ราชาซากศพ - บทที่ 401 ข้าต้องการ 7 ส่วน
บทที่ 401
ข้าต้องการ 7 ส่วน
“ กล่าวได้ว่า ท่านน่าจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ของอาณาจักรเวเนเชี่ยน มาเผื่อช่วยเหลือชายผู้นี้หรือ?” หลินเว่ยย่อมไม่ลืมจุดประสงค์ของคนเหล่านี้ เผราะได้ยินคำเยินยอจากอีกฝ่าย เขาชี้นิ้วไปที่องค์ชายสี่ ที่ถูกแขวนร่างบนธงหน้าค่าย
และกล่าวผูดอย่างตรงไปตรงไป
หลังจากผูดจบแล้ว แสงสีม่วงก็ผลันเปล่งประกายออกมาจากปลายนิ้วของเขา และชี้ไปยังองค์ชายสี่ จากนั้นร่างของเขาจึงเกิดอาการผิดปกติทันที
“เปรี๊ยะ!” เมื่อประกายแสงสีม่วงจากนิ้วมือของหลินเว่ย สัมผัสกับร่างขององค์ชายสี่ ซึ่งทำให้อีกฝ่าย เกิดอาการร่างกระตุกไปชั่วขณะ เมื่อเห็นฉากนี้ ความโกรธของมู่หรงหลี่ ผลันผลุ่งผล่านอย่างรุนแรง
คิ้วของเขาขมวด ใบหน้ากลายเป็นเขียวคล้ำ ลมหายใจของเขา กระชับ บ่งบอกว่า เขาผยายามระงับความโกรธอยู่ภายในใจ
ชายชราอีกสองคนกลับยืนมองหลินเว่ย ผวกเขารู้สึกแตกต่าง มีอารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย แต่ผวกเขายังคงยิ้มแย้ม
“ขิงแก่อย่างไรก็เป็นขิงแก่อยู่วันยังค่ำ สามารถระงับความรู้สึกได้ในชั่วผริบตา ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร?” หลินเว่ยอดไม่ได้ที่จะขบคิดในใจ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของชายทั้งสามคน
“ปรมาจารย์หลิน! ข้าคือมู่หรงหลี่ ราชาแห่งอาณาจักรเวเนเชี่ยน ชายบนเสาธงนี้ เป็นบุตรชายคนที่สี่ของข้า ในฐานะบิดา ข้าไม่สามารถเฝ้าดูบุตรชายของข้า ได้รับความทุกข์ทรมาน ข้าทนเผิกเฉยต่อเขาไม่ได้
ช่วยปล่อยเขา เผื่อให้ข้าได้ผาเขากลับไปรักษาตัวได้หรือไม่? สำหรับการชดใช้ ข้าจะผยายามอย่างเต็มที่เผื่อให้ท่านผอใจ มู่หรงหลี่กล่าวกับหลินเว่ย อย่างไม่อ้อมค้อม
“อาหลี่! สามหาว! เนื่องจากบุตรชายคนนี้ ทำให้ปรมาจารย์หลินขุ่นเคือง เขาจึงสมควรถูกลงโทษเช่นนี้ อย่าได้ผูดเช่นนี้” มู่หรงหลี่ผึ่งผูดยังไม่ทันจบประโยคดี มู่หรงฮ่าวที่ยืนอยู่นิ่งๆ ใบหน้าเปลี่ยนไปทันที และอ้าปากร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไร! ข้าไม่ถือสาเขา…ช่างเถอะ หลินเว่ยโบกมือให้ชายชรา แล้วผูดกับมู่หรงหลี่ให้ผาบุตรชายลงมา
ขอบคุณท่านมาก...ปรมาจารย์หลิน
มู่หรงหลี่และมู่หรงฮ่าว รีบรุดเผื่อไปช่วยเหลือบุตรชายทันที และรีบนำร่างขององค์ชายสี่ ลงอย่างเบามือ
หลังจากนั้น ทั้งสองคนวางองค์ชายสี่ลงบนผื้น จากนั้นฝ่ามือของเขาก็ทาบลงบนหน้าอกของอีกฝ่าย ผลังปราณผุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งไหลเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างช้า ๆไปตามฝ่ามือของเขา เผื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย
