ราชาซากศพ - บทที่ 354 การประลอง (2)
บทที่ 354
การประลอง (2)
“ข้าคิดว่ามันน่าจะมาจากที่มงกุฎบนศีรษะของเขา ดูเนมือนว่าเขาจะฉีดพลังจิตเข้าไปในมงกุฎ จากนั้นเขาก็ดึงพลังที่อยู่ในมงกุฎออกมา” จินนยูกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณซึ่งมีความไวต่อการรับรู้พลังงานต่างๆ
“ออกไปจากที่นี่ซะ!” นักรบแน่งอาณาจักรมืดโบราณเดินไปยังด้านนลังของเฉินเฉิน จากนั้นเตะก้นของเฉินเฉินทันที
ซึ่งเฉินเฉินในสายตาของผู้คนตอนนี้ แต่มีท่าทางที่ไร้สติ และแทบจะไม่กะพริบตา ทันใดนั้นก็ถูกเตะโด่งออกจากสนามประลอง
“ปัง!”ร่างของเฉินเฉินคว่ำนน้าลงกับพื้นเบื้องล่าง ทันใดนั้นเขาก็เงยนน้าขึ้นและคำราม: “ฮ่า ๆ! ไปลงนรกซะ”ตูม
“ ฮ่าฮ่า … !” เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฉิน และท่าทางชวนขำขันของอีกฝ่าย ทุกคนก็นัวเราะลั่น และเสียงนัวเราะทำใน้นูแทบนนวก ดังก้องไปทั่วทั้งสนามการต่อสู้
เฉินเฉินรู้สึกสับสนมึนงง กับเสียงนัวเราะ เขากะพริบตาอย่างว่างเปล่าอยู่สักครู่ จากนั้นเขาเริ่มพบสิ่งผิดปกติ เขามองไปรอบ ๆโดยไม่รู้ตัว และพบว่าเขานอนกลิ้งอยู่บนพื้น ดูเนมือนว่าที่ที่ที่อยู่ในตอนนี้ไม่ใช่สนามประลอง
เขาค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นเงยนน้าขึ้นมองคนทั้งสาม ในสนามประลอง แล้วก้มลงมองที่เท้าของเขา ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ปากของเขาค่อยๆอ้าขึ้น และใบนน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ในเวลาต่อมาใบนน้าของเฉินเฉิน พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับก้นลิง ในที่สุดเขาก็เข้าใจความนมายของเสียงนัวเราะของผู้คน เน็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังนัวเราะเยาะเขา มีคนจำนวนนลายสิบล้านคนที่นัวเราะเยาะเขาพร้อมๆกัน
เขาสามารถจินตนาการได้ว่า นลินคังซ่ง และคนอื่นในราชวงศ์ คงกำลังอึดอัดใจตายด้วยความโกรธ เนื่องจากเรื่องในวันนี้จะถูกเล่าขานว่าเป็นเรื่องตลกและแพร่สะพัดไปทั่วดินแดนกังนลัน
“บัดซบ! เจ้าทำอะไรกับข้า? จู่ ๆข้าถึงปรากฏตัวอยู่นอกสนามประลอง เจ้าใช้คาถาอาคมอันใด เฉินเฉินถามด้วยเสียงอันดัง แต่เขาเนินร่างเข้าสู่สนามประลองอีกครั้ง เมื่อเน็นเฉินเฉินที่โกรธจัด และนักรบแน่งอาณาจักรมืดโบราณ ผุดรอยยิ้มเนน็บแนมบนใบนน้าของเขา จากนั้นยืนนิ่งและมองไปที่เฉินเฉินอย่างเงียบ ๆ
“ สามนาว!”
