ราชาซากศพ - บทที่ 55 บทสรุป
บทที่ 55 บทสรุป
หลังจากการต่อสู้หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม จำนวนกองทัพหนูศิลาโดยรวมลดลงเกือบสิบส่วน มีกองทัพหนูศิลา เกือบ 3 ล้านตัว เสียชีวิตอย่างอนาถ แต่ที่เหลืออยู่ที่ยังไม่สิ้นชีพ คือพวกที่มีขั้นพลังระดับสูงที่แท้จริง
ในเวลานี้หากหลินเว่ยต้องการจากไป เขานั้นสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างสบายใจ แต่ภายในใจของหลินเว่ยนั้นมีความโลภ เมื่อมองไปที่กองทัพหนูศิลารอบ ๆ ตัวเขา สิ่งที่หลินเว่ยคิดคือ การเก็บซากพวกมันทั้งหมดกลับไป นี่คือสิ่งที่หลินเว่ยคิด
หากเป็นผู้อื่น คงไม่มีใครต้องการที่จะทำแบบนั้น ไม่ว่าจะด้วยเรื่องพื้นที่ความจุของการเก็บซากสัตว์และเนื่องจากประสิทธิภาพในการต่อสู้ของหนูศิลา เมื่อรวมกลุ่มกันขนาดใหญ่ย่อมทำให้ผู้คนขวัญผวา
เนื่องจากเมื่อมันรวมกลุ่มกันความแข็งของมันจะทวีคูณ มิอาจดูหมิ่นได้โดยง่าย มันเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่ร้ายกาจที่สุดในโลกของสัตว์อสูร
อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญว่าความแข็งแกร่งของมันจะมากมายเพียงใด แต่ด้วยขั้นพลังของมัน แทบจะไม่มีแก่นคริสตัลขั้นสูงที่สามารถพบในร่างของพวกมันได้ เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังชนิดอื่น ๆ
แต่ก็ไม่สำคัญว่าจะพบยากหรือไม่ หากว่ามีจำนวนของหนูศิลาจำนวนมาก ๆ ก็มีโอกาสที่จะลองเสี่ยงดู
“จี๊ดๆ?!” ฮะ ในที่สุดก็ยอมออกมา? ดวงตาของหลินเว่ยสว่างขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องที่แตกต่างจากหนูศิลาตัวอื่น ๆ เขาแน่ใจว่านั่นคือเสียงร้องของราชาหนูศิลา สำหรับเสียงนี้ หลินเว่ยไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพหนูศิลาจำนวนมากที่ตายเกลื่อนกลาดอยู่ที่นี่ นับว่ามันนั้นมีความกล้าหาญอยู่บ้าง
แน่นอนว่าหลินเว่ยในตอนนี้ กำลังนั่งอยู่บนหลังของกิ้งก่าเพลิง เมื่อมองลงไปก็เห็นร่างเล็ก ๆ … เมื่อเทียบแล้ว หนูศิลามีขนาดเท่าแมวบ้าน แต่ราชาหนูศิลานั้นมีตัวใหญ่กว่านั้นมาก ในขณะนี้มันนั่งอยู่บนตัวหนูศิลาอีกตัวหนึ่งและจ้องมองไปที่หลินเว่ย
ด้วยการปรากฏตัวของราชาหนูศิลา การโจมตีของกองทัพหนูศิลาก็รุนแรงขึ้น ยกเว้นหนูศิลาที่ล้อมรอบราชาหนูศิลาสิบกว่าตัวที่ยังคงไม่เคลื่อนไหว แต่หนูศิลาส่วนที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นขั้นหนึ่งหรือขั้นสองต่างก็รีบพุ่งไปที่หลินเว่ย
จนถึงขณะนี้การแสดงออกของหลินเว่ยนั้นเรียบเฉย “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว แสดงพลังของเจ้าออกมาให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาหน่อยเถอะ” หลินเว่ยส่งสัตว์อสูรวานรออกไปต่อสู้กับกองทัพหนูศิลาที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
และการเปิดใช้ทักษะความสามารถพิเศษของสัตว์อสูรวานรได้ ก็เริ่มต้นขึ้น
นอกจากนี้ สัตว์อสูรวานรตนนี้ ระดับพลังอยู่ที่ขั้นสี่ และเรียกใช้ทักษะระดับกลาง และมีการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างโครงกระดูกอีกด้วย
