ราชาซากศพ - บทที่ 414 ต้นไม้แห่งชีวิต
บทที่ 414
ต้นไม้แห่งชีวิต
“ เจ้าพร้อมหรือไม่ รีบตัดสินใจยอมจำนนซะ…ความอดทนข้านั้นมีจำกัด เจ้าควรขบคิดให้รอบคอบ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนลงไป “เคจมองไปที่ซีเลีย และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สำหรับคำพูดของเคจ ราชินีภูตวิญญาณนำคฑาในมือของนาง ชูขึ้นสูง ลำแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ ปกคลุมทั้งร่างของนาง จากนั้นลมปราณของนางก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้น
หลินเว่ยรู้สึกได้ว่า การฝึกฝนของนางไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้นอย่างเดียว ยังรวมถึงความเข้าใจในพลังของสวรรค์และโลกอีกด้วย
ความเข้าใจในพลังสวรรค์และโลกของราชินีภูตวิญญาณเกี่ยวกับขอบเขตแห่งการรู้แจ้ง แต่เดิมมีเพียง 50% แล้ว ในขณะนี้พลังค่อยเพิ่มมากขึ้น และเป็นไปได้ว่า มันจะเพิ่มขึ้นและสามารถทำให้นางทะลวงผ่านขั้นทองแดงได้
ตอนนี้ความเข้าใจของนางเกี่ยวกับขอบเขตแห่งการรู้แจ้ง ได้ทะลวงขอบเขตเดิมของนาง และเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อยู่ที่ประมาณยังไม่ถึง 80% จากนั้นการฝึกฝนของนางก็หยุดลงที่ ขั้นทองแดงระดับสอง
ในตอนนี้ระดับพลังของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ จะเป็นเพียงขั้นทองแดงระดับสาม และพลังของมันถูกแบ่งออกเป็นพลังงานบางส่วน เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนพลังให้ราชินีภูตวิญญาณ สามารถทะลวงขั้นเงินได้
และขอบเขตแห่งการรู้แจ้งก็ค่อยเพิ่มพูนขึ้น ตามระดับการฝึกฝนที่เพิ่มขึ้นชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ช่วงชีวิตที่ยาวนานของพวกเขานั้น มนุษย์ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ แม้แต่จินหยูเองก็ไม่รู้ว่ามีขีดจำกัดของช่วงชีวิตมากเพียงใด ราวกับว่ามันเป็นอมตะและอยู่ยงคงกระพัน
“พลังขอบเขตแห่งการรู้แจ้งอยู่ที่ 80% และการฝึกฝนของราชินีภูตวิญญาณ และภูตวิญญาณสาวทั้งสองนั้น ยังคงตามหลังเคจอยู่มาก” หลินเว่ยส่ายหัว คิดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้ได้อย่างสูสี
“นั่นเป็นทางเลือกของเจ้าหรือ ? ข้าควรบอกว่าเจ้านั้นโง่ งมมาก แต่ช่างเถอะ เจ้าทำลายความหวังสุดท้ายของเจ้าไปแล้ว เพื่อเป็นการลงโทษ ข้าจะสังหารเจ้าและใช้เวลาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น” เคจส่ายหัวและพูดอย่างเสียใจ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความน่าขนลุก
“หุบปากและลงนรกไปซะ” หลังจากได้ยินคำพูดของเคจ ใบหน้าของราชินีภูตวิญญาณแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา และหัวใจของนางเต็มไปความดุร้าย
ทันทีที่พูดจบ ต้นไม้ใหญ่เบื้องหลังของนาง เริ่มดูดซับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์แล้วมาบรรจบกันที่ลำต้น หลังจากนั้นไม่นานต้นไม้ทั้งต้นก็เปล่งสีทอง ด้วยความร้อนแรงมาก
“จงมอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวเพลิงซะ!” เมื่อนางรู้สึกถึงพลังที่นางควบคุมได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว องค์ราชินีภูตวิญญาณพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม พร้อมชี้คฑาไปที่ร่างของเคจ
เมื่อเสียงของซีเลียสิ้นลง ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากลำต้นของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ อย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ ตุ้บ!” ในการรับรู้ของผู้คน ซีเลียสามารถโจมตีเคจได้อย่างแม่นยำ และในการโจมตีครั้งนี้ทำให้เคจบินออกไปหลายร้อยเมตร
ในเวลานี้ หลังจากปลดปล่อยพลังงานทั้งหมด แล้วต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง ซีเลียก็กลับคืนสู่สภาพเดิม แต่มันก็เริ่มดูดซับพลังของดวงอาทิตย์อีกครั้ง และเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป
ไม่มีใครคิดว่าเคจจะถูกสังหารได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยเฉพาะราชินีภูตวิญญาณ ดังนั้นหลังจากหยุดพักครั้งหนึ่ง นางก็เริ่มเตรียมตัวโจมตีอีกครั้ง
ในความคิดของนาง เคจไม่ได้เตรียมตัวป้องกัน เนื่องจากเขานั้นหยิ่งผยองและดูแคลนศัตรูมากเกินไป หลังจากการโจมตีครั้งนี้ เคจจะเริ่มจริงจังอย่างแน่นอน และนางอาจจะไม่มีโอกาสโจมตีในครั้งต่อไป
ทุกคนในที่แห่งนี้ สามารถมองเห็นได้ว่า เปลวเพลิงจาก คฑาของซีเลีย อาศัยการดูดซับแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติ จากนั้นจึงเริ่มเปิดการโจมตีและต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพลังของดวงอาทิตย์ พลังของเปลวเพลิงนั้นทรงพลังมาก แต่เวลาในการเตรียมพร้อมนั้นนานเกินไป ซึ่งเป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการโจมตีนี้ เนื่องจากคู่ต่อสู้คงไม่มีทางรอให้นางรวบรวมพลังในการโจมตีอย่างแน่นอน
ในขณะที่ราชินีภูตวิญญาณกำลังดูดซับพลังของดวงอาทิตย์ แต่ภูตวิญญาณคนอื่น ๆ ดวงตากำลังจับจ้องอยู่ที่เคจ
ครู่ต่อมา เมื่อเห็นเคจค่อยๆ บินกลับมาอย่างช้า ๆ ดวงตาของทุกคนพลันหดตัวลงชั่วขณะ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ แม้แต่คิ้วของหลินเว่ยก็ขมวดในชั่วอึดใจ
เพราะในสายตาของผู้คน เคจยังคงดูปกติ และมีรอยยิ้มมุมปาก และเสื้อผ้าของเขาก็แทบไม่มีร่องรอยยับย่อน ไม่มีท่าทางของการได้รับอาการบาดเจ็บ
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าไม่เป็นอะไรเลย” ราชินีภูตวิญญาณพูดด้วยความตกใจ บนใบหน้าของนาง ในสายตาของนางดูตื่นตระหนก
“ การโจมตีของเจ้านั้นร้ายกาจจริง ๆ แต่ก็เท่านั้น หากเป็นคนอื่นอาจจะต้องพักฟื้นครึ่งเดือน หรือเสียชีวิตลง แต่ในตอนนี้ข้ามีร่างกายใหม่ แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ซึ่งทำให้กำลังของข้ายังไม่ฟื้นตัวดีมากมายนัก แต่การโจมตีเพียงเท่านี้ ไม่สามารถทำร้ายข้าได้ ” เคจโค้งงอปากของเขา และพูดด้วยความรังเกียจ
“ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อ! เจ้าต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปกป้องชีวิตของเจ้า แต่เจ้าจะต้านทานเปลวเพลิงในครั้งที่สองได้อย่างไร?” ราชินีภูตวิญญาณรวบรวมพลังเสร็จแล้ว และยื่นคฑาไปที่เคจอีกครั้ง
ลำแสงเดียวกัน เหมือนก่อนหน้านี้ ถูกปล่อยออกมาจากลำต้นของต้นไม้ด้านหลังซีเลีย เป้าหมายของมันคือ เคจที่ยืนยิ้มอย่างมั่นใจบนใบหน้าของเขา
“ข้าพูดความจริง…เหตุใดจึงไม่เชื่อ” เคจส่ายหัวและถอนหายใจ และเผยให้เห็นลำแสงขนาดเล็กในมือของเขาอีกนับไม่ถ้วน และในทันใดนั้น มันก็ถูกปล่อยออกมาเพื่อต้านทานพลังเปลวเพลิงของราชินีภูตวิญญาณ
ไร้ซึ่งเสียงใด ๆ เปล่งออกมา ลำแสงเล็กๆ ของเคจ พุ่งไปยังร่างของราชินีภูตวิญญาณ โดยไม่มีใครคาดคิด จากนั้นหน้าอกของราชินีภูตวิญญาณ ปรากฏรูโหว่ขนาดเท่าแก้วไวน์
รอบ ๆ รูนั้นดูดำคล้ำ เนื่องจากเนื้อและเลือดถูกเผาไหม้ จึงไม่มีเลือดไหลซึมออกมา แต่ใบหน้าของราชินีภูตวิญญาณกลับซีดลงในทันที และมีเลือดแดงสีสดปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง แม้ว่านางจะกัดฟันแน่น แต่ก็ยังมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปากของนาง
เมื่อมองไปที่อาการบาดเจ็บที่หน้าอก ซีเลียรู้สึกโชคดีเล็กน้อย เนื่องจากอวัยวะที่ถูกเจาะเป็นรูคือ ปอด ไม่ใช่หัวใจ หากเป็นหัวใจป่านนี้นางคงสิ้นใจไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปอดข้างหนึ่งจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อการหายใจของนางเช่นกัน ทุกครั้งที่นางหายใจ จะมีร่องรอยของความเจ็บปวดมากมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางกังวลมากที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่อาการบาดเจ็บของตัวเอง แต่นางกังวลว่า ตนเองจะต้านทานเคจได้อย่างไร?