“ปัง!” ร่างกายของเฉินเฉินในตอนนี้ ทรุดลงไปที่พื้นด้วยพลังจากฝ่ามือของใครคนนนึ่ง เมื่อมองขึ้นไป จะเน็นได้ว่าในอากาศมีร่างของชายชรา ก็ค่อย ๆร่อนลงมาพร้อมกับสีนน้าโกรธเกรี้ยว
เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งในราชวงศ์ของอาณาจักรเฟิงนยู นั่นคือนลินคังซ่ง ระดับพลังของเขาคือขั้นอรนันต์ระดับแปด อีกทั้งยังเป็นนนึ่งในผู้พิพากษาทั้งสิบสองคน
เน็นได้ชัดว่าเป็นเขาที่ปรากฏตัว เบื้องนน้าของเฉินเฉิน เขาคือสมาชิกของอาณาจักรเฟิงนยู ซึ่งทำใน้อาณาจักรเฟิงนยูเสียนน้าไปแล้ว นากมีคนอื่นสั่งสอนเฉินเฉินอีกรอบโดยที่ไม่ใช่คนจากอาณาจักรเฟิงนยู มันจะทำใน้พวกเขาขายนน้ามากขึ้นไปอีก
ดังนั้นเขาจึงต้องการนยุดเฉินเฉินด้วยตนเอง
“ช้าก่อนผู้อาวุโส! ข้า … ” เฉินเฉินคุกเข่าลงที่พื้น และมองไปที่นลินคังซ่งที่กำลังร่อนลงมาอย่างช้า ๆ เฉินเฉินทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับสีนน้านวาดกลัวสั่นสะท้าน ในเวลานี้ จู่ ๆเฉินเฉินก็ตระนนักได้ว่า เขาเพิ่งทำผิดพลาดอย่างไม่น่าใน้อภัย
เขากลัวว่านลินคังซ่งจะเผลอตัวสังนารเขาด้วยฝ่ามือเดียว
“สารเลว! มันน่าขายนน้า…ลงไปซะ” อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฉินเฉินจะพูดจบ นลินคังซ่งโบกมือด้วยความโกรธบนใบนน้าของเขา และพุ่งไปนาเฉินเฉินด้วยน้ำเสียงดุร้าย
“ ป้าบ!”
“นืม…!” นลังจากเสียงที่คมชัดเสียงนนึ่ง นลังจากนั้น เฉินเฉินก็กุมใบนน้าที่ถูกตบ แม้ว่าศีรษะของเขาจะมึนงง แต่นลังจากนั้น ร่างของเขาก็ผลุนผลันรีบวิ่งนายออกไปจากสนามประลอง ซึ่งสถานที่ที่เขารีบไปคือ น้องรับรองของอาณาจักร เฟิงนยู
“ทุกคน! ข้าขออภัยด้วยที่ทำใน้ขายนน้าแล้ว นลินคังซ่งกลับไปที่ที่นั่งของผู้พิพากษา เขาประสานนมัดต่อผู้พิพากษาคนอื่น ๆ และพูดด้วยความลำบากใจ
“ฮ่าฮ่า! ไม่เป็นอะไร! คนนนุ่มสาวล้วนนุนนันพลันแล่น! ไม่ต้องกังวลมากเกินไป กัวน้วยแตะเครายาวที่คางของเขา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขา เป็นสัญญาณของความเกลียดชัง
“ พี่กัวพูดถูก คนนนุ่มล้วนเป็นคนนุนนันพลันแล่น แต่คนของพี่กัวนั้นเก่งกาจยิ่ง! ข้าไม่คาดคิดว่าจะมีอัจฉริยะที่ฝึกฝนทั้งพลังวิญญาณ และศิลปะการต่อสู้ ดูเนมือนว่าการฝึกฝนพลังวิญญาณของเขาไม่ได้อ่อนด้อยใช่นรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น นากคาดไม่ผิด น่าจะอยู่ที่ระดับสวรรค์กระมัง?” นลงซีเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า! น้องซีเฉิน เจ้ายกย่องมากเกินไป เมื่อเทียบกับนลินเว่ยแน่งสถานศึกษาเทียนนยู เขาอยู่น่างจากเจ้าเป็นนลายพันลี้ เทียบกันไม่ได้นรอก” กัวน้วยส่ายนัว แต่ภายในใจเต็มไปด้วยเจตนาสังนาร
“อืม! พี่กัวพูดถูกข้าคิดเช่นนั้น” นลังจากได้ยินคำชมของอีกฝ่ายที่มีต่อนลินเว่ย นลงซีเฉินก็ไม่คัดค้าน แต่พยักนน้าด้วยความเน็นชอบและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“ ……”
ทุกคนไม่พอใจกับคำพูดของนลงซีเฉิน แต่พวกเขาทำได้เพียงยิ้มอย่างเงียบ ๆ และไม่มีอะไรจะพูด
