พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 159 ทำนายดวงชะตา
ตอนที่ 159 ทำนายดวงชะตา
เหตุใดเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับอันหลิงอีอีกแล้ว ?
ฮูหยินผู้เฒ่าพึมพำออกมาแล้วเม้มปากแน่น แววตาเจือไปด้วยความมิพอใจ
เมื่อครู่เว่ยอี๋เหนียงก็ตามมาด้วย พอได้ยินเช่นนั้นนางก็คลี่ยิ้ม “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าว่าเรื่องนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนี้ดูมีเงื่อนงำเกินไป เยี่ยงนั้นพวกเรากลับเรือนท่านก่อนแล้วค่อยส่งคนไปตรวจสอบดีกว่าเจ้าค่ะ”
เมื่อนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน นางโดนหลี่ซื่อกดขี่จนต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในเรือนเพียน ทว่าก็สามารถเลี้ยงดูบุตรชายให้เติบใหญ่อย่างสงบสุขได้ก็นับว่าเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบอยู่พอตัว
นางลองเชื่อมโยงเรื่องในวันนี้แล้วก็พอเดาเรื่องราวทั้งหมดออกบ้าง
ก่อนหน้านี้หลี่ซื่อบอกว่าเห็นนกกระเรียนมงกุฎแดงที่เรือนชิงเฟิงแล้วโน้มน้าวให้ฮูหยินผู้เฒ่าออกมาดู ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทั้งดีใจและมีความสุข แต่ท้ายที่สุดกลับได้เห็นศพของนกกระเรียนมงกุฎแดงแทน
ต่อมาสาวใช้ โมโม่และทหารยามก็บอกว่าเห็นคุณหนูใหญ่เดินผ่านมาทางนี้ แต่เมื่อมาถามที่เรือนฉีอู๋ก็พบว่าคุณหนูใหญ่โดนคุณหนูสามเชิญตัวไปพบ
หลี่ซื่อเป็นคนปลุกปั่นเรื่องนกกระเรียนมงกุฎแดงขึ้นมา ส่วนคุณหนูสามก็เชิญคุณหนูใหญ่ไปพบ สองแม่ลูกคู่นี้ต้องกำลังวางแผนร้ายอันใดอยู่แน่นอน
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเว่ยอี๋เหนียงกล่าวเยี่ยงนั้นก็เริ่มคิดว่าตนค่อนข้างใจร้อนเกินไป
ก็แค่นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวเดียวมาตายที่เรือนของตนก็มิควรพาคนมายังเรือนของเกอเอ๋อด้วยท่าทีคุกคามเช่นนี้
ทว่าหลี่ซื่อจักยอมให้ฮูหยินผู้เฒ่าออกจากเรือนฉีอู๋โดยง่ายได้เยี่ยงไร ?
หลี่ซื่อส่งสายตาดุร้ายให้เว่ยอี๋เหนียง แต่หัวเราะแห้งให้ฮูหยินผู้เฒ่า
“ท่านแม่เจ้าคะ ในเมื่อพวกเรามาถึงเรือนเกอเอ๋อแล้วก็ให้คนไปตามคุณหนูใหญ่กลับมา จากนั้นท่านจักได้ซักถามนางให้ชัดเจน อย่างน้อยก็ดีกว่าให้ผู้อื่นเข้าใจนางผิดนะเจ้าคะ”
สมแล้วที่หลี่ซื่อได้กุมอำนาจเรือนหลังของจวนโหว เพราะเห็นได้ชัดว่านางอยากทำให้อันหลิงเกอถูกป้ายสีว่าเป็นตัวอัปมงคลและต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว แต่ปากนางกล่าวช่วยอันหลิงเกอทำให้ผู้อื่นหาช่องโหว่ว่านางคิดทำร้ายอีกฝ่ายมิเจอเลยแม้แต่น้อย
เว่ยอี๋เหนียงได้ฟังก็รู้สึกร้อนใจ แต่มิกล้ากล่าวอันใดออกมา ได้แต่กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นพร้อมอยู่เงียบ ๆ และภาวนาให้อันหลิงเกออย่าโดนสองแม่ลูกคู่นี้ทำร้ายได้
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าแล้วออกคำสั่งกับสาวใช้ในเรือนอันหลิงเกอว่า “เจ้าไปตามคุณหนูใหญ่มา”
หลังจากนิ่งคิดครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าก็กล่าวเสริม “หากคุณหนูสามอยู่ด้วยก็เรียกนางมาพร้อมกัน”
ในเมื่อจักสอบถามให้ชัดเจนก็ต้องถามอันหลิงอีด้วยเช่นกัน
สาวใช้ผู้นั้นขานรับ จากนั้นก็รีบเดินออกไปทันที
ในเวลานี้อันหลิงเกอกำลังเดินกลับเรือนมาพอดีแล้วบังเอิญเจอกับสาวใช้คนนั้นระหว่างทาง เมื่อฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ แล้ว อันหลิงเกอจึงมุ่งหน้ากลับเรือน
“สาวใช้ของพี่หญิงใหญ่ฉลาดเสียจริงนะเจ้าคะ”
อันหลิงอีเตรียมใจไว้นานแล้ว พอเห็นสาวใช้เล่าเรื่องทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวและแอบกล่าวแฝงความนัยว่าหลี่ซื่อมีเจตนาร้าย นางจึงกล่าวออกไปเช่นนั้น
มิว่าสาวใช้ของอันหลิงเกอฉลาดเพียงใดหรือแอบเตือนให้อันหลิงเกอระวังเยี่ยงไร แต่วันนี้อันหลิงเกอต้องแบกรับความเป็นตัวอัปมงคลโดยเลี่ยงมิได้
นัยน์ตาสีนิลของอันหลิงเกอกวาดมองอันหลิงอี เมื่อได้ฟังคำเย้ยหยัน ใบหน้าของอันหลิงเกอก็แฝงไปด้วยความเย็นชาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องหญิงสามคงมิรู้ว่าบ่าวก็เหมือนนาย”
คำกล่าวของอันหลิงเกอบ่งบอกว่าสาวใช้ของนางเฉลียวฉลาดก็เพราะนางเป็นคนฉลาด ส่วนสาวใช้ของอันหลิงอีโง่เขลาก็ต้องเป็นเพราะอันหลิงอีไร้สมอง
แม้คำกล่าวของอันหลิงเกอเป็นประโยคสั้น ๆ แต่กำลังด่าว่าอันหลิงอีเป็นคนโง่เขลาสิ้นดี
อันหลิงอีได้แต่ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และนึกเคียดแค้นอยู่ภายในใจ
หากมิจำเป็นต้องหลอกล่ออันหลิงเกอ นางมิมีทางยอมเล่นละครตามน้ำอย่างแน่นอน !
