ราชาซากศพ - บทที่ 424 เข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ
บทที่ 424
เข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ
“โอ้! อย่าปลอบใจพวกเราอีกเลย…เราย่อมรู้ตัวเองดีที่สุด แม่และพ่อของเจ้า ในตอนนี้ยังคงมีความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน และเราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกฝน… .มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงผ่านด่านอรหันต์” ไป๋หลานสั่นศีรษะของนาง และพูดอย่างขมขื่น
เมื่อหลินติงเทียนได้ยินคำพูดของไป๋หลาน เขาก็ต้องการอ้าปากพูดเพื่อโต้แย้ง อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่าสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง
“ใครพูดแบบนั้น! สำหรับข้าเป็นไปไม่ได้ที่พวกท่านจะทะลวงผ่านระดับขั้นทองแดง แต่มันก็ไม่ยากเกินไปที่จะทะลวงไปยังขั้นเหล็กดำ หลินเว่ยพูดอย่างมั่นใจ
หลังจากนั้นหลินเว่ยก็นำแหวนมิติออกมาทั้งสองวง และมอบให้ หลินติงเทียนและ ไป๋หลานตามลำดับ จากนั้นเขาก็พูดว่า “มียาบางอย่างที่ข้าเตรียมไว้สำหรับท่าน นอกจากนี้ยังมีชุดอาวุธ ซวนชั้นยอด ชุดเกราะและอาวุธต่างๆ รวมถึงทักษะและเคล็ดลับโบราณ ข้าได้คัดลอกไว้ให้ท่าน
“นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร! จงเก็บสมบัติเหล่านี้ไว้ให้ตนเองเถิด เว่ยเอ๋อ! พ่อของเจ้าจะเป็นรัชทายาท เราจะมีทุกอย่างตามที่เราต้องการ” ไป๋หลานรีบพูด จากนั้นรีบหยิบแหวนมิติในมื อของหลินติงเทียน และของตนเองส่งคืนให้หลินเว่ย
“ไม่! ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า สิ่งเหล่านี้ไร้ประโยชน์ แต่มีเม็ดยาในแหวนมิติที่สามารถทะลวงด่านขั้นอรหันต์ และยังมีน้ำพุแห่งชีวิต ผลึกชีวา หากท่านใช้มันบ่อย ๆ จะส สามารถเพิ่มอายุขัย
นอกจากนี้อย่าลืมว่าข้าได้ปล้นน้ำพุจำนวนมากมาจากดินแดนภูตวิญญาณ ท่านสามารถใช้มันได้เป็นปี ๆ “หลินเว่ยโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ยินคำบรรยายของหลินเว่ย ไป๋หลานจึงยินดีที่จะรับแหวนมิติของตนเอง และหลินติงเทียน ส่งกลับคืนสู่มือของอีกฝ่าย
…………
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ หนึ่งเดือนผ่านไป ในวันนี้อากาศแจ่มใส และเมืองหยูหลินทั้งเมืองล้วนเต็มไปด้วยความสุข ทุกหนทุกแห่ง ร้านค้าและท้องถนนประดับประดาไปด้วยแสงไฟ บ่งบอกถึงเทศกา าลที่สำคัญ
ใบหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หนึ่งเดือนที่ผ่านมามีการจัดงานเฉลิมฉลองการคัดเลือกรัชทายาทของอาณาจักรเฟิงหยู และมีการยกเว้นภาษีการค้าโดยตรงตลอดทั้งปี และภาษีการเกษตรเป็นเวลาสามปี ผู้คนล้วนได้รับผลประโยชน์กันถ ถ้วนหน้า
โดยธรรมชาติแล้วพวกเขามีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ
ในวังหลวงของอาณาจักรเฟิงหยู ยิ่งมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น แม้ว่าหลินติงเทียนจะกลายเป็นรัชทายาทในครั้งนี้ แต่ก็มีการประกาศว่า หลินเว่ยเป็นหลานชายขององค์จักรพรรดิ เป็นข่าวที่ทำ ำให้ทั่วทั้งดินแดนกังหลัน ต่างส่งราชทูตมาร่วมสังเกตการณ์ในพิธี
“ดูสิ เขาคือหลินเว่ย ปรมาจารย์เทพสงครามคนแรกของดินแดนกังหลัน ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นความจริง หลินเว่ยเป็นสายเลือดโดยตรงของอาณาจักรเฟิงหยู”
เมื่อหลินเว่ยติดตามหลินติงเทียนและ ไป๋หลานออกมา มีผู้คนหลายหมื่นมาร่วมแสดงความยินดี แต่สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่หลินเว่ย
หลินติงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาปรับท่าทีของตัวเองได้อย่างรวดเร็วและแสดงสีหน้าพึงพอใจ ท้ายที่สุด หลินเว่ยเป็นบุตรชายของเขา เมื่อบุต ตรชายมีชื่อเสียง บิดาก็พลอยมีหน้ามีตา
หลินเว่ยจากไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากอาการง่วงเหงาหาวนอนกับพิธีต่าง ๆ เขาก็ลอบออกไปจากพิธีอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่า หลินเว่ยจะไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก แต่หลินป๋าเทียนและคนอื่น ๆ ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว หลังจากการเฉลิมฉลอง กองกำลังจำนวนมากไม่ได้ผลีผลามออกไปตาม หลินเว่ย แต่พวกเข ขากลับไปเยี่ยมเยี่ยมทักทายหลินติงเทียน
และถามเกี่ยวกับหลินเว่ย หรือแม้แต่หลินติงเทียนมีความตั้งใจที่จะรวบรวมดินแดนกังหลันทั้งหมดหรือไม่
แต่หลังจากที่ หลินติงเทียนพูดชัดเจนว่า เขาจะไม่รวบรวมดินแดนกังหลัน และเปิดสงครามกับดินแดนอื่น ๆ ทุกคนก็โล่งใจ
แน่นอนว่า มีบางคนไม่พอใจกับเรื่องนี้ เป็นที่น่าเสียดาย ที่คนในตระกูลหลินบางคน ต้องการยืมพลังอันแข็งแกร่งของ หลินเว่ย ในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ตราบใดที่หลินเว่ยพยักหน้า เรื่อ องที่เป็นไปไม่ได้ ย่อมคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครโง่พอที่จะกล้าแสดงความไม่พอใจอย่างโจ่งแจ้ง
สามวันต่อมา ร่างสีดำทะมึนบินขึ้นจากสถานศึกษาเทียนหยูด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่มีใครที่ค้นพบว่า หลินเว่ยจากไปแล้ว
หลินเว่ยไม่ต้องการให้คนรู้ว่า เขาออกจากดินแดน กังหลันไปแล้ว เขาขึ้นหลังของเสี่ยวเฮยและบินสูงขึ้น ก่อนที่เขาจะออกเดินทางเขาได้ถามเกี่ยวกับตำแหน่งของค่ายกลเคลื่อนย้ายจาก มู่ผิงและมู่หลิงเสวี่ย จากนั้นรีบห้อตะบึงไปยังสถานที่นั้น
ณ ดินแดนกังหลัน หุบเขาที่ห่างจากเมืองเหยียนจิง ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร หลินเว่ยไม่เสียเวลาในการเดินไปไปยังเมืองเหยียนจิง เขาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายจากดินแดนข้างเคียงของอาณาจั กรเฟิงหยู
