พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 126 การโต้เถียง
ตอนที่ 126 การโต้เถียง
“คำพูดของคุณหนูใหญ่น่าขันเสียจริง ! ” จ้าวหลานหยู่กล่าวพร้อมหลุดหัวเราะออกมา แววตาเต็มไปด้วยการดูถูก “เหตุใดคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวจึงอยากเรียนปรุงยาขึ้นมา มิใช่เรื่องแปลกหรือไร ? ”
อันหลิงเกอเบนสายตาไปหยุดอยู่ที่จ้าวหลานหยู่แล้วคำนับเขาอย่างมิรีบร้อน “ถวายพระพรองค์ชายเจ็ด มิทราบว่าองค์ชายเจ็ดตรัสถึงเรื่องอันใดเพคะ ? ”
“ความหมายของข้าง่ายมาก เจ้ามีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่จวนโหว แต่กักตุนยาสมุนไพรในช่วงที่แคว้นชิงเยว่กำลังทำสงครามกับต้าโจว เห็นได้ชัดว่ามีเจตนามิบริสุทธิ์”
จ้าวหลานหยู่กล่าวหาอันหลิงเกอว่ามีพฤติกรรมผิดปกติ คิดว่าอันหลิงเกอต้องมีเจตนามิดีแอบแฝงแน่นอน
อันหลิงเกอฉีกยิ้มอย่างมิไยดี “คำกล่าวขององค์ชายเจ็ดต่างหากที่น่าขันเสียจริง ยาสมุนไพรเหล่านี้สามัญชนก็หาซื้อได้ หม่อมฉันมีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่จวนโหวจักหาซื้อมาเก็บเอาไว้มิได้หรือเพคะ ? องค์ชายตรัสราวกับว่าหากคนธรรมทานข้าวแล้วพระองค์จักเสวยข้าวมิได้ เพราะจักเป็นกบฏทันที”
“บังอาจ ! ” จ้าวหลานหยู่ตะคอกด้วยความโมโหแล้วแสดงท่าทางน่าเกรงขาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการให้ร้ายองค์ชายมีโทษสถานใด ? ”
“หม่อมฉันมิทราบเพคะ” อันหลิงเกอกล่าวด้วยความเยือกเย็น มิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย “หม่อมฉันแค่นำตรรกะขององค์ชายเจ็ดมายกตัวอย่างแล้วเป็นการให้ร้ายพระองค์ได้เยี่ยงไร ? หรือพระองค์ก็ใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ ? ”
“ฮึ เจ้าจักปากดีเยี่ยงไรก็มิเปลี่ยนเรื่องที่เจ้ากักตุนยาสมุนไพรได้หรอก ! ” จ้าวหลานหยู่กล่าวพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความมืดมน
ส่วนอันหลิงเกอยังยิ้มอ่อนโยน ท่าทางใจกว้างมิกระวนกระวายแม้แต่น้อย “หม่อมฉันกักตุนยาสมุนไพรเพื่อศึกษาวิธีปรุงยา ผิดกฎบ้านเมืองตรงไหนเพคะ ? ”
“เจ้าคิดว่าใช้คำแก้ตัวไร้สาระมาหลอกข้าได้หรือ ? ” จ้าวหลานหยู่มิฟังเหตุผล เขาหาช่องโหว่ในคำกล่าวของอันหลิงเกอทันที “แม้เจ้าอยากเรียนปรุงยาก็สามารถเชิญหมอมาสอนได้ เหตุใดต้องกักตุนยาสมุนไพรไว้เอง ? ข้าว่าเจ้ากำลังวางแผนมิดีมากกว่า เจ้าอยากส่งยาพวกนี้ให้แคว้นชิงเยว่ จักก่อกบฏใช่หรือไม่ ! ”
“องค์ชายเจ็ดตรัสได้ร้ายแรงเสียจริงเพคะ” รอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากของอันหลิงเกอชัดเจนยิ่งกว่าเดิม “แค่คำกล่าวเลื่อนลอยก็ตั้งข้อหาทรยศแผ่นดินแล้ว พระองค์ได้รับการอบรมจากฮ่องเต้ก็ได้เรียนรู้การใส่ร้ายผู้อื่นด้วยปากเปล่าด้วยหรือเพคะ ? ”
“เกอเอ๋อ เจ้าอย่าเอ่ยเหลวไหล ! ” อันอิงเฉิงได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยถึงฮ่องเต้และเนื้อความยังไร้ความยำเกรงจึงรีบปรามนาง
หากคำกล่าวนี้ทราบถึงฮ่องเต้ก็ต้องโดนลงโทษเป็นแน่ !
