป็นโต๊ะยาว จากนั้นหญิงสาวก็มองไปที่หลินเว่ยด้วยรอยยิ้ม และโบกแหวนมิติไปที่โต๊ะตัวยาว จากนั้นหลินเว่ยเห็นแสงสว่างวาบ
และผลไม้หลายสิบจานปรากฏขึ้นบนโต๊ะยาว บนจานผลไม้ มีขนมเปรี๊ยะจำนวนมากกองอยู่ และมีหลากหลายสีสันและหน้าตาน่ากินเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเว่ยก็เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ เขาอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก เขาคิดกับตัวเองว่า “อยากจะให้จื่อหยูเชื่อฟัง โดยขนมเคลือบน้ำตาลหรือ?
ไม่รู้ว่าพวกจื่อหยูนั้นมีชีวิตมายาวนานเพียงใด พวกนางจะสนใจสิ่งของล่อตา เพียงเท่านี้น่ะหรือ ข้าเชื่อว่าไม่มีทาง”
“ อึก!”ขณะที่หลินเว่ยกำลังขบคิดอยู่ในภวังค์ เขาก็ได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย ทั้งหมดสามเสียง หลินเว่ยมองไปที่ไหล่ของเขา และพบว่า จื่อหยู และ หูหนิว กำลังจ้องมองไปที่ขนมเปี๊ยะบนโต๊ะตรงหน้า
สำหรับ เสี่ยวหมี ไม่ต้องมองก็สามารถรู้ว่า อีกฝ่ายต้องใจร้อนกว่าทั้งจื่อหยูและหูหนิว
“ ……”
จู่ๆ หลินเว่ยก็รู้สึกเหมือนถูกทุบตีที่ใบหน้า มุมปากของเขากระตุกสองสามครั้ง เขาพูดไม่ออก บนใบหน้าของเขา ในใจของเขาก็พูดขึ้นว่า: “ไม่เป็นไร ไม่มีทางหรอก”
“เด็กน้อย! มากินขนมอร่อยๆ เร็ว ๆ หญิงสาวโบกมือให้ จื่อหยู และพูดเชื้อเชิญด้วยความกระตือรือร้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในการเผชิญกับการล่อลวงของหญิงสาว แม้ว่า เสี่ยวหมี และคนอื่น จะตื่นเต้นมาก แต่เนื่องจาก หลินเว่ยไม่ได้อนุญาต พวกนางจึงไม่ก้าวเท้าออกไป
“ไม่! เจ้าเก็บมันไปเถอะ! ข้าจะสั่งให้คนห่อกลับไป หลินเว่ยกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“นายน้อย…ขนมเหล่านี้ไม่เคยขายให้กับคนทั่วไป แม้ว่าจะเป็นการเลี้ยงรับรองแขกผู้มีเกียรติ แต่ข้าก็เลือกให้พวกเขาเพียงไม่กี่ชิ้น แม้มีเงินก็ไม่สามารถกินได้ “เมื่อเห็นว่านางไม่สามารถยั่วยวนสัตว์เลี้ยงของหลินเว่ยได้ หญิงสาวจึงเริ่มหลอกล่อด้วยวิธีอื่น
หลังจากพูดแบบนั้น นางกล่าวเสริมอีกครั้งว่า: ” สิ่งเหล่านี้ไม่คิดเงิน ท่านปล่อยให้พวกเขากินตามสบายเถิด! แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ ไม่ขายจริงหรือ?ไม่ใช่ว่าเจ้าจงใจทำเช่นนั้นหรอกนะ?” หลินเว่ยขมวดคิ้วและถามขึ้น พร้อมจ้องตาหญิงสาว
“ข้าไม่ได้หลอกลวงท่าน! หากออกไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วท่านจะรู้ว่า ขนมเปี๊ยะของร้ายเฟยหยางจู เป็นของที่ดีที่สุดในเมืองเหยียนจิง แม้แต่อาณาจักรกังหลันเอง ก็สามารถกินได้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น และมันไม่เคยนำมาขายให้แขกผู้มีเกียรติใดๆ” ท่าทางของหญิงสาวดูจริงจัง และกล่าวช้า ๆ
