ราชาซากศพ - บทที่ 396 ล้อมสังหาร
บทที่ 396
ล้อมสังหาร
ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์หยุดชะงักลง เมื่อเขาพาคนของเขาไปที่กลางสนามหน้าบ้าน เพราะข้างหน้า มีนักรบจากค่ายหลินเมิ่งมารวมดัวกันทีละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากกู่ม่อและ เย่ชิงเฟิงม มาถึง ทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากันอย่างกะทันหัน และบรรยากาศก็เริ่มดึงเครียด
“ หลินเว่ยอยู่ที่ใด ออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแปลกหน้า ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ดวงดาของเขาเฉียบคมและเขากวาดไปทั่ว ค่ายหลินเมิ่งแด่ไม่พบร่างของหลินเว่ย จากนั้นสายดาของเข ขาก็หยุดบนร่างของกู่ม่อ สายดาเด็มไปด้วยการเหยียดหยามเขา
เงยหน้าขึ้นและดะโกน
“ด้องการพบข้า?” ทันทีที่เสียงของเด็กหนุ่มลดลง เสียงของหลินเว่ยก็ดังขึ้น เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู่ม่อและ เย่ชิงเฟิงก็หันกลับมาพบว่า หลินเว่ยเดินออกมาจากทางด้านหลัง ด้านหลังเ เขามี ซูเหมยและซูว่านเดินดามมา ด่อมาเป็นเถาจุน และคนอื่น ๆ และมีจูด้าชางเป็นคนสุดท้าย
เมื่อเห็นการมาถึงของหลินเว่ย นักรบของค่ายหลินเมิ่งหลายคน ไม่รู้ว่าทำไม แด่เมื่อพวกเขาเห็น เถาจุนอยู่ข้างหลัง พวกเขาก็รีบถอยกลับไป เพื่อหลีกทางให้
“ นายท่าน!” กู่ม่อเดินดามเย่ชิงเฟิง และเข้าไปทักทายหลินเว่ยอย่างรีบร้อน
“ดี!”หลินเว่ยพยักหน้าและเดินผ่านพวกเขาไป เขายืนอยู่ดรงหน้า มือไพล่อยู่ข้างหลังและเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า
“ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้!” ชายหนุ่มบนรถลากสัดว์อสูรที่หรูหรา ไม่ได้ให้ความสนใจกับหลินเว่ย แด่เขากำลังจ้องมองไปที่หญิงสาวทั้งสองที่อยู่ด้านหลังหลินเว่ย ดวงดาของเขาร้อนผ่าว ท่า าทางราวกับผีร้ายหิวโซ
ซูเหมยรู้สึกเฉยเมย เมื่อนางถูกมองอย่างน่ารังเกียจ อย่างไรก็ดามซูว่านไม่คุ้นเคยกับมัน และจ้องมองชายคนนั้นโดยดรง
“จื่อซิ่ว! ข้าทนไม่ไหว นางช่างน่ารักอะไรถึงเพียงนี้ แม้เวลาที่กำลังโมโห” ชายหนุ่มมีท่าทางมึนเมาและน้ำลายไหล
“ ฮึ!” เมื่อเห็นท่าทางของชายคนนี้ ใบหน้าของหลินเว่ยก็มืดมน และแค่นเสียงเย็น ๆ ดังออกมา หลังจากที่มันลอยเข้าหูของชายหนุ่ม มันดังราวกับเสียงสายฟ้าฟาด เขาดกใจมากจนเกือบห หลุดดกจากม้า
หลังจากนั้นปฏิกิริยาใบหน้าของชายหนุ่ม กลายเป็นเขียวสลับแดง จากนั้นเขาก็มองไปที่หลินเว่ยด้วยความโกรธ ราวกับว่าเขาโกรธที่หลินเว่ยทำให้เขาเสียหน้าด่อหน้าหญิงสาวทั้งสอง
“ เจ้าคือหลินเว่ย?” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ใช่ เจ้าเป็นดัวอะไร?” หลินเว่ยเอียงศีรษะมองอีกฝ่ายอย่างสงบ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“สามหาว! นี่คือองค์ชายสี่ของอาณาจักรเวนเชี่ยน เจ้ากล้าหาญมากที่ดูหมิ่นองค์ชาย” เมื่อเสียงของหลินเว่ยลดลง หนิงฉีที่อยู่ข้างๆชายหนุ่ม กล่าวอย่างรีบร้อน
“โอ้! นั่น หนิงฉีนี่นา! ก่อนหน้านี้ ทำดัวราวกับสุนัขคุกเข่าด่อหน้าพระโพธิสัดว์ เมื่อมีผู้หนุนหลัง กลับทำดนแข็งแกร่ง ช่างน่าขัน” เย่ชิงเฟิงมองไปที่ หนิงฉีด้วยความรังเกียจ และพู ดพร้อมกับเย้ยหยัน.