คือ อาณาจักรเฟยหยู และจากนั้นก็มาถึงที่นี่ หุบเขานี้เต็มไปด้วยหมอกหนา และแมลงมีพิษบางชนิด จะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์จะไม่มาเสี่ยงที่นี่ เนื่องจากที่นี่ถูก สำรวจมาก่อนหน้านี้ และไม่มีใครพบว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจ
โชคดีที่ หลินเว่ยรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ
เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ หลินเว่ยก็พบถ้ำเสียดฟ้า ปากถ้ำถูกปกคลุมไปด้วยหนามไม้ระเกะระกะจำนวนมาก แต่ตอนนี้มันกลับถูกเปิดโล่ง บริเวณทางเข้าปากถ้ำ
นอกจากหนามที่ขึ้นปกคลุมแล้ว ยังมีร่องรอยการเสียหักจำนวนมาก หลินเว่ยหยิบส่วนหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบ และพบว่ารอยแตกเรียบ เห็นได้ชัดว่าถูกตัดด้วยอาวุธมีคม
คนเดียวที่จะมาที่นี่คือ มู่ชิวเสวี่ย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ และได้เดินทางผ่านค่ายกลโบราณและกลับไปยังดินแดนสวรรค์และโลก
เมื่อค้นพบสิ่งนี้ หลินเว่ยได้เปิดใช้งานสร้อยดวงตาอินทรี ซึ่งเขาสามารถมองผ่านภาพลวงตาและเพิกเฉยต่อผลกระทบของความมืด หลินเว่ยก้าวตรงเข้าไปในถ้ำโดยไม่หยุดฝีเท้าลง
สำหรับทางเข้าถ้ำ หลินเว่ยไม่ได้ปกปิดมันไว้ เนื่องจากเขาคิดว่า ด้วยเวลาไม่นานนัก ที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยหนามไม้ขึ้นมาใหม่ การพรางตัวตามธรรมชาตินั้นดีกว่าสิ่งที่สร้างขึ้น
ด้วยการเปิดใช้งานสร้อยดวงตาอินทรี ดวงตาของ หลินเว่ยแจ่มชัดราวกับเดินอยู่ในตอนกลางวัน เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน
เมื่อหลินเว่ยเดินไปตลอดเส้นทาง เขาพบว่ามีร่องรอยของการขุดของมนุษย์ที่สร้างขึ้นในถ้ำ และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ปีแล้ว แม้ว่าทั้งถ้ำจะปกคลุมไปด้วยฝุ่นและดูแห้งแล้งมาก ไม่ มีร่องรอยความอับชื้นใดๆ
บนพื้นทางเดิน มีรอยเท้าขนาดใกล้เคียงกันหลายรอย เมื่อพิจารณาจากขนาด หลินเว่ยสามารถเดาได้โดยทั่วไปว่าพวกเขาเป็นรอยเท้าของผู้หญิงทั้งหมด เป็นความจริงตามที่มู่ผิง และ มู่หลิง งเสวี่ย กล่าว
หลังจากเขาเดินเท้ามานานกว่าครึ่งชั่วโมง หลินเว่ยก็มาถึงจุดสิ้นสุดของทางเดิน มีพื้นที่มากกว่าสิบตารางเมตร ซึ่งสูงเกือบสิบเมตร นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของการขุดค้นที่มนุษย์สร้างข ขึ้น ราวกับห้องเล็ก ๆ และมีแท่นบูชาอยู่ตรงกลาง
เขาก้าวเข้าไปในนั้น จากนั้นร่างของหลินเว่ยก็ลอยขึ้นจากพื้น และลอยขึ้นยังแท่นบูชา ในที่สุดเขาก็เห็นเป้าหมายของเขา ซึ่งเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลรูปแบบพิเศษ
เมื่อมองไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านล่างเท้า เขาพบร่องขนาดสิ่งของเท่าไข่ไก่จำนวน 49 ชิ้น ซึ่งวางไว้ทีละจุด แสงสลัวมากและเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