“โอ้…งั้นหรือ เมื่อได้ยินคำบรรยายของอีกฝ่าย หลินเว่ยก็พยักหน้าด้วยความไม่เชื่อ จากนั้นก็ผุดรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าของเขา เขาแสร้งทำเป็นอาย และพูดว่า” ช่างมันเถิด! สัตว์เลี้ยงทั้งสามตัวนี้ กินจุมาก ข้าเกรงว่าเจ้าจะร่ำไห้อย่างขมขื่น และถูกเจ้าของร้านดุเอา
“ฮึ่ม! ผู้ใดจะร้องไห้! ขนมเหล่านี้เป็นของข้า ข้าจะให้ใครกินมันเป็นเรื่องของข้า ไม่มีใครกล้าพูดมาก หญิงสาวย่นจมูกและพูดอย่างหยิ่งผยอง
“ ร้านเฟยหยางจู… คือของเจ้า?” หลินเว่ยมองไปที่หญิงสาวอย่างสงสัย แต่ในใจของเขานั้น กลับมีความรู้สึกไม่เชื่อถือ
กล่าวกันว่า ร้านเฟยหยางจูมีประวัติยาวนานหลายสิบปี ก่อตั้งโดยปรมาจารย์ลึกลับ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น นางอายุไล่เลี่ยกับเขา และความแข็งแกร่งอยู่ใน ระดับจักรพรรดิ ช่วงกลางเท่านั้น
หลินเว่ยเดาได้ในตอนแรกว่า ฐานะของอีกฝ่ายนั้นแตกต่างจากสาวใช้อย่างสิ้นเชิง เขาคาดว่า นางน่าจะมีฐานะในร้านเฟงหยางจูแน่นอน บางทีอาจเป็นลูกหลานของปรมาจารย์ลึกลับ ถึงกระนั้นไม่ควรค่าแก่การขัดแย้งกับหญิงสาว
“อะไรนะ…ท่านไม่เชื่อหรือ?” เมื่อเห็นการแสดงออกของหลินเว่ย หญิงสาวก็ขมวดคิ้วและถามด้วยความไม่พอใจ
“เชื่อสิ! แน่นอนข้าเชื่อ หลังจากนั้น หลินเว่ยพูดกับจื่อหยูและคนอื่นๆว่า” อย่าให้นางต้องเสียน้ำใจ ขนมเหล่านี้ไม่คิดเงิน พวกเจ้ากินเถอะ”
“ พรึ่บ!”
“ กึกๆ!”
“ กุกกัก!”ทันทีที่สิ้นเสียงของหลินเว่ย เสี่ยวหมีก็กระโดดออกจากอ้อมแขนทันควัน จากนั้น หูหนิวและ จื่อหยู ก็ตามมาติดๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคำสั่งของหลินเว่ยที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า ไม่ควรกลายร่างเป็นมนุษย์ต่อหน้าของผู้อื่น ดังนั้นทั้งสามสาว ยังคงอยู่ในร่างของสัตว์ร้ายตัวน้อยขนาดเท่ากำปั้น พวกนางมุ่งมั่นในการทำความสะอาดขนมอย่างแข็งขัน
เมื่อเห็นสัตว์สามรุมกินขนมอย่างขะมักเขม้น หญิงสาวก็เอื้อมมือไปสัมผัสร่างของเสี่ยวหมี เบา ๆ สำหรับเสี่ยวหมีไร้ท่าทีตอบสนองใด ๆ เนื่องจากนางยังคงต่อสู้กับขนมเปี๊ยะ
เมื่อเห็นว่า เสี่ยวหมี ไม่ตอบสนอง หญิงสาวก็ใจกล้าขึ้นอีกนิด อย่างไรก็ตาม เมื่อนางคว้าร่างของเสี่ยวหมีขึ้นมา เสี่ยวหมีก็ดิ้นรนออกจากมือของนาง และมองไปที่หญิงสาวด้วยความไม่พอใจ ราวกับจะบอกว่า ข้าให้เจ้าสัมผัสได้ แต่อย่าขัดขวางการกินของข้า
หญิงสาวไม่สนใจท่าทีของเสี่ยวหมี หลังจากสัมผัสร่างของเสี่ยวหมี สักพักนางก็เอื้อมมือไปแตะหูหนิว ปฏิกิริยาของ หูหนิวเป็นเช่นเดียวกับของเสี่ยวหมี โดยปล่อยให้หญิงสาวสัมผัสตัวนาง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงคราวของจื่อหยู นางกลับกระโดดขึ้นไปในอากาศ และไม่ยินยอมให้สัมผัสร่างของนาง