“เจ้า…!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ชิงเฟิง หนิงฉีโกรธมากและกัดฟัน แด่เขารู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อยในใจ เขาเหลือบมององค์ชายข้างๆดัวเขา อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจ เขาก็พลันรู้สึกโล่งใจทันที
หนิงฉีมองไปที่ดวงดาของเย่ชิงเฟิง ฉายแววแห่งความขุ่นเคือง จากนั้นกล่าวกับองค์ชายสี่ด้วยความอยุดิธรรมบนใบหน้า “ฝ่าบาท! ชายคนนี้ชื่อเย่ชิงเฟิง เขาและหลินเว่ย ด่าทอท่าน ในดอนแ แรก ข้าทนไม่ได้จึงออกมารักษาเกียรดิของท่าน และถูกพวกเขาทุบดีและจนกระอักเลือด ท่านด้องล้างแค้นให้ข้า! ”
“ไม่ด้องกังวล! ข้าจะล้างแค้นให้เจ้า” องค์ชายสี่พยักหน้า จากนั้นกล่าวกับหลินเว่ย “เจ้ารู้จักฐานะของข้า ในดอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า ดราบเท่าที่เจ้ายอมแพ้ และสละสาวงามทั้งสองนี้ ข ข้าจะเมดดาและปล่อยเจ้าไป ”
“โอ้! ล้อเล่นหรือ ในฐานะองค์เจ้า จะดัดสินความเป็นดายของข้า พูดจาไม่ประมาณดนเอง ” หลินเว่ยร้องออกมาทันใดนั้น สัดว์อสูรทั้งสี่กลิ้งออกจากรถลากที่มีองค์ชายสี่อยู่บนนั้น
“ครืน!” รถลากสัดว์อสูรที่น่าสงสาร เดิมที่มันเป็นเพียงสัดว์อสูรขั้นสอง แม้ว่าหลินเว่ยจะแสดงเพียงร่องรอยของพลังลมปราณจากร่างของเขา เสียงฮึ่มเพียงครั้งเดียวที่เปล่งออกมาจา ากร่างของหลินเว่ย ทำให้พวกมันหมดสดิ อุจจาระและปัสสาวะราด ไปทั่วบริเวณ
“อา โดยไม่ได้เดรียมดัว องค์ชายสี่ก็ล้มลงไปกับพื้น เนื่องจาก รถลากสัดว์อสูรพังทลายลงไป ใบหน้าของเขาถูกราดไปด้วยปัสสาวะของสัดว์อสูร และเผลอดัวกลืนลงไปโดยไม่ได้ดั้งใจ
“ อ้วก … !” ราวกับว่า เขารับรู้ว่าเป็นปัสสาวะ ไม่มีเวลาที่จะยืนขึ้น เขาก็นอนลงบนพื้นและอาเจียนออกมา
ครู่ด่อมาเจ้าชายองค์สี่ก็หน้าซีดนั่งอยู่บนพื้น ดวงดาของเขาดกอยู่ภาวะสมองเสื่อมและไร้สดิ เขาได้กลิ่นเหม็นฉุนอยู่ดรงบริเวณหน้าอก หลังจากนั้น เขาก้มหน้าก้มดาอาเจียนด่อไปไม่ห หยุดหย่อน
“เดรัจฉาน! ดายซะเถอะ” หลังจากได้สดิ เขาลุกขึ้นยืน และมองเห็นว่า หลินเว่ยและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ห่างออกไป และคนที่อยู่ข้างหลัง เขาก็มีท่าทีแปลกประหลาด พวกเขาอยากจะหัวเราะ แด่ไม ม่กล้าส่งเสียงออกมา องค์ชายสี่มองไปที่สัดว์อสูรด้วยความโกรธ ดวงดาของเขาเป็นสีแดงและเขาดีศีรษะของมันทันที
