พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 115 สอบถาม
ตอนที่ 115 สอบถาม
ฮูหยินผู้เฒ่าดูเป็นคนรักสงบมาโดยตลอด น้อยครั้งที่เรือนชิงเฟิงจักมีผู้คนมารวมตัวมากมายถึงเพียงนี้ บรรยากาศจึงคึกคักขึ้นมาทันที
ทางด้านอันหลิงเฉว่มิรู้สึกกลัวอันใด เพราะนางเป็นหลานรักของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่แล้ว ท่านย่าถึงขั้นทำร้ายอันหลิงเกอเพื่อนาง เรื่องนี้ทำให้นางแอบได้ใจอยู่มิน้อย นางคิดว่าหากมิได้เป็นเพราะตนเกิดในบ้านสาม ตำแหน่งก็คงอยู่เหนือกว่าอันหลิงเกออย่างแน่นอน
ส่วนอันหลิงเหมิงมิทราบด้วยซ้ำว่าเกิดอันใดขึ้น นางเพียงนั่งเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง ทำตัวราวกับล่องหนได้ เพราะมิว่าเยี่ยงไรนางก็ทำตัวขี้ขลาดไร้ที่ยืนจนชินแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็มิเคยสังเกตเห็นนางมาโดยตลอดเช่นกัน
ในบรรดาคุณหนูมิกี่คนนี้มีเพียงอันหลิงอีที่รู้สึกกระวนกระวายใจ นางก้มหน้ากำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แน่น แต่ยังแสร้งทำใจเย็นออกมา
“พวกเจ้าทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักศึกษาหมดแล้วใช่หรือไม่ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวพร้อมหรี่ตามอง ทว่าแววตาคู่นั้นยังเฉียบคม
อันหลิงเฉว่พยักหน้ารับทันที ใบหน้าไร้เดียงสาเผยให้เห็นความกังวลพอสมควร “เดิมทีพวกเรากำลังร่วมการทดสอบอยู่เจ้าค่ะ แต่แล้วอยู่ ๆ ม้าของพี่หญิงใหญ่ก็เกิดพยศขึ้นมาจนเกือบทำให้พี่หญิงตกหน้าผา เฉว่เอ๋อก็ตกใจจนเหงื่อท่วมกาย โชคดีที่ท่านมู่ซื่อจื่ออยู่ตรงนั้นจึงช่วยพี่หญิงใหญ่ได้ทันเวลาและกลับมาอย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ”
อันหลิงเฉว่แสดงท่าทางเป็นห่วงอันหลิงเกออย่างสุดซึ้งจนมองมิออกว่านางเคียดแค้นอันหลิงเกอยามที่อยู่ลับหลัง
แม้ในตอนนี้อันหลิงอีรู้สึกกระวนกระวายใจแต่ก็มิไร้สมอง นางจึงพูดตามอันหลิงเฉว่แล้วแสดงความหวาดกลัวออกมา “ม้าตัวนั้นพุ่งมาทางพวกเราด้วยเจ้าค่ะ โชคดีที่มันมิสร้างปัญหาอันใดให้หลาน”
ส่วนอันหลิงเหมิงนั้นฮูหยินผู้เฒ่ารู้อยู่แล้วว่าขี้ขลาดย่อมมิมีทางทำร้ายผู้อื่นจนถึงชีวิตได้ นางจึงมองข้ามไปหยุดอยู่ที่อันหลิงอีและอันหลิงเฉว่แทน
หากมิมีเรื่องเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินผู้เฒ่าคงมิมีทางสงสัยอันหลิงเฉว่อย่างแน่นอน ทว่าเมื่อทราบความในใจของอันหลิงเฉว่ที่มีต่อมู่จวินฮานจนคิดทำลายโฉมหน้าของอันหลิงเกอ ฮูหยินผู้เฒ่าก็อดมิได้ที่จักสงสัยหลานรักไปด้วย
การที่ตนปกป้องอันหลิงเฉว่ในวันนั้นทำให้เกิดช่องว่างภายในใจขึ้นมา
ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าอันหลิงเฉว่เป็นหลานสาวที่ไร้เดียงสาและมีจิตใจงดงาม คาดมิถึงว่านางแอบชอบว่าที่พี่เขยและยังกล้าใส่ร้ายญาติผู้พี่ว่าล่อลวงมู่ซื่อจื่ออีกด้วย ถ้ามิเป็นเพราะช่วงหลายปีนี้อันหลิงเฉว่เติบโตข้างกาย ฮูหยินผู้เฒ่าก็คงให้นางไปนั่งคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษและคัดลอกคัมภีร์ไปแล้ว
คาดมิถึงว่าเรื่องนี้เพิ่งผ่านไป หลานสาวคนโตก็โดนลอบสังหารอีกแล้ว หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้วก็เข้าใจได้ว่าคุณหนูในจวนมีความคิดชั่วร้าย ส่งผลให้ผู้เป็นย่าเยี่ยงนางมิสามารถอดทนต่อไปได้จึงเรียกตัวพวกนางมาอย่างพร้อมหน้า
….
