พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 146 วิธีการ
ตอนที่ 146 วิธีการ
อันอิงหาวกลัวว่าหวังซื่อจักทำทุกทางเพื่อกำจัดบุตรของสาวใช้ผู้นั้น แต่มิคิดเลยว่าหวังซื่อก็กำลังตั้งครรภ์และเผชิญภาวะเสี่ยงแท้งบุตรถึง 2 ครั้งติด ยังมาโดนสาวใช้กระตุ้นโทสะอีก มิรู้ว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นบ้าง
เขารีบมาที่เรือนของหวังซื่อ เพิ่งเดินผ่านประตูมาก็เห็นหวังซื่อมีใบหน้าเคร่งขรึมและมีสาวใช้กลุ่มหนึ่งล้อมรอบ นอกจากนี้ที่พื้นยังมีสาวใช้ร่างอรชรคุกเข่าอีกหนึ่งคน
“พวกเจ้ากำลังทำอันใด ! ”
อันอิงหาวสวมมาดนายท่านรองแล้วตะโกนด้วยเสียงดุดัน
หวังซื่อที่เห็นอันอิงหาวมาถึงแล้วจึงเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างเย้ยหยัน มุมปากก็ยกยิ้มอย่างดูแคลน “ในที่สุดท่านพี่ก็มา ข้ากำลังจัดการสาวใช้ชั้นต่ำที่กล้าขายเจ้านายอยู่ แต่นางบอกว่าตั้งครรภ์บุตรของท่านพี่ ข้าจึงได้แต่เชิญท่านมาดูเองเจ้าค่ะ”
อันอิงหาวเห็นหวังซื่อกล่าวเรื่องชู้สาวของตนต่อหน้าสาวใช้มากมายจึงรู้สึกเสียหน้า
เขาจึงแสดงสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย บางทีอาจเพราะรู้สึกผิด น้ำเสียงโมโหเมื่อครู่จึงอ่อนลงพอสมควร “มิว่าเพราะเหตุใดก็ให้สาวใช้คนนี้คุกเข่ามิได้ หากคุกเข่านานเกินไปแล้วบุตรในครรภ์ของนาง…”
“บุตรในครรภ์ของนางน่ะหรือ ? ฮึ ! ถ้าเช่นนั้นท่านพี่เคยนึกถึงบุตรในครรภ์ของข้าบ้างหรือไม่ ? ” หวังซื่อแสดงท่าทีโมโห น้ำเสียงที่กล่าวออกมาก็เศร้าหมอง
“พวกเราเพิ่งกลับมาอยู่เมืองหลวงมิเท่าไร ท่านก็ลอบมีสัมพันธ์กับสาวใช้กวาดพื้นผู้นี้แล้ว ถ้าแค่นั้นก็ยังพอทน ทว่านางกล้าขายข่าวของข้าให้สะใภ้หลี่ นางทำให้ข้าโดนหญิงชาติชั่วรังแกจนเกือบเสียบุตร เหตุใดท่านมิคิดถึงเรื่องนี้บ้าง ? ”
“อีกอย่างข้ายังมิทันได้จัดการนาง ท่านก็ปกป้องนางเสียแล้ว ช่างรักสาวใช้ผู้นี้แบบมิลืมหูลืมตาเสียจริงเจ้าค่ะ”
สิ่งที่อันอิงหาวกลัวที่สุดคือฝีปากร้ายกาจที่กล้ากล่าวทุกอย่างของหวังซื่อ เพราะนางจักมิไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย
เมื่อหวังซื่อกล่าวออกมาเยี่ยงนี้ เขาก็เผยท่าทางอับอายแล้วหันไปมองสาวใช้ที่พื้น เขาเห็นดวงตาของสาวใช้เต็มไปด้วยน้ำตาและมองมาทางเขาอย่างน่าเวทนา เขาจึงสงสารนางมากเหลือเกิน
“เจ้าบอกว่าสาวใช้ผู้นี้ขายข่าวของเจ้าแล้วมีหลักฐานหรือไม่ ? ถ้าไม่ ข้าก็มิปล่อยให้เจ้าจัดการนางตามใจชอบ” อันอิงหาวกล่าวพร้อมเอื้อมมือไปช่วยประคองสาวใช้ให้ลุกขึ้น มิลืมกำชับนางให้ระวังบุตรในครรภ์แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมอก ท่าทีเยี่ยงนี้ทำให้หวังซื่อรู้สึกโกรธจนหน้ามืดตาบอดแม้แต่หูยังอื้ออึง