อันอิงเฉิงยังหวั่นในใจ แต่อันหลิงเกอหันมาส่งยิ้มให้ “ท่านพ่อวางใจได้เพราะฝ่าบาททรงพระปรีชาย่อมมิเหมือนองค์ชายเจ็ดอยู่แล้ว น่าเสียดายพระเมตตาที่ฝ่าบาทมีต่อองค์ชายเจ็ด ทว่ามิอาจสอนสั่งให้องค์ชายเจ็ดมีความยุติธรรมและปรีชาได้เยี่ยงพระองค์แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามคือมีนิสัยชอบวางอำนาจไร้เหตุผล”
“ข้าวางอำนาจหรือทำตัวหยิ่งยโสแล้วเยี่ยงไร ? หากเจ้ามิอธิบายแรงจูงใจในการกักตุนยาสมุนไพร ข้าก็สามารถสงสัยว่าเจ้าสมคบคิดกับแคว้นชิงเยว่ได้และยิ่งสามารถเอาโทษได้ ! ”
จ้าวหลานหยู่รำคาญที่ต้องมาทะเลาะกับอันหลิงเกอจึงแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจน
เขามาเพื่อจัดการอันหลิงเกอ นอกจากนางมิยอมรับแล้วยังสามารถหาเหตุผลหักล้างข้อกล่าวหาได้
อันธพาลเยี่ยงองค์ชายเจ็ด ทำเยี่ยงนี้ได้ก็เพราะมีฐานะสูงส่งมิใช่หรือไร
อันหลิงเกอนึกดูถูกอยู่ภายในใจ ดวงตาคู่งามแฝงไปด้วยความโมโหจึงทำให้ใบหน้าดูน่าเกร่งขามและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม “มีสำนวนกล่าวไว้ว่าจับโจรต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา หากองค์ชายเจ็ดอยากกล่าวโทษหม่อมฉัน พระองค์ต้องนำหลักฐานออกมา มิเช่นนั้นหม่อมฉันจักนำเรื่องนี้ทูลต่อฮ่องเต้ และขอให้ฝ่าบาทพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้หม่อมฉันเพคะ”
“การพบยาสมุนไพรจำนวนมากถึงเพียงนั้นก็เป็นหลักฐานดีที่สุดแล้ว ! ” จ้าวหลานหยู่กล่าวถึงยาสมุนไพรมิหยุด ยืนกรานยัดข้อหากบฏให้อันหลิงเกอ
อันหลิงเกอจักปล่อยให้เขาปรักปรำตามใจชอบได้เยี่ยงไร
จ้าวหลานหยู่ทนมิได้เพราะคาดมิถึงว่าฝีปากอันหลิงเกอร้ายกาจถึงเพียงนี้ มิว่าเขาจักกล่าวอันใดออกไป อีกฝ่ายก็เถียงกลับได้หมด
อีกทั้งอันหลิงเกอยังเป็นบุตรภริยาเอกของจวนโหวมิใช่สามัญชนทั่วไป แม้เขาอยากจับตัวนางเพียงใดก็ต้องมองท่าทีของท่านโหวก่อน
“ท่านโหวมีความเห็นเยี่ยงไรต่อเรื่องนี้ ท่านว่าผู้ใดถูกและผู้ใดผิด ? ” จ้าวหลานหยู่โยนปัญหาไปที่อันอิงเฉิงพร้อมรอยยิ้มแสนเยือกเย็น
หากอันอิงเฉิงกล่าวว่าเรื่องนี้องค์ชายเจ็ดทำถูก เขาก็สามารถทำตามคำกล่าวของอันอิงเฉิงแล้วจับตัวอันหลิงเกอไปได้ บนแผ่นดินนี้ความกตัญญูยิ่งใหญ่เทียมฟ้า แม้อันหลิงเกอปากเก่งเยี่ยงไรก็มิกล้าเถียงบิดาหรอก