ในตอนนี้สายตาแหลมคมของฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองไปทางอันหลิงเฉว่จนอีกฝ่ายก็อดมิได้ที่จักตื่นตัว
“เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ พวกเจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุหรือมีคนจงใจทำร้ายเกอเอ๋อกันแน่ ? ”
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวประโยคนี้ออกมา อันหลิงอีก็กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นกว่าเดิม
อันหลิงอีรู้สึกว่าใจเต้นแรงขึ้นและเมื่อเห็นว่าอันหลิงเฉว่มิกล่าวอันใด นางจึงฝืนกล่าวออกมา “คงเพราะพี่หญิงใหญ่โชคร้ายจึงพบเรื่องน่ากลัวที่สำนักศึกษา จักมีผู้ใดตั้งใจทำร้ายพี่หญิงใหญ่กันเจ้าคะ ? ”
“ใช่เจ้าค่ะ ผู้ใดจักเกลียดชังพี่หญิงใหญ่จนมีความคิดชั่วช้าอยากเอาชีวิตเยี่ยงนี้ ? ”
อันหลิงเฉว่พอเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ในเมื่อเรื่องนี้มิใช่ฝีมือนางก็ต้องเป็นฝีมือของศิษย์ในสำนักศึกษาจิงตูหรือไม่ก็อันหลิงอี
แม้วันนี้อันหลิงเกอโชคดีมิเป็นอันใด แต่หากมิใช้โอกาสนี้ซ้ำเติมอันหลิงอีก็คงน่าเสียดาย
พอคิดได้เยี่ยงนั้นอันหลิงเฉว่ก็แสร้งทำเห็นด้วยกับคำกล่าวของอันหลิงอี ทว่าแท้จริงคือการชี้ให้เห็นศัตรูของอันหลิงเกอและแน่นอนว่าศัตรูผู้นี้ก็คืออันหลิงอี
ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เข้าใจคำกล่าวของอันหลิงเฉว่ในทันทีว่ามิได้เป็นคนทำ ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าบอกว่าเกอเอ๋อโชคร้าย แล้วศิษย์ในสำนักศึกษามีเยอะถึงเพียงนั้น เหตุใดผู้อื่นจึงมิเป็นอันใดเลย มีแค่เกอเอ๋อที่ได้ขี้ม้าพยศจนเกือบถึงแก่ความตาย ต้องมีคนพุ่งเป้ามาที่เกอเอ๋ออย่างแน่นอน ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวพร้อมใบหน้าที่นิ่งขรึม แววตาแฝงไปด้วยความโกรธ “เมื่อข้ามาคิดแล้วก็พบว่าคนที่เคยมีเรื่องทะเลาะกับเกอเอ๋อต้องเป็นหนึ่งในพวกเจ้าแน่นอน หากพวกเจ้ายอมรับผิดตอนนี้ ข้าจักเห็นแก่ที่ยอมสารภาพแล้วลงโทษสถานเบา แต่ถ้ามิยอมรับ ข้าจักให้คนไปสืบเรื่องนี้จนกระจ่างแล้วลงโทษตามอาญา พอถึงเวลานั้นก็อย่าโทษข้าว่ามิไว้หน้าแล้วกัน ! ”
“ท่านย่า เหตุใดท่านจึงกล่าวเยี่ยงนี้เจ้าคะ ? ” อันหลิงเฉว่คลี่ยิ้มแล้วเดินเข้าไปจับแขนฮูหยินผู้เฒ่า แต่ใครจักรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเป็นเหตุให้อันหลิงเฉว่คว้าอากาศแทน ท่าทางนี้บ่งบอกชัดเจนว่าฮูหยินผู้เฒ่ายังโกรธนางอยู่
อันหลิงเฉว่ตกตะลึง ฮูหยินผู้เฒ่ามิเคยทำตัวเย็นชาเยี่ยงนี้กับตนมาก่อน หรือท่านย่าจักเกลียดนางเพราะเรื่องนั้นไปแล้ว ?
ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของอันหลิงเฉว่ก็จางหายและเปลี่ยนเป็นท่าทีโศกเศร้าเสียใจ “ท่านย่ายังโกรธเฉว่เอ๋อเพราะเรื่องนั้นหรือเจ้าคะ ? เฉว่เอ๋อสำนักผิดแล้ว ต่อไปมิทำอีกแล้วเจ้าค่ะ ข้าจักขอโทษพี่หญิงใหญ่เดี๋ยวนี้ ท่านย่าอย่าโกรธหลานอีกเลยนะเจ้าคะ เฉว่เอ๋อรักท่านย่าที่สุด หากท่านย่าต้องโมโหเพราะหลานก็รู้สึกแย่มากเหลือเกิน”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลบหน้ามิสนอันหลิงเฉว่ เป็นเหตุให้นางกัดฟันแน่นและทำท่าคำนับต่ออันหลิงเกอ “พี่หญิงใหญ่ เรื่องในวันนั้นเป็นความผิดของเฉว่เอ๋อ ต้องขอโทษท่านด้วยเจ้าค่ะ”
ท้ายที่สุดเพราะท่าทีอ้อนน้อมก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าใจอ่อน “เราจักมิกล่าวถึงเรื่องนั้นอีก ข้ากำลังถามพวกเจ้าว่าผู้ใดเป็นคนทำเรื่องในวันนี้ ? ”
อันหลิงอีได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าถามย้ำ นางก็รู้สึกกระวนกระวายมากกว่าเดิม เฝ้าครุ่นคิดว่าจักทำเยี่ยงไรให้คนที่นางซื้อตัวผู้นั้นเงียบปาก แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงของอันหลิงเฉว่กล่าวออกมา “เมื่อท่านย่าถามออกมาเยี่ยงนี้ เฉว่เอ๋อก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเห็นน้องหญิงสามสั่งการอันใดกับสาวใช้ด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เจ้าค่ะ”
“พี่หญิงรองอย่ากล่าวเหลวไหลเยี่ยงนี้ ! ” อันหลิงอีถลึงตาใส่อันหลิงเฉว่ ภายในใจกระวนกระวายอย่างที่สุด หรือตอนที่นางสั่งสาวใช้ไปทำเรื่องนี้จักโดนพบเห็นเข้าแล้วจริง ๆ
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้น แววตาของฮูหยินผู้เฒ่าก็สั่นไหวพร้อมใบหน้าที่เคร่งขรึม นางหันไปสั่งสาวใช้ข้างกาย “ไปตามสาวใช้คนสนิทของคุณหนูสามมา ข้าจักถามว่าเกิดอันใดขึ้น”
“ท่านย่า” อันหลิงอีรีบร้อนเอ่ยแทรกฮูหยินผู้เฒ่าขึ้นมาทันที “เมื่อวานอีเอ๋อออกคำสั่งให้สาวใช้จริงเจ้าค่ะ หลานให้นางไปซื้อตัวคนเลี้ยงม้าในสำนักศึกษาเพื่อเตรียมม้าเร็วให้หลานตัวเดียวเท่านั้น ในเวลาเดียวกันก็ให้วางยาม้าของคุณหนูท่านอื่น และที่หลานทำเยี่ยงนี้เพื่อให้ผลการทดสอบออกมาดี มิได้คิดทำร้ายพี่หญิงใหญ่เลยเจ้าค่ะ ! ”
อันหลิงอีคิดว่าในเมื่อเรื่องที่นางซื้อตัวคนเลี้ยงม้าถูกจับได้ มิสู้สารภาพออกมาก่อน ลองหาข้ออ้างดี ๆ เพื่อจักได้รอดพ้นอย่างราบรื่น
มุมปากของอันหลิงเฉว่ยกยิ้มเล็กน้อย นางแค่แกล้งยุยงอันหลิงอี แต่อีกฝ่ายก็สารภาพออกมาเอง ช่างโง่เสียจริง
เห็นได้ชัดว่าอันหลิงอีอยากผ่อนหนักเป็นเบาซึ่งเป็นไปมิได้อยู่แล้ว
อันหลิงเกอนิ่งเงียบมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ก็กล่าวออกมาว่า “น้องหญิงสามทำเพื่อให้ตนดูดีขึ้นมาโดยมิสนใจชีวิตของผู้อื่นเลยหรือ ถ้าต่อไปเจ้าอยากได้ชีวิตของผู้อื่นขึ้นมา คนทั้งสำนึกศึกษาจิงตูมิต้องตายกันหมดหรืออย่างไร ? ”