โครงกระดูกอสูรวานรที่สูงใหญ่ทั้งสามตัว ระเบิดพลังความโกรธ วิ่งตรงแล้วกลิ้งไปบนพื้น
แม้ว่ามันจะไม่มีเลือดเนื้อ แต่กระดูกของพวกมันก็มีน้ำหนักนับหลายตัน พวกมันกลิ้งไปมาเหมือนกงล้อหินบดขยี้ เมื่อเห็นดังนั้น จังหวะของหนูศิลานั้นหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง และจากนั้นก็ไม่พบหนูศิลาในระยะ 100 เมตร ห่างจากร่างกายของหลินเว่ยอีกต่อไป
ในทางกลับกัน ยังมีหนูศิลาบางส่วนที่พุ่งทะยานเข้ามาโดยไม่หวาดกลัวอยู่ตรงกลาง หนามดินนับหมื่นโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดิน ขัดขวางและเข้าโจมตีโครงกระดูกสัตว์อสูรวานร มีหนามดินบางส่วนที่เจาะทะลุเข้าไปในช่องว่างของกระดูก และพยายามจะบดขยี้โครงกระดูกของอสูรวานรทั้งสามจนแทบจะสลายไป ความแข็งแกร่งของโครงกระดูกอสูรวานรทั้งสามตนนั้นอ่อนด้อยลงเล็กน้อย มันถูกขวางและเกี่ยวพันด้วยหนามดินจนไม่สามารถขยับร่างได้
นี่เป็นเหตุผลที่หลินเว่ยส่งมันออกมาในตอนแรก
แต่สัตว์อสูรวานรนี้ ใช้กำลังเพื่อเสริมความแข็งแกร่งแต่ไม่ได้หวังผล กระดูกที่แข็งแกร่งและพลังที่แข็งแกร่งนั้นจะสามารถทำลายหนามดินและบดขยี้มันเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
จุดประสงค์แท้จริงของการโจมตีครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อสังหารศัตรู แต่เพื่อถ่วงเวลาการเรียกใช้ทักษะ ดังนั้นหลินเว่ยจึงไม่ผิดหวัง เมื่อสัตว์ประหลาดทั้งสามไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป ในตอนนี้มีซากศพหนูศิลาอยู่รอบ ๆ ตัวไปทั่ว
“จี๊ดๆ!” เสียงร้องของราชาหนูศิลาดังขึ้นอีกครั้ง และหนูศิลาที่เหลืออีกไม่กี่ตัว มันไม่ปล่อยให้หลินเว่ยอยู่เฉยอีกต่อไป มันพุ่งเข้าหาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
“ฟิ้วว!”สิ่งที่หลินเว่ยต้องการ คือผลลัพธ์นี้ โครงกระดูกสัตว์อสูรวานรทั้งสาม ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้ขยับตัว เกิดเป็นเสียงแหลมเล็กที่รุนแรงดังขึ้น ใบมีดลมที่มีความยาว 100 เมตรและกว้างมากกว่า 10 เมตร พุ่งออกมาจากด้านข้างของหลินเว่ยและกวาดผ่านกองทัพหนูศิลาอย่างรวดเร็ว และเจาะเข้าไปในทั้งกลุ่มโดยตรง
หนูศิลาทั้งหมดถูกตัดออกเป็นสองส่วน แม้กระทั่งหนูศิลาขั้นสี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น บาดแผลนั้นเรียบดุจเหมือนกระจก
พลังในการโจมตีครั้งนี้รุนแรงมาก จนกวาดสังหารหนูศิลาไปได้ถึง 1 ใน 3 ตอนนี้มีหนูศิลาถูกฆ่าเหลือเพียง 10,000 ตัวเท่านั้น
มันคือหมาป่าลมกรดขั้นสี่ระดับเจ็ด ในตอนนี้ควรเรียกว่า โครงกระดูกหมาป่าลมกรด ตามพลังของการโจมตีตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าแตะระดับพลังของขั้นห้าไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวโครงกระดูกหมาป่าลมกรด มันเป็นเพียงสัตว์อสูรขั้นสี่ และมีความแข็งแกร่งขั้นสามเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าในตอนนี้ร่างของมันไม่หลงเหลือพลังแม้แต่น้อยในร่าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันสะสมพลังทั้งหมดในร่างกายและโจมตีออกมาเพื่อหวังผลที่รุนแรงในครั้งเดียว หลินเว่ยปลดโครงกระดูกหมาป่าลมกรดลงไป