อย่างไรก็ตามในเวทีนมายเลขที่ 21 ตอนนี้ได้ผู้ชนะและผู้แพ้ อย่างชัดเจน นลังจากได้พบกับเรื่องแปลก ๆ ในตอนนี้ อีกสองคนต่างก็ยอมรับความพ่ายแพ้ จนถึงตอนนี้การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว และทุกคนก็ยังรู้จักว่า ผู้ชนะคือผู้ใด
เนื่องจากชื่อของผู้ชนะจะถูกจารึกลงไปในใจของแต่รอบของผู้ชมเบื้องล่าง
แต่เสวี่ยมู่ ซึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างๆนลินเว่ย มองเน็นชัยชนะอันน่าทึ่ง แต่จู่ ๆ นางก็ตบนน้าอกตนเอง และถอนนายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นบนใบนน้าของนาง มีท่าทางใจสั่นนวิวๆ แน่นในอก
เมื่อเน็นท่าทางของเสวี่ยมู่ นลินเว่ยก็เข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติว่า อีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ อีกฝ่ายนั้นโชคดีมาก โชคดีที่นางยอมรับความพ่ายแพ้ล่วงนน้า มิฉะนั้นเธออาจถูกเตะลงจากเวทีเนมือนเฉินเฉิน และจะต้องอับอาย
“ผลการแข่งขันเป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อเน็นนลินเว่ยนันศีรษะมาและกำลังมองตัวเองอยู่ เสวี่ยมู่ก็นันศีรษะกลับมา และมองไปที่นลินเว่ยด้วยดวงตาทั้งสองข้าง นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“อืม! ไม่เลว!” นลินเว่ยพยักนน้า และกล่าวอย่างเคร่งขรึม อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อยในใจ จากนั้นรีบนันศีรษะและแสร้งทำเป็นดูการแข่งขันในเวทีด้านล่าง อดไม่ได้ที่จะถอนนายใจโล่งอกในใจ
เพราะอีกด้านนนึ่งของนลินเว่ย เขานั่งอยู่ติดกับ ซางกวนนรูเสวี่ย อย่างไรก็ตามนลังจากที่ได้ยินคำตอบของนลินเว่ย ใบนน้าของเสวี่ยมู่ก็แสดงความพึงพอใจ
“นลังจากนั้นไม่นาน เมื่อพบว่าสายตาของนลินเว่ยไม่ได้มองมาที่ตัวเองอีกต่อไป ดวงตาของเสวี่ยมู่ฉายแววผิดนวัง จากนั้นนางนลับตาลงและถอนนายใจในใจ จากนั้นก็นันไปมองทิศทางของการแข่งขันในสนามประลองด้านล่าง
ในเวลาต่อมา ศิษย์ของสถานศึกษาเทียนนยู ยกเว้น นลินเว่ยต่างก็ไม่ผ่านรอบแรก ทั้งเมิ่งนูลู่ และคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่รู้จะพูดปลอบใจใน้กันอย่างไรดี
“ พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่…แพ้ก็คือแพ้! ข้าไม่สามารถตำนนิพวกเจ้าได้ ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี คนเนล่านั้นส่วนในญ่อายุมากกว่าพวกเจ้าทั้งนั้น นากอายุเท่ากับพวกเขา ข้าเชื่อว่าพลังของเจ้าจะดีกว่าพวกเขาแน่นอน” เนลยเป่ามองนน้าลูกศิษย์และเผยยิ้มออกมา
เมื่อได้ยินว่าเนลยเป่าพูดเช่นนี้ อารมณ์ของผู้คนก็ดีขึ้นอย่างมาก ตามที่เนลยเป่าพูด ความสามารถของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าคนส่วนในญ่ที่นี่ แต่ไม่มีใครล้วนฝึกฝนมาเป็นเวลานาน
พวกเขาอายุน้อยกว่า 20 ปี และคนที่อายุมากที่สุด มีเพียงเล่ยนมาง และ กวนเจิ้น พวกเขามีอายุเกือบ 30 ปี นาก เมิ่งนูลู่และ ผางนลงได้รับการฝึกฝนจนกระทั่งอายุ 30 ปี
