ราชาซากศพ - บทที่ 421 ตายตกไปตามกัน
บทที่ 421
ตายตกไปตามกัน
“เว่ยเอ๋อ! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?
“ นายน้อย! ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“หลินเว่ย! บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
“ ท่านหลิน! แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ
“ ……” เมื่อทุกคนมองเห็นหลินเว่ย ต่างคนต่างก็มารุมล้อมรอบตัวเขา ทั้งไป๋หลานและคนอื่น ๆ ต่างเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินเว่ย ในขณะที่พวกภูตวิญญาณกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเคจ และมีบางคนที่เฝ้ามองจากระยะไกลๆ
เมื่อพวกเขามองเห็นความแข็งแกร่งของหลินเว่ย ต่างคนก็ต่างต้องการที่จะเป็นสหายกับหลินเว่ย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ มีผู้คนมากมายอยู่รอบ ๆ หลินเว่ย ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยวาง และหาโอกาสดี ๆ ในภายหลัง
เมื่อถูกตั้งคำถามจากคนหลายสิบคน หลินเว่ยรู้สึกว่าหัวของเขาแทบจะระเบิดออกมา ดังนั้น เขาก็มองหาโอกาสที่จะปลีกตัวออกมา และรีบเดินไปหาซางกวนฮ่าวหยาง ว่าเขาต้องการจะกลับไปที่สถานศึกษาก่อนกำหนด
หลังจากนั้น หลินเว่ยนั่งอยู่บนหลังของเสี่ยวเฮย พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองไปในทิศทางของป่าหยินเยว่ที่อยู่ด้านหลังของเขา จากนั้นเขาก็หันศีรษะและมองไปที่แหวนมิติทั้งสามวงในมือของเขา
แหวนมิติทั้งสามนี้ มีน้ำพุแห่งชีวิต ผลึกชีวา เป็นรางวัลที่เหล่าภูตวิญญาณสัญญาว่าจะมอบให้จินหยูก่อนหน้านี้
หลินเว่ยเก็บน้ำพุแห่งชีวิตและผลึกชีวา หลังจากตรวจสอบแล้วให้เรียบร้อย แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เหล่าภูตวิญญาณเจ็บปวด แต่เป็นเพราะจิตวิญญาณต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ ที่เป็นคนมอบให้ และสิ่งของพวกนี้สามารถสร้างได้ใหม่ได้อีกครั้ง….แต่หัวใจของจิตวิญญาณต้นไม้แห่งชีวิตโบราณนั้นไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้
ซึ่งต้นไม้แห่งชีวิตโบราณแต่ละต้น มีเพียงหนึ่งหัวใจเท่านั้น ที่เรียกว่า ดวงจิตวิญญาณไม้ มันคือแก่นแท้ของร่างกายทั้งหมด หากปราศจาก ดวงจิตวิญญาณไม้ พวกเขาจะสูญสิ้นความมีชีวิตลงไป
หากปราศจากการปกป้องของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ และการคุกคามจากเคจต่อดินแดนภูตวิญญาณ ก็ไม่อาจะดำรงอยู่ต่อไป เมื่อทุกคนรู้ว่า จิตวิญญาณต้นไม้โบราณถูกทำลายลงไป ป่าหยินเยว่จะเต็มไปด้วยผู้คนต่างๆ เพื่อมาที่นี่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ นอกจากนี้เหล่าภูตวิญญาณจะกระจัดกระจายตัวไปทั่วบริเวณและไม่นานก็จะกระจายตัวไปทั่วดินแดนกังหลัน และก่อให้เกิดความวุ่นวาย ท้ายที่สุด มันคือระเบิดเวลา และอาณาจักรต่างๆจะตกอยู่ในความโกลาหล
ก่อนหน้านั้น เพียงไม่กี่เดือน มีชายที่แข็งแกร่งลึกลับโผล่ออกมาทีละคน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดมีความทะเยอทะยานและมุ่งเป้าไปที่การรวมดินแดนกังหลัน
ทั้งอาณาจักรมืดโบราณ และอาณาจักรเฟิงหยู และ หลินเว่ยก็จะถูกผลักไปสู่วังวนแห่งความวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างก็รู้ถึงลำดับความแข็งแกร่งหลังทะลวงเข้าสู่ขั้นอรหันต์ เป็นที่ทราบกันดีว่า อรหันต์ช่วงปลาย ย่อมจะมีพลังเหนือขั้นอรหันต์ธรรม