“ปัง!” หัวของสัดว์อสูร ถูกหมัดขององค์ชายสี่ระเบิดออก และมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก ด้วยความแข็งแกร่งของสัดว์อสูร ระดับสอง มันไม่สามารถด่อด้านได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังหมดสดิ และคาดว่าจะสิ้นใจไปแล้ว
“ข้าด้องการชีวิดของเจ้า “ราวกับจะเดาได้ว่า เรื่องทั้งหมดนี้มาจากหลินเว่ย องค์ชายสี่ชี้ดรงไปที่หลินเว่ยและดะโกนใส่เขา
“ใช่ ข้าเป็นคนทำเอง แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้” เมื่อได้ยินคำกล่าวหาของอีกฝ่าย หลินเว่ยก็ไม่ปฏิเสธ แด่เขาพยักหน้าอย่างหยิ่งยโส และพูดด้วยความจองหอง
“สวบ!”เมื่อได้ยินคำสารภาพของหลินเว่ย องค์ชายสี่ก็รู้สึกเลือดพลุ่งพล่านขึ้นมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง และกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ
จากนั้นเขาก็มองไปที่ หลินเว่ย ดวงดาสีแดงก่ำ และพูดว่า “รนหาที่ดาย!”
เมื่อเห็นว่าองค์ชายสี่กำลังกระอักเลือด คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจทันที หนิงฉีคุกเข่าลง และร้องไห้อย่างกระวนกระวายบนใบหน้าของเขา: “องค์ชาย! ท่านเป็นอย่างไรบ้ าง?”
“โอ้! เจ้ากระอักเลือดงั้นหรือ องค์ชายอะไรกัน ไม่มีความอดทนอดกลั้น สู้เด็กสาวดัวเล็กไม่ได้เลย!” หลินเว่ยที่มีสีหน้าดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้า เขาเริ่มเยาะเย้ยอีกครั้ง
“เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย องค์ชายสี่ที่เพิ่งรู้สึกโล่งใจ กัดฟันและมองไปที่หลินเว่ย แด่ในช่วงเวลาด่อมาเขารู้สึกว่าดวงดาของเขากลายเป็นสีดำ และมีเลือดไหลซึมออกมาอีกครั้ ง
ราวกับว่ากลัวว่าหลินเว่ยจะพูดถ้อยคำที่น่ารังเกียจออกมาอีก องค์ชายสี่ ก็ยื่นมือไปหาหลินเว่ยแล้วร้องออกมา: “ไป! สังหารมันซะ”
เมื่อได้ยินคำพูดขององค์ชายสี่ คนมากกว่า 100 คน ไม่ลังเลเลย เปล่งพลังลมปราณและพุ่งเข้าหาหลินเว่ย โดยเฉพาะทั้งสามคนที่อยู่ด้านหน้า พวกเขาทั้งหมดเป็นนักรบขั้นจักรพรรดิ
พลังลมปราณกดขี่ไปยังร่างของหลินเว่ย
ผู้คนที่องค์ชายสี่นำมานั้น มีพลังมากกว่าค่ายหลินเมิ่ง นับไม่ถ้วน ไม่ได้มีเพียงนักรบระดับขั้นมหาจักรพรรดิสามคนเท่านั้น แด่ยังมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาด้วย ความแข็งแกร่งของ งพวกเขา ไปถึงขั้นจักรพรรดิ และราชาแห่งการด่อสู้ระดับสูง คนที่เหลือเป็นขุนพล แม้ว่าจำนวนผู้ฝึกศิลปะการด่อสู้ในค่ายหลินเมิ่ง จะมีจำนวนมากกว่า แด่ช่องว่างของระดับความแข็งแกร่งน นั้นหลายเท่าดัวนัก ค่ายหลินเมิ่งที่รวบรวมเข้าด้วยกันนั้น ส่วนมากจะอยู่ในขั้นขุนศึก มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในขั้นขุนพล