เนื่องจากเขานั้นบรรลุผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการแล้ว
ใบมีดลมทั้งสี่ซึ่งมีความยาว 20 เมตรและกว้าง 4 เมตร ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วไปยังกองทัพหนูศิลาทั้งสองด้าน
ใบมีดลมทั้งสี่ มาจากหมาป่าลมกรดขั้นสามระดับเก้าจำนวนสี่ตัว แม้ว่าพวกมันจะอยู่ห่างจากขั้นสี่เพียงก้าวเดียว แต่ระดับพลังก็มีความแตกต่างกันมาก หากพวกมันสะสมพลังจนเกินขีดจำกัดและโจมตี
พลังของมันอาจจะแตะไปถึงขั้นห้าและขั้นหก
แม้ว่าพลังของใบมีดทั้งสี่นี้จะอ่อนด้อยกว่าการโจมตีในครั้งก่อนหน้า แต่ก็สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงหลายเท่า
“กรร” หมาป่าลมกรดคำราม และสังหารหนูศิลาไปแล้วกว่าเก้าในสิบส่วน เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของราชาหนูศิลาปรากฏการแสดงออกอย่างตื่นตะลึง ดวงตาที่ยื่นออกมาทั้งสองของมัน แทบจะถลนออกมา มองดูชวนให้ขำขัน
ตามความเป็นจริงแล้วหนูศิลาขั้นสามและขั้นสี่เหล่านั้นตายอย่างทุรนทุรายมาก สำหรับตัวที่ฟังคำสั่งของราชาหนูศิลา แม้จะนึกเสียใจแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว รวมกับระดับการป้องกันตัวเองแล้ว พวกมันถือว่าเป็น สัตว์อสูรที่มีระดับการป้องกันที่อ่อนด้อยมาก
การป้องกันของหนูศิลาขั้นสี่ 4 นั้น ไม่สามารถต้านทานหมาป่าลมกรด ขั้น 3 ได้
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลินเว่ยนั้นคาดถึงความสำเร็จเอาไว้แล้ว มิฉะนั้นเขาจะไม่ใช้กลยุทธ์ที่รุนแรงเช่นนี้ เพราะหลังจากการโจมตีทั้งสองครั้งนี้ เขาเหลือเพียงโครงกระดูกห้าตน และสูญเสียประสิทธิภาพในการต่อสู้ไปแล้ว เนื่องจากพลังหมดและต้องรอการฟื้นฟู
ราชาหนูศิลาไม่เพียงแต่ดูสับสน แต่แม้แต่หนูศิลาที่เหลือก็ยังตกตะลึง สัตว์อสูรขั้นสี่นั้นมีความคิดบางอย่าง และพวกมันชอบการแสวงหาโชคลาภและหลีกเลี่ยงอันตราย ไม่ต้องพูดถึงหนูศิลา พวกมันขึ้นชื่อในเรื่องไหวพริบ
หนูศิลาที่เหลืออีกหลายร้อยตัวถูกนำโดยหนูศิลาขั้นสี่ในการขุดดินใต้เท้าของพวกมัน และหลบหนีไปทันที โดยทิ้งราชาหนูศิลาให้ว่างเปล่าเพียงตนเดียว
ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แม้แต่หลินเว่ยนั้นยังต้องถอนหายใจว่า หนูศิลานี้ขุดรูหลบหนีได้รวดเร็วจริง ๆ ยิ่งมีขั้นพลังสูงมากเท่าไร ก็สามารถขุดหลุมหนีได้เร็วเท่านั้น
ภายในใจของราชาหนูศิลาก่นด่าเหล่าลูกน้องตนที่เหลือ ที่ปล่อยมันให้โดดเดี่ยวแต่เพียงตนเดียว และมันกำลังจะขยับตัวและหลบหนีตามไปพร้อมกันๆ
หนูศิลาขั้นสี่ซึ่งในตอนนี้ถูกราชาหนูศิลาใช้เป็นพาหนะ จะต้องขุดรูเพื่อพาตัวมันและราชาหนูศิลาหลบหนีไป ในตอนนี้มันกำลังเตรียมขุดหนีและกำลังจะหลบหนีไป เพียงอีกไม่กี่วินาที ร่างของมันจะหายไปจากพื้น