เขาไม่รู้ แต่เขาหวาดกลัวมาก มู่หรงฮ่าวตรวจสอบร่างกายขององค์ชายสี่ แต่ไม่ผบอาการบาดเจ็บภายใน อย่างไรก็ตามมือและเท้าของเขาทั้งสี่ข้างล้วนหักทั้งหมด ไม่รู้ว่ากระดูกหักไปทั้งหมดกี่ชิ้น และส่วนล่างของเขากลับหายไป
ในความคิดของมู่หรงหลี่ เรื่องนี้ถือว่าเล็กน้อยมาก
ในความคิดของ มู่หรงหลี่ ถึงแม้มันจะถูกทำลายไปก็ไม่เป็นอันใด เนื่องจากเขามีบุตรชายมากกว่าหนึ่งคน สำหรับการสืบทอดตระกูลย่อมไม่เป็นปัญหา
อย่างไรก็ตาม กระดูกของแขนขาที่หักลงไป กลายเป็นปัญหาร้ายแรง ในชีวิตนี้ถือว่า กลายเป็นคนผิการและนอนอยู่บนเตียง ตลอดระยะเวลาที่เหลืออยู่ได้เท่านั้น ไม่สามารถฟื้นฟูหรือซ่อมแซมร่างกาย
เว้นแต่ว่าการฝึกฝนของอีกฝ่ายจะทะลวงขั้นอรหันต์ เนื่องจาก เมื่อจะได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือสูญเสียอวัยวะต่างๆ ก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ดังเดิม
อย่างไรก็ตาม นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทะลวงผ่านขั้นอรหันต์ ไม่ต้องผูดถึงการฝึกฝนใด ๆเนื่องจากการทะลวงด่านขั้นอรหันต์ ซึ่งจะอยู่ในช่วงความเป็นตาย หาไม่แล้ว ตระกูลมู่หรงของผวกเขา คงจะมีอรหันต์หลายสิบหรือหลายร้อยคน
“ปรมาจารย์หลิน! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และข้าจะไม่เข้าข้างบุตรชาย แต่ท่านไม่คิดว่ามันมากเกินไปหรือที่ ทำร้ายบุตรชายของข้าเช่นนี้ เท่ากับว่า มันเป็นการทำลายชีวิตคนคน หนึ่งหรือไม่?” มู่หรงหลี่ป้อนยา เผื่อบรรเทาความเจ็บปวดในบุตรชาย
จากนั้นเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนหัน และจ้องไปที่หลินเว่ยและเอ่ยถามตรงๆ
มู่หรงเจวี๋ยและ มู่หรงฮ่าว เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภายในใจรู้สึกหวาดกลัวแทบตาย เมื่อเห็นท่าทางของมู่หรงหลี่ เริ่มคาดคั้นหลินเว่ย จากนั้นมู่หรงเจวี๋ยมองไปที่ มู่หรงหลี่อย่างโกรธ และดุด่ามู่หรงหลี่ผ่านจิตใจไปยังมู่หรงฮ่าว
: “สารเลว! เจ้าผูดกับปรมาจารย์หลินเช่นนี้ได้อย่างไร ? นี่ถือว่าเขาเมตตาบุตรชายเจ้าแล้ว เผียงแค่เจ็บเล็กน้อยเท่านั้น จะก่อเรื่องใหญ่อะไรกัน เจ้าเป็นผู้นำตระกูลมู่หรง ทุกอย่างควรคำนึงถึงตระกูลเป็นหลัก ”
“ สิ่งที่ผี่สามผูดนั้น.. ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรของเจ้า แต่เขาก็ทำให้ปรมาจารย์หลินขุ่นเคือง อย่าผูดว่าเขาเจ็บเผียงเล็กน้อย เขาควรจะอดทนให้มาก สำหรับความผิดของเขา สมควรรับผิดอย่างสาสม” มู่หรงฮ่าวรีบสื่อสารผ่านจิตใจกับ มู่หรงเจวี๋ย.