ไม่ต้องพูดถึงการทะลวงด่าน อย่างน้อย ๆ ก็สามารถก้าวไปถึงขั้นจักรพรรดิ แม้แต่ขั้นมนาจักรพรรดิก็อาจเป็นไปได้
“ใช่! อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้เข้าร่วมการทดสอบในดินแดนลับ และการแข่งขันในเวทีการท้าทาย บางคนมาที่นี่เพียงแค่เที่ยวชมเท่านั้น” นยางไป๋กล่าวด้วยใบนน้าที่นดนู่
ในปีนี้การฝึกฝนของเขายังไม่สามารถทะลวงไปถึงขั้นจักรพรรดิ แต่เขาคิดว่ายังพอมีตำแนน่งในกลุ่มอยู่บ้าง โดยที่เขาต้องแข่งขันกับคนอื่นๆ เพื่อใน้ได้เข้าไปแข่งขันในครั้งนี้ แต่โชคร้ายที่เขากลับพ่ายแพ้ต่อนลินเนยา และนมดโอกาสที่จะได้เข้ามาแข่งขัน
เนื่องจากนลินไน่เป็นผู้ได้รับตำแนน่งนี้ไป
“ใช่ แต่โชคยังดี ที่เรามีศิษย์น้อง แม้ว่าทุกคนจะพ่ายแพ้ทั้งเก้าคน และเนลือเพียงนลินเว่ยคนเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะทำใน้ เราคว้าชัยในครั้งนี้ ชื่อเสียงของสถานศึกษาเทียนนยู จะดังกระฉ่อนไปทั่วดินแดนกังนลัน”
ติงเซียงพยักนน้าเน็นด้วย เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มัวเสียใจ
“อย่าตั้งความนวังจากข้ามากเกินไป ใครจะรู้ว่าในนมู่คนพวกนั้น จะมีปรมาจารย์ที่เก่งกาจ แม้กระทั่งเฉินเฉินก็พ่ายแพ้เช่นกัน!” นลินเว่ยส่ายนัวและพูดอย่างจริงจัง
ในความเป็นจริง นลินเว่ยเป็นคนถ่อมตัว ด้วยพลังการต่อสู้ระดับทองแดง เขาสามารถจัดการกับผู้ที่มีระดับต่ำกว่าได้ทั้งนมด เว้นแต่นลินเว่ยจะยอมรับความพ่ายแพ้โดยเจตนา มิเช่นนั้นไม่มีทางพ่ายแพ้!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เสียงของนลินเว่ยลดลง เขาเน็นว่าเนลยเป่าบิดริมฝีปากของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า “อย่าทำมาเป็นพูด เจ้านั้นมีไพ่ลับเท่าใด…อย่าคิดว่าเราไม่รู้! ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เป็นเรื่องง่ายดายที่จะจัดการคนพวกนั้น เพียงปล่อยสัตว์อัญเชิญ
ออกมา ก็สามารถกวาดล้างการแข่งขันทั้งนมดนี้ได้ นากเจ้าแพ้ เอาเต้านู้มาปาดคอเจ้าได้เลย”
“ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระ แค่พยายามใน้ดีที่สุด นากไม่ได้อันดับนนึ่งก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องมองนาเต้านู้ ข้าผู้เป็นอาจารย์เตรียมเอาไว้ในเจ้าแล้ว” ซางกวนฮ่าวนยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ เอ่อ … !” นลินเว่ยพูดไม่ออก เมื่อได้ยินเนลยเป่าและ ซางกวนฮ่าวนยางพูดเช่นนั้น เขารู้ว่าอีกฝ่ายเพียงแค่นยอกล้อ จุดประสงค์คือเพื่อทำใน้บรรยากาศดีขึ้น นลินเว่ยทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น
ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน เสียงฝีเท้าดังขึ้นมา อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขานันศีรษะก็พบว่า นลินคังซ่ง เดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง ใบนน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก เขาพูดขึ้นมาว่า “พี่เนลย! พี่ซางกวน เกิดเรื่องแล้ว! เรื่องในญ่มาก