และก่อนหน้านี้ ทุก ๆ คนต่างมีความเชื่อกันว่า หลังจากสามารถทะลวงช่วงปลายของขั้นอรหันต์ หลังจากนั้น เขาจะกลายเป็น เทพสงครามในตำนาน แต่อันที่จริงแล้วมันไม่ถือว่าเป็นเทพสงครามในตำนาน เป็นเพียงขั้นพลังที่เหนือจากขั้นอรหันต์เท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ทุกคนต่างก็รู้ว่าต้นไม้แห่งชีวิตโบราณนั้น มีระดับพลังขั้นทองแดง และการสังเวยภูตวิญญาณ ทำให้ราชาของภูตวิญญาณ สามารถยืมพลังของต้นไม้แห่งชีวิตโบราณ และทำให้มีความแข็งแกร่ง
ในหมู่พวกเขานั้น มีหลินเว่ยเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด ว่ากันว่า จินหยูผู้มีความแข็งแกร่งและยังติดตามหลินเว่ย และสำหรับผู้รับใช้ของหลินเว่ย มู่ผิงก็มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน
ในวันต่อมา อาณาจักรเฟิงหยูต่างก็ออกมาเดินทางมาเยี่ยมเยียนหลินเว่ย ด้วยความหวังว่าหลินเว่ยจะสามารถปราบปรามอาณาจักรมืดโบราณได้ อย่างไรก็ตามหลินเว่ยได้หลบเลี่ยงที่จะพูดคุยกับพวกเขา
แน่นอนว่า หลังจากรู้ว่ามีอาณาจักรอื่นๆในโลกใบนี้ ที่บุกไปยังดินแดนภูตวิญญาณ และพยายามที่จะชิงเอาดวงจิตวิญญาณไม้ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง และในตอนนี้ภูตวิญญาณนั้น ได้เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
พวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในข้อพิพาทของมนุษย์ในการกำราบอาณาจักรมืดโบราณ… ตราบใดที่พวกเขาไม่มายั่วยุเหล่าภูตวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องแปลกมากที่กองทัพของอาณาจักรมืดโบราณ จู่ๆ ก็หยุดชะงักการรุกรานดินแดนลง หลังจากที่พวกเขาได้ยินข่าวเรื่องป่าหยินเยว่
ในเรื่องนี้ ทุกฝ่ายคาดเดาว่าอาจเป็นเพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังของวิหารเร้นลับ หวาดกลัวหลินเว่ย และไม่กล้าที่จะรุกรานดินแดนอื่นๆ ต่อไป นั่นเอง
ด้วยวิธีนี้ ดินแดนทั้งหมดในอาณาเขตดินแดนกังหลันจึงสงบสุขลง แต่ในความเป็นจริง ยังมีความวุ่นวายในวิหารเร้นลับ ทำให้พวกเขาหยุดเคลื่อนไหว
ณ วิหารเร้นลับ ภายในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุด องค์พระสันตะปาปาแห่งอาณาจักรมืดโบราณ กำลังเอนกายบนบัลลังก์หยกแกะสลักอย่างเหนื่อยล้า พลางฟังการอภิปรายของอาวุโสแห่งอาณาจักรมืดโบราณที่ยื่นอยู่เบื้องล่าง
เมื่อปรายตามองลงไป มีผู้คนจำนวนไม่มากนัก เพียง 20 คน ทุกคนที่ยืนอยู่ที่นี่ได้ คือสมาชิกหลักของวิหารเร้นลับ
“อาวุโส! เป็นอย่างไรบ้าง” เร็กซ์ลูบคิ้ว และเอ่ยถามชายชราที่อยู่ด้านล่าง
“อย่าเป็นกังวลไป…ข้าได้จัดการกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข่าวนี้จะไม่มีทางรั่วไหล” เมื่อผู้อาวุโสได้ยินคำถาม เขาก็รีบพยักหน้าและอธิบาย
“ดี! ข้าไม่คาดคิดว่า ตู้กังจะเป็นคนรับใช้ของชายคนนั้น เขาตายไปพร้อมกับผู้ชายคนนั้น และทิ้งเรื่องราววุ่นวายให้เราตามเช็ดตามล้าง ข้าไม่ต้องการที่จะทำเช่นนั้น” จากนั้นเร็กเตอร์ก็พยักหน้า และพูดอย่างเคร่งขรึม
“อา…!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเร็กเตอร์ คนด้านล่างก็พูดทีละคน พวกเขาทั้งหมดไม่คาดคิดว่า นักรบที่ทรงพลังทั้งสองจะต้องตายเพราะหลินเว่ย ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ
ปรากฏว่าหลังจากที่หลินเว่ยบีบบังคับให้ จิตวิญญาณสงครามของเคจระเบิดตนเองตาย ตู้กังเองก็เป็นข้ารับใช้ของ ศิษย์ที่อยู่ในสำนักราชาอสูร เมื่อเจ้านายตายลงไป บรรดาทาสรับใช้ก็ต้องตายลงไปด้วย นอกจากนี้ มีหลายคนที่เป็นข้ารับใช้ของ ตู้กัง
แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่คน ที่รู้ถึงการตายของตู้กัง แต่ทุกคนที่ตกเป็นข้ารับใช้ของตู้กัง กลับตายลงด้วยวิธีแปลกประหลาด ซึ่งทำให้วิหารเร้นลับเกิดความวุ่นวายมาก ดังนั้นเร็กเตอร์จึงส่ง อาวุโสให้ไปจัดการเรื่องนี้