ตามที่มู่ผิงกล่าว 49 ชิ้นนี้ ใช้สำหรับวางหินหยวนเพื่อมอบพลังงานสำหรับการทำงานของค่ายกลเคลื่อนย้าย
แน่นอนว่า หากต้องการให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งผ่านไปได้ไกล จะไม่สามารถใช้หินหยวนธรรมดาได้ แม้จะมองหาในดินแดนกังหลันทั้งหมด จำนวนหินหยวนคุณภาพสูงก็หายากมาก ไม่สามารถใช้กับค่ ายกลนี้ได้
หากคุณต้องการเริ่มต้นเปิดการใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้าย ต้องใช้หินหยวนชั้นยอด 10,000 ชิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง
การจะเปิดใช้งานเพียงครั้งเดียวจะใช้หินหยวนคุณภาพสูงระดับต่ำ 49 ชิ้น หากเปลี่ยนเป็นหินหยวนชั้นดี จำนวน
490000 ชิ้น หรือหินหยวนชั้นยอดจำนวน 49 ล้านชิ้น
เมื่อเทียบกับค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ หลินเว่ยใช้ก่อนหน้านี้ มีหินหยวนคุณภาพสูงอย่างน้อยหลายพันชิ้น และหลายล้านก้อน จำนวนมาก หลินเว่ยสามารถนำออกมาได้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่ยากมากคือค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลพิเศษนี้ สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพของหินหยวนยิ่งสูงขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีพลังงานมากขึ้น
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาหินหยวนจิ้งคุณภาพต่ำ ไม่ต้องพูดถึงหินหยวนจิ้งคุณภาพกลาง
ก่อนที่หลินเว่ยจะมาที่นี่ เขาได้ค้นหาคลังสมบัติของราชวงศ์ทั้งหมดและพบหินหยวนจิ้งเพียงห้าก้อนเท่านั้น
โชคดีที่ หลินเว่ยสังหารคนจำนวนมาก ที่แอบเข้ามาในดินแดนกังหลัน จากดินแดนสวรรค์และโลก และเขามีหินหยวนจิ้งมากพอ จากผู้ติดตามของมู่ชิวเสวี่ย มีหินหยวนจิ้งมากกว่า 80 ชิ้น
และหินหยวนชั้นยอดหลายหมื่นชิ้นมอบให้กับหลินเว่ย โดยไม่ได้ตั้งใจ
ภายในป่าหยินเยว่ ผู้ที่ยึดครองร่างของเคจที่ถูกหลินเว่ยสังหารนั้น มีหินหยวนมั่งคั่ง เขามีหินหยวนที่หลินเว่ยต้องการมากกว่า 1,000 ชิ้น และ จงปินหยวน จำนวนสามชิ้น และหินหย ยวนชั้นยอดมีมากกว่าหนึ่งล้านชิ้น
ดังนั้นแม้ว่า หลินเว่ยจะไม่สามารถพูดได้ว่าหินหยวนที่จำเป็นสำหรับค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นมากมาย…แต่เขามีหินหยวนมากพอที่จะใช้งาน
ด้วยเหตุนี้ หลินเว่ยจึงทิ้งหินหยวนด้อยคุณภาพให้ หลินติงเทียน และยังทิ้งหินหยวนด้อยคุณภาพจำนวนเท่ากัน ให้กับ ซางกวนฮ่าวหยาง
สำหรับ หินหยวน ระดับสูง เขาใช้มันเพื่อซื้อแก่นคริสตัล ในที่สุดเขาก็รวบรวมสมบัติของราชวงศ์และสิ่งของในคลังของสถานศึกษาเทียนหยู นอกจากนี้เขายังให้ผู้คนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้า ายส่งแก่นคริสตัลระดับสูงจำนวนมาก ในดินแดนกัง
หลันทั้งหมด ด้วยวิธีนี้หลินเว่ยจึงมีแก่นคริสตัลเพียงพอที่จะเลื่อนระดับทักษะคืนชีพโครงกระดูกได้ก่อนที่จะเดินทางออกจากดินแดนกังหลัน