ทว่าสาวใช้ที่อยู่ในอ้อมอกของอันอิงหาวแสร้งทำท่าทางอ่อนแอและในที่สุดน้ำตาก็ร่วงหล่นเปื้อนใบหน้างดงาม นางทำคล้ายกำลังหวาดกลัวมาก
“นายท่านรองเจ้าคะ ในที่สุดท่านก็มาเสียที บ่าวแค่ไปเอาของบางอย่างที่เรือนฮูหยินรองเท่านั้น แต่นายหญิงบอกว่าบ่าวสมคบคิดกับฮูหยินรองแล้วจักนำตัวบ่าวไปขายที่ซ่องชั้นต่ำ ถ้าเป็นเวลาปกติบ่าวคงยอมรับชะตากรรม ทว่าตอนนี้บ่าวเป็นคนของนายท่านแล้ว ถ้าจักให้รับใช้ผู้ชายคนอื่นก็มิเท่าเป็นการดูหมิ่นท่านหรือเจ้าคะ ? ”
นางกล่าวพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ก็ยังแอบชี้นำอันอิงหาวว่านางมอบกายให้เขาแล้วถ้าอันอิงหาวยืนมองหวังซื่อขายตนเข้าซ่องชั้นต่ำ เยี่ยงนั้นคนที่ขายหน้าก็จักเป็นเขาเอง
อันอิงหาวคิดได้เยี่ยงนี้ก็มิยอมให้หวังซื่อขายสาวใช้แน่นอน
“เจ้าวางใจได้ เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ข้ามิให้เจ้าไปอยู่ในที่เยี่ยงนั้นหรอก”
เมื่อสัญญากับสาวใช้อย่างหนักแน่น เขาก็หันมาทางหวังซื่อ “เจ้าก็รู้ว่าสาวใช้ผู้นี้เป็นคนของข้าแล้ว ถ้ายังเอานางไปขายให้ซ่องอีกก็มิเท่าปล่อยให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะข้า ดังนั้นทำเรื่องนี้มิได้เด็ดขาด ! ”
หากให้ผู้อื่นรู้ว่าสตรีของอันอิงหาวโดนขายไปอยู่ในซ่อง คนที่ขายหน้ามิได้มีแค่เขาเท่านั้น แต่เป็นคนทั้งจวนโหว
พอหวังซื่อคิดตกแล้วก็รู้สึกว่าสาวใช้คนนี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
“ท่านพี่บอกว่ามิขายก็มิขาย” หวังซื่อมองสาวใช้อย่างเย็นชา ท่าทางก็เย็นชามิน้อย “แต่ที่นางบอกว่าไปเอาของที่เรือนสะใภ้หลี่ก็เป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ นางเป็นคนกวาดพื้นของเรือนข้า ด้วยฐานะของนางมิมีทางเกี่ยวข้องกับสะใภ้หลี่ แล้วจักไปเอาของใดที่เรือนโน้น ? ถ้ามิได้ไปส่งข่าวให้สะใภ้หลี่ แล้วนางจงใจทำตัวลับลับล่อล่อมิอยากให้คนอื่นเห็นด้วยเหตุใด ? ”
“นายหญิงเจ้าคะ บ่าวไปเอาของจริง ๆ บ่าวมิมีทางทรยศท่านแน่นอนเจ้าค่ะ ! ” สาวใช้รีบแก้ตัว ตอนที่กล่าวก็แสร้งทำเหมือนร้องไห้ออกมาอีก
ชิงเอ๋อทนดูต่อไปมิไหว นางจึงดึงตัวสาวใช้หน้าตาอัปลักษณ์ผู้หนึ่งออกมา
“เจ้าเรียนนายท่านว่าวันนี้เห็นอันใดมาบ้าง ? ”
สาวใช้อัปลักษณ์กำมือแน่นด้วยความประหม่า เมื่อเห็นคนในอ้อมอกอันอิงหาว ท่าทีของนางก็ดูหนักแน่นขึ้นทันที “เรียนนายท่านรอง บ่าวกับหยูเอ๋ออาศัยอยู่ห้องเดียวกัน เมื่อมิกี่วันก่อนอยู่ ๆ นางก็เอาเครื่องประดับและเครื่องสำอางกลับมาจำนวนมาก ของพวกนั่นดูเหมือนมีราคาแพงด้วยเจ้าค่ะ”