ในเรื่องนี้ หญิงสาวไม่เต็มใจเล็กน้อย ร่างกายทั้งหมดของจื่อหยูเป็นสีขาวราวกับหิมะ โดยไม่มีร่องรอยของสีอื่น ๆเจือปน จมูกสีชมพู ดวงตาสีเหลืองอำพัน และลิ้นสีชมพู เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจของนางมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามเพียงใด ก็ไม่สามารถสัมผัสร่างของจื่อหยูได้แม้แต่น้อย จากนั้น นางจึงทำได้เพียงยอมแพ้ และหันมาคว้าเสี่ยวหมีและหูหนิว อย่างน้อย ตราบใดที่นางไม่รบกวนช่วงเวลาอาหารของพวกเขานางก็จะสามารถสัมผัสร่างของสัตว์เลี้ยงทั้งสองได้ตลอดเวลา
“นายน้อย…ข้าชื่อมู่ชิวเสวี่ย ข้ายังไม่รู้ชื่อของท่านเลย!” หญิงสาวสัมผัส เสี่ยวหมีด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งสัมผัสขนของหูหนิว จากนั้นเอ่ยถามชื่อของหลินเว่ย
“ ข้าชื่อหลินเว่ย!” หลินเว่ยกล่าวอย่างแผ่วเบา
“เป็นเจ้านั่นเอง หลินเว่ย ดูเหมือนเจ้าจะมาจากอาณาจักรเฟิงหยู ข้าคิดว่าท่านน่าจะมาที่นี่ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้” มู่ชิวเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่!” เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย หลินเว่ยก็พยักหน้าและยอมรับ สำหรับตัวตนของเขา หลินเว่ยไม่คิดว่าจะมีอะไรต้องปิดบัง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสัญลักษณ์ของอาณาจักรเฟิงหยู บนเสื้อผ้าของเขา มันไร้ประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
“ข้าได้ยินมาว่า ราชวงศ์ของอาณาจักรเฟิงหยู คือแซ่หลิน ฐานะของเจ้า คือองค์ชายแห่งอาณาจักรเฟิงหยูหรือไม่?” มู่ชิวเสวี่ยถามอย่างสงสัย
“ เหตุใดจึงคิดว่า ข้าคือองค์ชายแห่งอาณาจักรเฟิงหยู หากต้องการแต่งงานกับข้า มันน่าเสียดายหน่อย ข้าเกรงว่าจะทำให้เจ้าผิดหวัง ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับราชวงศ์ ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา
อย่างไรก็ตามข้ารู้ว่า หลิงกวนเทียน องค์ชายสาม แห่งอาณาจักรเฟิงหยู ได้เข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา หากเจ้าต้องการ ข้าสามารถแนะนำเจ้าให้เขาได้” หลินเว่ยพูดติดตลก
“หืม! ใครบอกว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้า? และองค์ชายสามที่เจ้าพูด เป็นเพียงแค่องค์ชาย หากต้องการเป็นสามีข้า แม้แต่เขาก็ไร้ซึ่งคุณสมบัติ” มู่ชิวเสวี่ยกลอกตาขาว ดูใบหน้าดูแคลน พร้อมกล่าวขึ้น และเชิดศีรษะของนาง
ราวกับว่ามันเป็นนกยูงที่หยิ่งผยอง หลินเว่ยได้ยินอีกฝ่ายดูแคลนหลินกวนเทียน หลินเว่ยมั่นใจว่า นางนั้นไม่ได้มีท่าทางเสแสร้งแต่อย่างใด หลินเว่ยจึงถามอย่างสงสัย “องค์ชายสามในอาณาจักรเฟิงหยู ยังไร้ความสามารถ เจ้าต้องการชายแบบใดกันแน่?”