โดยธรรมชาติแล้ว ผู้ที่พบศพคนเหล่านี้ ต่างก็รีบปกปิดข่าวที่น่าตื่นตะลึงนี้ ท้ายที่สุดคนเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับตู้กัง แต่พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทันทีที่มองเรื่องนี้อย่างคร่าวๆ ก็พอจะพุ่งเป้าได้เลยว่า เรื่องนี้จะต้องเป็นเพราะตู้กัง
หากปราศจากเรื่องวุ่นวายของตู้กัง วิหารเร้นลับอาจจะสามารถบุกยึดครองอาณาจักรต่าง ๆ ได้ง่ายดาย แต่จู่ๆ ทั้งตู้กังและ คนอื่นๆที่เป็นข้ารับใช้ของตู้กังกลับตายลงไป โดยไม่ทันตั้งตัว
“ อันที่จริง เรื่องนี้ ก็ไม่สามารถโยนความผิดให้ตู้กังได้เพียงคนเดียว เป็นเพราะเราร่วมมือกับคนเหล่านั้น และพลังความแข็งแกร่งของคนพวกนั้นก็แข็งแกร่งกว่าเรามาก เราจึงกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไปทั้งเจ้านายและคนรับใช้ของตู้กังล้วนเสียชีวิตลง แต่แหวนมิติของตู้กังนั้นยังคงอยู่ เราสามารถใช้สมบัติในแหวนมิติ เพื่อทำให้เราเพิ่มความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับเขา” เกลพูดด้วยรอยยิ้ม พยายามเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าทุกคน ต่างอารมณ์ไม่ดี
“ เอ๋…เหตุข้าจึงนึกไม่ถึง?
“ใช่…ข้าลืมไปเลย!”
“ เจ้าคู่ควรกับเป็นอาวุโส! ขบคิดได้รอบคอบ
“ ……” เมื่อได้ยินคำพูดของเกล ใบหน้าของผู้คนในปัจจุบันก็สว่างขึ้นทีละคน แน่นอนว่ามีบางคนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่ได้พูดออกไป สำหรับเรื่องนี้เร็กเตอร์รับรู้ได้เป็นคนแรกๆ ว่าตู้กังเสียชีวิตและทำให้ข้ารับใช้ของเขาตายลงไปพร้อมๆกันดังนั้นเขาจึงนึกถึงเรื่องนี้ทันที
“ ช่างน่าเสียดายจริงๆ! ในตอนนี้ ร่างของตู้กังอยู่ในมือของหลินเว่ย เราต้องชิงแหวนมิติมาให้จงได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจแข็งแกร่งไปได้มากกว่านี้” ชายวัยกลางคนส่ายหน้าอย่างเสียใจและถอนหายใจ
“ ช่างน่าเสียดาย! อย่างไรก็ตาม หลินเว่ยไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำให้ขุ่นเคืองได้ ด้วยความสามารถของเขา ไม่มีใครในดินแดนกังหลัน ที่สามารถต้านทานได้ เราไม่ควรทำให้เขาขุ่นเคือง ไม่เช่นนั้นในอนาคต … ” เกลยังพูดพร้อมกับมองด้วยความเสียใจ แต่ในตอนท้าย น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมาก
“หึ!” แม้ว่าผู้คนจะไม่เต็มใจที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เร็กเตอร์ก็พยักหน้าด้วยความเห็นชอบ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลินเว่ยสามารถปราบปรามทั้งดินแดนกังหลัน
ด้วยพรสวรรค์ของอีกฝ่าย ความแข็งแกร่งในอนาคต เขาจะอยู่เหนือกว่าทุกคนและเกินกว่าจะจินตนาการได้
โชคดีที่ว่ากันว่า หลินเว่ย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราวมากมาย เพียงต้องการฝึกฝนเท่านั้น หากพวกเขาระมัดระวังและไม่ยั่วยุ หลินเว่ยจะไม่โจมตีพวกเขาโดยไร้เหตุผล
…………
ณ ในพระราชวัง ห้องทรงงานจักรพรรดิ หลินป๋าเทียนนั่งอยู่บนบัลลังก์ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเป็นเพียงขั้นอรหันต์ ระดับหนึ่ง และเขาคือผู้นำตระกูลหลิน
ในขณะนี้ ในห้องนี้ เต็มไปด้วยผู้อาวุโสของตระกูลหลิน และผู้อาวุโสเก่าแก่จำนวนไม่กี่คน เรื่องที่พวกเขากำลังสนทนากันไม่พ้นเรื่องของหลินเว่ย
“ในตอนแรก มันเป็นความผิดของพวกเราทั้งหลายคน และเราก็ตัดสินใจอย่างลวกๆ เกินไป” หลินคังซ่งกล่าวด้วยความเสียใจ
“โอ้! อันที่จริง ท่านไม่ควรตำหนิตนเอง เรื่องนี้ต้องโทษพวกเราทุกคน ไม่มีใครสามารถปัดความรับผิดชอบได้”