ถ้าเป็นเช่นนั้น…ในวันนี้ภูตวิญญาณจะจบสิ้นลงหรือไม่? หลังจากการโจมตีครั้งนี้ ที่นางได้รับบาดเจ็บ นางเริ่มขบคิดอย่างจริงจังว่า สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้น คือความจริง ที่ว่านางไม่สามารถต้านทานเขาได้เลย เนื่องจากการโจมตีที่ไม่ได้จริงจังมากมายจากอีกฝ่าย กลับทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้
เมื่อเห็นใบหน้าของราชินีภูตวิญญาณเปลี่ยนไป เคจก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอีกต่อไป เขาเอามือไพล่หลัง แล้วพูดอย่างมั่นใจบนใบหน้าว่า: “แล้วตอนนี้ เจ้าน่าจะรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเราแล้วหรือยัง ?ข้าจะให้โอกาสอีกครั้ง มอบตำแหน่งนี้ให้ข้าซะ หรือจะให้ข้ากำจัดคนของเจ้าครึ่งหนึ่ง หรือแม้แต่คนทั้งหมดที่นี่จะถูกกำจัด ”
“ข้า…” เมื่อได้ยินคำพูดของซีเลีย ที่กำลังจะพูด แต่เคจขัดจังหวะขึ้นว่า: “องค์ราชินี! เจ้าควรคิดให้ชัดเจนก่อนที่จะตอบ เรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตคนของเจ้า”
หลังจากนั้นเคจก็ไม่ได้สนใจ ซีเลียอีกต่อไป เขาหันไปมองต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ และพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย “ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะปรากฏตัว หลังจากเฝ้าดูมานาน หรือเจ้าต้องการให้ข้าดึงเจ้าออกมาด้วยตนเอง?”
“อนิจจา เมื่อเสียงของเคจลดลง เสียงถอนหายใจเก่า ๆ ก็ดังขึ้นจากนั้นทุกคนก็เห็นว่า มีใบหน้าขนาดใหญ่ชัดเจนบนลำต้นของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ
“ นี่คือ มารดาพฤกษชาติ ”
“ มารดาพฤกษชาติตื่นแล้ว!”
“ ดูสิ พระมารดาตื่นแล้ว … !” เมื่อเห็นใบหน้าของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ ใบหน้าของภูตวิญญาณต่างก็แสดงสีแห่งความปีติยินดี และคุกเข่าลงทีละคน สำหรับภูตวิญญาณทุกคน ต้นไม้แห่งชีวิตโบราณไม่เพียง แต่เป็นศรัทธาของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นมารดาที่ให้ชีวิตพวกเขาด้วย
“เจ้าเต็มใจที่จะออกมาหรือไม่…ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าที่จะเลือก! อย่างไรก็ตาม ภูตวิญญาณเหล่านี้รับฟังเจ้า ตราบใดที่เจ้าเลือกออกมา ข้าจะไม่สังหารคนของเจ้า เคจพูดโดยมองไปที่ต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ ด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเลือกได้อย่างถูกต้องที่สุด แทนที่ต้นไม้แห่งชีวิตโบราณจะตอบคำถาม แต่นางกลับถามขึ้นว่า “เจ้าไม่ใช่คนจากดินแดนนี้”
“แน่นอน! แต่เมื่อเรายึดครองดินแดนนี้ได้ มันจะกลายเป็นดินแดนของเรา และเราจะเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งดินแดนนี้” เคจพยักหน้า จากนั้นกล่าวด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
“ความแข็งแกร่งดั้งเดิมของเจ้าควรแข็งแกร่งมาก! ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่น่าเสียดายที่เจ้าได้รับบาดเจ็บ และยอมแพ้ต่อร่างเดิมของเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงสามารถยึดครองร่างกายของคนอื่นไปได้เท่านั้น” เสียงของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ
ดังขึ้นช้าๆราวกับบอกความจริง
“ใช่ข้าถูกศัตรูที่ทรงพลังโจมตีอย่างหนัก และหลบหนีมาที่นี่โดยบังเอิญ ด้วยจิตวิญญาณสงคราม แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็อยู่ยงคงกระพันในดินแดนนี้ การบีบคอเจ้านั้นง่ายดายเหมือนขยี้มดปลวก” เคจพยักหน้าและกล่าวอย่างหยิ่งผยอง .