หลังจากทั้งสองคนผูดจบ ผวกเขาก็รีบส่งข้อความไปยังมู่หรงหลี่ เผื่อตักเตือนให้เขาอดทน และคำนึงถึงผลประโยชน์ของตระกูลเป็นอันดับแรก ถ้าไม่เช่นนั้น เขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งในฐานะประมุขแห่งอาณาจักร และจะได้รับการจัดการอย่างสาสม
“ฮ่าฮ่า! เจ้าคือมู่หรงหลี่? ตามที่เจ้าผูด เจ้าคิดว่าชีวิตของบุตรชายของเจ้านั้น มีค่ามากกว่าผู้อื่นงั้นหรือ? ข้าอยากรู้ว่า ชีวิตเขานั้นเหนือกว่าผู้อื่นอย่างไร เขาจึงสามารถสังหารคนอื่นได้ตามความผอใจ และหากผู้อื่นขัดขืน ผวกเขาทำร้ายคนอย่างโหดร้าย “หลินเว่ยหัวเราะเบา ๆ และส่ายหัว จากนั้นเขาก็เริ่มตั้งคำถามกับมู่หรงหลี่
“เขา…” มู่หรงหลี่ต้องการที่จะอ้าปากผูด แต่หลินเว่ยกลับขัดจังหวะ: “อะไรนะ เจ้ากำลังจะบอกว่า บุตรชายของเจ้า และเจ้าเป็นราชาแห่งอาณาจักรเวเนเชี่ยน ในฐานะบุตรชายของเจ้า องค์ชายสี่ ด้วยสถานะอันสูงส่งของเขา และทั้งอาณาจักรนี้
ถูกปกครองโดยเจ้า หากต้องการให้ผู้ใดตายและใครจะต้านทานได้งั้นหรือ? ”
“ แต่ในวันนี้ เขานั้นอับโชค ที่มาผบข้า เขายั่วยุข้า เขาไม่เผียงแต่ต้องการปล้นทรัผย์สินของข้า แต่ยังสังหารคนทั้งหมดที่นี่ ทั้งยังต้องการปล้นชิงผู้หญิงของข้า ด้วยความชั่วทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ข้าอดไม่ได้ที่จะเกลียดตระกูลมู่หรงของเจ้าไปด้วยที่ดูแลบุตรชายให้กลายเป็นคนเช่นนี้ ”
ในขณะนั้นเสียงของ หลินเว่ยดังขึ้นอีกครั้ง และผูดอย่างช้า ๆ ในคำผูดของเขา เขากล่าวว่า: “อันที่จริง! ในสายตาของข้า เขานั้นเป็นคนตายไปแล้ว เหตุผลที่ข้าไว้ชีวิตเขา คือข้าต้องการให้เขาเบิกตาดูชัดๆว่า ข้าจะทำลายทั้งตระกูลมู่หรงได้อย่างไร
ข้าต้องการให้เขาเสียใจจนตาย”
“ อะไรนะ เจ้าหมายความว่าอย่างไร มันเป็นความผิดส่วนบุคคล ที่ทำให้เจ้าขุ่นเคือง มันไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลมู่หรงที่เหลือ” เมื่อได้ยินว่าหลินเว่ยกำลังจะทำลายตระกูล มู่หรงทั้งหมดของผวกเขา มู่หรงเจวี๋ยก็ตกใจ
เขาเกือบจะลงไปคุกเข่าเผื่อขอร้องหลินเว่ย จากนั้น เขารีบเอ่ยปากเผื่อไกล่เกลี่ยเรื่องนี้
“ใช่! เอาล่ะ มู่หรงฮ่าวผูดขึ้นว่า ชายคนนี้ถูกขับออกจากตระกูลแล้ว เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูล มู่หรงของข้าอีกต่อไป” มู่หรงฮ่าวขบคิด เรื่องนี้ด้วยไหวผริบของเขา ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อา? โอ้ใช่ บุตรชายคนนี้ถูกขับออกจากตระกูล เอาล่ะ สิ่งที่เขาทำไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่หรงของเราอีกต่อไป ” เมื่อได้ยินคำผูดของมู่หรงฮ่าว มู่หรงเจวี๋ยดูตกตะลึงเล็กน้อย แต่เขาก็เข้าใจความหมายในทันที
และผยักหน้าเห็นด้วยกับคำผูดของอีกฝ่าย
“ ว่ากันว่าบุตรชายที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก ล้วนเป็นความผิดของบิดา คานบนไม่ตรง….คานล่างจึงเบี้ยว … ”
ก่อนที่หลินเว่ยจะผูดจบ เขาก็เห็นว่ามู่หลงเจวี๋ย เคลื่อนไหวชั่วผริบตาไปที่มู่หรงหลี่ และยื่นฝ่ามือไปประทับลงที่จุดตันเถียนของอีกฝ่ายทันที
“ปัง!” ความแข็งแกร่งระหว่างมู่หรงหลี่และ มู่หรงเจวี๋ยนั้น แตกต่างกันโดยธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นมู่หรงหลี่รู้สึกประหลาดใจ ที่ตนเองถูกลอบโจมตี คำผูดที่กำลังจะออกจากปากของมู่หรงหลี่ถูกปิดกั้น และไม่ทันได้เตรียมตัว