“พูดยาก! ก่อนอื่นเขาต้องเป็นอัจฉริยะ ความแข็งแกร่งของเขาต้องแข็งแกร่งกว่าข้า จากนั้นเขาจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เขาต้องได้รับความเคารพจากผู้คนหลายร้อยล้านคน ประการที่สอง เขาต้องเป็นคนหน้าตาดี
สุดท้ายเขาจะต้องมีนิสัยที่ดี และทุ่มเทความรู้สึกให้กับข้า “เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย มู่ชิวเสวี่ยก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และพูดพร้อมกับนับนิ้ว เพื่อชี้แจงคุณสมบัติของชายในฝันของนาง
“ เอ่อ … !” เมื่อได้ยินข้อเรียกร้องสี่ข้อของอีกฝ่าย หลินเว่ยแอบส่ายหัวเงียบ ๆ และขมวดคิ้วและพูดว่า “คำขอของเจ้ามันมากมายเกินไปหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นหากมองไปทั่วแผ่นดิน เจ้าอาจจะไม่ได้แต่งงานก็เป็นได้
“ฮึ่ม! เจ้าจะรู้อะไร! ข้าต้องการพบสิ่งที่ดีที่สุด ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไร แม้แต่งงานกันไป แม้แต่ปกป้องข้า ก็ยังไร้ความสามารถ! ข้าจะบอกอะไรให้! ไม่ว่าจะองค์ชายสามหรือว่า เจ้า ก็ล้วนไม่ตรงกับคุณสมบัติทั้งสี่ข้อ
ที่ข้ากล่าวออกมา ความสามารถต่ำ พละกำลังไม่ดี และธรรมดามาก ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง “มู่ชิวเสวี่ยบิดริมฝีปาก และมองไปที่หลินเว่ยด้วยความรังเกียจบนใบหน้าของนาง พลางพูดเบา ๆ
“ ……” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายดูแคลนตัวเอง หัวใจของ หลินเว่ยก็กระอักเลือด เขาเพียงชวนนางพูดคุย เพื่อความสนุกสนาน แต่เขาก็ถูกอีกฝ่ายดูแคลนโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยเห็นได้ว่า นางมีข้อเรียกร้องที่มากเกินไป ชีวิตใครชีวิตมัน…. แน่นอนว่า นางไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการชายที่เต็มไปด้วยอำนาจและชื่อเสียง จนเกินความพอดี
บุคคลเช่นนี้ ไม่คุ้มค่ากับมิตรภาพที่ลึกซึ้ง โชคดีที่ หลินเว่ยไม่ได้ตั้งใจจะผูกมิตร ดังนั้นเขาจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ต่อไป มู่ชิวเสวี่ยเองก็ไม่ได้สนใจเขามากเกินไป
กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา มีสาวใช้มาเคาะประตู หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว นางก็ก้าวเข้ามา และมอบแหวนมิติให้กับ มู่ชิวเสวี่ย
“หืม! นี่คืออาหาร100 จานที่เจ้าต้องการจานละ 9981 หินหยวน และจานละ 10,000 หินหยวนชั้นดี เป็นเงินหนึ่งล้านหินหยวน! สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ย่อมต้องจ่ายเงินสดออกไปเพื่อให้ได้สินค้า แต่หลินเว่ยใช้เงินหนึ่งล้านหยวน ในร้านเฟยหยางจู เพียงครั้งเดียว มู่ชิวเสวี่ยจึงขอให้ใครบางคนช่วยเตรียมขนมเปี๊ยะและมอบให้หลินเว่ยนำกลับไปโดยไม่คิดเงิน ”
มู่ชิวเสวี่ยโบกมือให้สาวใช้กลับไป จากนั้นก็วางแหวนมิติไว้ตรงหน้า ของหลินเว่ย จากนั้นแบบมือออก เพื่อส่งมอบให้ หลินเว่ย