หากอันอิงเฉิงบอกว่าองค์ชายทำผิด เขาก็สามารถโยนโทษพยายามปกปิดความผิดให้ได้ ด้วยนิสัยละเอียดรอบคอบและระมัดระหวังของอันอิงเฉิงย่อมมิมีทางให้เกิดสถานการณ์เยี่ยงนี้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นต้องยอมมอบตัวอันหลิงเกอให้เขาอยู่ดี
ตอนนี้อันอิงเฉิงรู้สึกกลืนมิเข้าคายมิออกเพราะมิรู้จักตอบกลับเยี่ยงไร
อันอิงเฉิงทำหน้าเคร่งขรึมและพยายามเรียบเรียงคำพูด “ทูลองค์ชายเจ็ด กระหม่อมคิดว่าบุตรสาวกักตุนยาสมุนไพรเพราะตั้งใจศึกษา แต่นางอาจโดนผู้อื่นใส่ร้ายจึงทำให้พระองค์คิดว่านางสะสมยาเพื่อแคว้นชิงเยว่ก็เป็นได้”
“อ้อ ถ้าเยี่ยงนั้นท่านโหวเชื่อบุตรสาวแต่มิเชื่อข้าสินะ” จ้าวหลานหยู่เอ่ยกดดันออกมา ทำให้ภายในใจของอันอิงเฉิงมีไฟโทสะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เห็นชัดเจนว่าองค์ชายเจ็ดตรัสโดยไร้มูล เพราะแค่ในเรือนอันหลิงเกอมียาจำนวนมากก็ยัดข้อหาทรยศแผ่นดินให้แล้ว ไร้เหตุผลเกินไปหน่อยหรือไม่ ?
ตอนนี้ข้าเข้าข้างบุตรสาว มันจักผิดอันใด ? ทำราวกับข้ากำลังปกป้องนักโทษอย่างไรอย่างนั้น
แม้อันอิงเฉิงโมโหเพียงใด ขณะเผชิญหน้ากับองค์ชายเจ็ดก็ยังแสดงท่าทางเคารพออกมา “องค์ชายเจ็ด เกอเอ๋อเป็นบุตรสาวของกระหม่อม นางเป็นคนเยี่ยงไรกระหม่อมย่อมรู้ดีและเชื่อว่านางมิได้ทำผิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ดั่งที่กล่าวไปเมื่อครู่ว่าเกอเอ๋อเป็นเพียงสตรีอยู่แต่เรือน นางจักไปติดต่อกับคนแคว้นชิงเยว่ได้เยี่ยงไร ? จักสมคบคิดกับศัตรูและขายชาติได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ? ”
จ้าวหลานหยู่มิรู้สึกรู้สาอันใด “ในเมื่อท่านโหวกล่าวออกมาถึงเพียงนี้ก็แสดงว่ามิยอมเชื่อคำกล่าวของข้า เช่นนี้ก็มิมีอันใดต้องกล่าวให้มากความ รอให้ข้ากลับไปรายงานฟู่หวง พระองค์ต้องตัดสินเรื่องนี้อย่างยุติธรรม ท่านโหวจงคิดให้ดีว่าจักตอบคำถามของฟู่หวงเยี่ยงไร”
จ้าวหลานหยู่ทำท่าจักเดินออกไป ท่าทางโมโหราวจักนำเรื่องนี้ไปทูลฮ่องเต้จริง ๆ
“องค์ชายเจ็ดโปรดรอก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ความกังวลปรากฏ ระหว่างคิ้วของอันอิงเฉิงขมวดมุ่น นึกถึงฮ่องเต้ทรงระแวงและกังวลเรื่องสกุลอ๋องต่าง ๆ หากองค์ชายเจ็ดนำเรื่องนี้กราบทูล แม้ฮ่องเต้มิใช่พวกที่ตัดสินคนโดยไร้หลักฐาน แต่ถ้าเกิดความสงสัยจวนโหวเพราะเหตุนี้ขึ้นมาก็มิใช่เรื่องดีอันใด