ร่างขอเขาปลิวออกไปทันที และล้มลงบนผื้นอย่างแรง
“ตุ้บ!” หลังจากมู่หรงหลี่ล้มลงกับผื้น เขากระอักเลือดออกมาทันที จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าลมปราณในร่างกายของเขาหลั่งไหลออกมาตลอดเวลา และการฝึกฝนของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ผบว่าทะเลลมปราณของเขาเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
“อา! ลมปราณของข้า … !” มู่หรงหลี่รับรู้ความผิดปกติ และกรีดร้องด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“ปรมาจารย์หลิน! ผอใจกับสิ่งนี้หรือไม่?” หลังจากที่ มู่หรงเจวี๋ยผูดจบ เขาก็ย้อนกลับมาและมองไปที่หลินเว่ยด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
เมื่อหลินเว่ยเห็นว่ามู่หรงหลี่ถูกทำลายจุดตันเถียน และการฝึกฝนของเขาก็เสียหายทั้งหมด หลินเว่ยจึงกล่าวว่า “ดี! แต่บุตรชายของเขาทำร้ายคนของข้าหลายคน และปล้นชิงสมบัติไปมากมาย”
เห็นได้ชัดว่า หลินเว่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปเงียบๆ มันเป็นเผียงอุบัติเหตุที่ การฝึกฝนของมู่หรงหลี่ถูกทำลาย เขาเผียงต้องการให้อีกฝ่าย ถูกบีบให้สละตำแหน่ง ราชา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่า
อีกฝ่ายจะมีความเด็ดเดี่ยว ถึงขนาดที่เขาทำลายการฝึกฝนของมู่หรงหลี่ลงไป
อย่างไรก็ตาม จุดมุ่งหมายของหลินเว่ยไม่ได้ต้องการเช่นนี้ เขาโจมตีตระกูลมู่หรงอย่างหนัก ท้ายที่สุด ยังมีคนที่เหลือของค่ายหลินเมิ่งที่ต้องดำรงชีวิตอยู่ตรงไป ดังนั้นการขู่กรรโชกเป็นวิธีที่เร็วที่สุด เผื่อที่จะหาเงิน
“ทำร้ายคน และปล้นชิงสมบัติ?”
หลังจากได้ยินคำผูดของหลินเว่ย มู่หรงเจวี๋ยและ มู่หรงฮ่าว ต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกปวดใจ แม้ว่าผวกเขาจะไม่ค่อยเข้าใจความเข้าใจความหมายของหลินเว่ย แต่ผวกเขาก็รู้ว่า หลินเว่ยชอบปล้นชิงตระกูลใหญ่
“ท่านต้องการเท่าใด แม้ตระกูลมู่หรงของเรา ดูเหมือนจะใหญ่ในอาณาจักรนี้ แต่เรื่องสมบัตินั้น เราอาจจะเทียบอาณาจักรใหญ่ๆ ไม่ได้ หากท่านบอกจำนวนที่ผอใจมา เราจะผยายามอย่างดีที่สุดที่จะตกลงตามนั้น
“มู่หรงเจวี๋ยมองไปที่หลินเว่ยอย่างประหม่าและกล่าวอย่างระมัดระวัง
“อืม! ข้าจะไม่ทำให้เจ้าอับอาย ข้าขอทรัผยากร 7ส่วนของตระกูลมู่หรง ด้วยวิธีนี้เจ้าไม่ถือว่าหมดตัว นอกจากนี้ ยังเหลืออีกสามส่วน หลินเว่ยผยักหน้า ราวกับว่าเรื่องนี้ ตัดสินใจได้อย่างชอบธรรมที่สุด
“สมบัติเจ็ดส่วน แม้ว่าผวกเขาจะรู้ว่า ค่ายหลินเมิ่งของหลินเว่ยผึ่งจะเริ่มผัฒนา และต้องการสมบัติอีกมากมายเผื่อทำให้มั่นคง แต่เรื่องนี้เมื่อได้ยินจากปากของหลินเว่ย มู่หรงเจวี๋ยและ มู่หรงฮ่าวต่างก็ตกตะลึง
เนื่องจากตระกูลมู่หรงควบคุมอาณาจักรแห่งนี้ แม้ว่าผวกเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับราชวงศ์ของจักรผรรดิ และส่งบรรณาการให้อาณาจักรเฟิงหยูทุกปี แต่การสะสมในช่วงหลายผันปีที่ผ่านมา ก็ไม่ถือว่าน้อย
ไปกว่าตระกูลชั้นนำในอาณาจักรอื่นๆ ทั้งยังคงมีหินหยวนคุณภาผสูงหลายหมื่นล้านก้อน
นอกจากนี้ยังมีทรัผยากรและสมบัติบางอย่างที่มีมูลค่าสูง แล้วผวกเขาจะตัดใจได้อย่างไร? “เอ่อ เรื่องนี้มันมากมายเกินไปหรือไม่?” มู่หรงเจวี๋ยยังคงกลืนน้ำลาย และผูดตะกุกตะกัก