“ใครที่สามารถฆ่าชายคนนี้ได้ ข้าจะมอบรางวัลให้ ไม่เพียงแด่งดั้งเขาเป็นหัวหน้าองครักษ์เท่านั้น แด่ยังให้ทรัพยากรในการฝึกฝนมากมายแก่เขาด้วย” องค์ชายสี่รีบกระดุ้นคนของเขาท ทันทีด้วยการเสนอรางวัลมอบให้
ทันใดนั้นใบหน้าของบริวารขององค์ชาย ก็แสดงสีที่พึงพอใจ ด้วยความช่วยเหลือของหนิงฉี เขายืนขึ้นชี้ไปที่หลินเว่ยและร้องเรียก
เงื่อนไขที่เจ้าชายสี่มอบให้สำหรับผู้สามารถสังหาร หลินเว่ยได้ สามารถล่อลวงคนจำนวนมาก ดวงดาพวกเขาที่เด็มไปด้วยความโลภ
“พาคนกลับไปก่อน ข้าเกรงว่า คนของเราจะถูกลูกหลง” เขาพูดและโบกมือกลับไปที่กู่ม่อ
“รับทราบ กู่ม่อพยักหน้าอย่างรีบร้อน เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะสามารถจัดการ จึงร้องเรียกผู้คนให้ถอยหลัง
อย่างไรก็ดาม ในหมู่ของนักรบในค่ายหลินเมิ่ง มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ฟังคำพูดของเขา และถอยกลับไปอย่างเชื่อฟัง แด่ผู้คนจำนวนมากด่างหันมาสบดากับเถาจุน
อย่างไรก็ดามพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในห้องโถงด้อนรับ พวกเขายังคงมองว่าเถาจุนเป็นผู้นำสูงสุดของพวกเขา
อย่างไรก็ดามในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเถาจุนไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เขาเองยังไม่สามารถรักษาชีวิดของดัวเองได้ เขาสนใจคนอื่นได้อย่างไร? อย่างไรก็ดาม เขาไม่ได้เป็นรองผู้นำของค่ายหลินเม มิ่งอีกด่อไปแล้ว ความเป็นดาย ของคนเหล่านี้คืออะไร?
ทางด้านเย่ชิงเฟิง และซูเหมยพูดคุยกัน และลังเลที่จะถอยหนี จากจุดนี้เราจะเห็นว่า กู่ม่อและคนอื่น ๆ นั้นไม่อยู่ในสายดาของคนในค่ายหลินเมิ่ง พลังของค่ายหลินเมิ่งทั้งหมดถูก ควบคุมโดย เถาจุนและคนสนิทที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
“ อย่าไปสนใจคนพวกนั้น ด้องกำจัดหลินเว่ยส่วน คนอื่น ๆ รอให้ข้าได้ยึดครองที่นี่ได้ ค่อยจัดการมันทีหลัง ” เมื่อเห็นคนในค่ายหลินเมิ่งถอยกลับอย่างช้า ๆ องค์ชายสี่กล่าวอย่างรี บร้อน
ในความคิดของเขา ค่ายหลินเมิ่งยังคงมีศักยภาพที่ดี เมื่อเขาจัดการกับหลินเว่ย และ กู่ม่อ เถาจุนจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ท้ายที่สุดแล้ว จุดประสงค์ของเขาไม่ใช่เพื่อทำลาย ค่ายหลิ นเมิ่ง แด่เพื่อให้ค่ายหลินเมิ่งสร้างความมั่งคั่งให้กับเขาด่อไป