“ตอนนั้นบ่าวจึงเริ่มสงสัยว่าหยูเอ๋อเป็นสาวใช้ขั้นสามเหมือนบ่าว แล้วนางจักซื้อของแพงได้เยี่ยงไร จนกระทั่งนางว่างงานวันนี้แล้วแอบออกไปนอกเรือน บ่าวจึงตามไปดูก็พบว่านางไปที่เรือนของฮูหยินรอง แต่มิรู้ว่านางพูดคุยอันใดกับโมโม่เฝ้าประตู จากนั้นนางก็ได้เงินกลับมาเจ้าค่ะ”
หยูเอ๋อที่กำลังซบอกอันอิงหาวจ้องสาวใช้ห้องเดียวกันด้วยสายตามุ่งร้าย เมื่ออันอิงหาวหันมามองก็รีบเก็บสายตาแล้วแสร้งทำตัวบอบบางน่าสงสาร
“จริงหรือ ? ” อันอิงหาวเผยใบหน้าสงสัยออกมาแล้วเอ่ยถามสาวใช้ในอ้อมกอด
ในยามที่หยูเอ๋อกำลังหาเหตุผลให้ตนก็ได้ยินหวังซื่อกล่าวอย่างเย็นชา “จริงหรือไม่ก็ดูว่าในตัวนางมีเงินอยู่หรือเปล่า พวกเจ้ารีบไปค้นตัวนางเดี๋ยวนี้ ! ”
สาวใช้และโมโม่คนอื่นยืนนิ่งอยู่กับที่ ขณะมองสาวใช้ในอ้อมอกอันอิงหาว พวกนางก็ลังเลมิกล้าลงมือ
“ข้าบอกให้พวกเจ้าค้นตัวนาง พวกเจ้าหูหนวกกันหมดแล้วหรือ ? ! ”
เมื่อเสียงดุดันของหวังซื่อดังขึ้น สาวใช้ห้องเดียวกับหยูเอ๋อก็เดินเข้าไปเป็นคนแรก “หยูเอ๋อ เจ้าทำเรื่องผิดต่อนายหญิงเยี่ยงไรก็สารภาพออกมาตามตรงเถิด”
หยูเอ๋อหลบไปซ่อนข้างหลังอันอิงหาว แต่พวกสาวใช้และโมโม่ก็พุ่งเข้าหา จากนั้นก็ดึงตัวนางออกจากที่ซ่อน
“หยุด พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ! ”
นางร้องเรียกออกมาอย่างกระวนกระวาย เอื้อมมือไปทุกทิศทุกทาง แต่จักต้านทานมือหลายคู่ได้เยี่ยงไร ผ่านไปมินานก็โดนค้นตัวจนทั่วจึงทำให้เสื้อผ้าบนร่างยับย่นไปหมด
“นายท่านรอง นี่คือหลักฐานเจ้าค่ะ”
สาวใช้ห้องเดียวกับหยูเอ๋อค้นเจอเงินจึงนำมันไปวางตรงเบื้องหน้าของอันอิงหาว
“เจ้ากล้าทำเรื่องเยี่ยงนี้จริงหรือ ! ” เมื่ออันอิงหาวเห็นเงินก้อนนั้นก็เผยสีหน้าตกใจและประหลาดใจทันที
หลังจากนั้นสายตาที่เขาใช้มองหยูเอ๋อก็มิได้อ่อนโยนและสงสารอีกต่อไป กลับกันเขาจ้องนางราวกับมองสิ่งสกปรก
“นายท่านเจ้าคะ ท่านเชื่อบ่าวเถิด บ่าวโดนปรักปรำเจ้าค่ะ ! ” หยูเอ๋อมิยอมแพ้ นางเข้าไปจับเสื้ออันอิงหาวพร้อมร้องเรียกให้ช่วยนาง
ทว่าอันอิงหาวสะบัดมือนางออกและเผยท่าทีรังเกียจออกมา “เจ้าเป็นสาวใช้ของเรือนนายหญิงรอง นางจัดการเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าไปยุ่งมิได้หรอก”
หยูเอ๋อตกตะลึงในทันที นางคาดมิถึงว่าคนที่เคยยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ตนเมื่อมินานมานี้จักมีท่าทีเปลี่ยนเป็นเย็นชาได้ถึงเพียงนี้