พอคิดว่าอีกประเดี๋ยวอันหลิงเกอจักโดนทำนายว่ามีดวงอัปมงคลและโดนทุกคนในจวนรังเกียจ จากก็ร่วงจากเมฆที่สูงส่งลงบ่อโคลนที่ต่ำต้อย อันหลิงอีจึงสะกดไฟโทสะภายในใจเอาไว้และรักษารอยยิ้มต่อไป
“พี่หญิงใหญ่กล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ สาวใช้พวกนี้อยู่ในจวนโหวมาตั้งแต่เกิด ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากท่านพ่อแล้ว จักฉลาดขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องสมควรแล้ว”
คำกล่าวของอันหลิงเกอมิได้บอกว่าบ่าวก็เหมือนนายใหญ่ที่มีอำนาจที่สุดในจวนโหวแห่งนี้เยี่ยงอันอิงเฉิง แต่เป็นการกล่าวว่าสาวใช้พวกนี้มิใช่เด็กกำพร้าที่เกิดมาก็เสียมารดาไปตั้งแต่เด็กเยี่ยงอันหลิงเกอ
อันหลิงเกอถากถางว่านางเป็นคนโง่เขลา ฮึ แต่มันมิง่ายเยี่ยงนั้นหรอก
เดิมทีอันหลิงเกอก็มิคิดเถียงกับอันหลิงอีอยู่แล้ว ที่เอ่ยปากถากถางอันหลิงอีเมื่อครู่ก็เพราะทนเห็นนางแสร้งทำเป็นสนิทสนมมิได้เท่านั้น
เมื่อเห็นอันหลิงอีปัดเข้าเรื่องเดิม อันหลิงเกอก็เดินตามสาวใช้กลับมาที่เรือนฉีอู๋ แต่อันหลิงอีมิได้ตามมาด้วย
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูเรือนฉีอู๋ก็ได้ยินเสียงของใครบางคนดังไล่หลังมา “ตัวอัปมงคล ! ”
ผู้กล่าวคือนักพรตท่านหนึ่งที่สวมใส่ชุดนักพรตเต๋าใหม่เอี่ยม ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ดูเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ดวงตาที่มองมายังอันหลิงเกอก็เหมือนว่าเห็นคนน่าสงสารอย่างไรอย่างนั้น
เสียงของเขามิดังมาก ทว่าคำนี้สามารถดึงดูดความสนใจของฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือนให้เดินออกมาดู
หลี่ซื่อและเว่ยซื่อเดินตามหลังฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นมีชายแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่จึงตกใจและรีบถามด้วยความโมโห
“เจ้าเป็นผู้ใด ? เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ? ”
ที่นี่คือเรือนฉีอู๋ของอันหลิงเกอ แล้วนักพรตผู้นี้มาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร ?
ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่านักพรตผู้นี้ดูแปลกยิ่งนัก คงมิได้เป็นโจรปลอมตัวมาหรอกกระมัง
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าทำท่าทางเคร่งขรึม พวกคนรับใช้ที่อยู่ข้างกายก็ทำท่าทางหวาดระแวง ราวกับขอแค่ฮูหยินผู้เฒ่าออกคำสั่ง พวกเขาก็พร้อมเข้าไปจับตัวนักพรตผู้นี้ทันที
หลังจากนักพรตได้ยินคำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็มิตื่นกลัว ใบหน้ายังดูเห็นอกเห็นใจดังเดิม “ฮูหยินท่านนี้คงเป็นฮูหยินผู้เฒ่าของจวนอันสูงส่งหลังนี้”
หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าคารวะฮูหยินผู้เฒ่า “ตัวข้าออกท่องยุทธภพไปทั่ว เมื่อมิกี่วันก่อนได้มาหยุดพักอยู่ในเมืองหลวง ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับจวนหลังนี้มิหยุดหย่อนจึงถูกเชิญให้มาดูฮวงจุ้ย ( เฟิงสุ่ย ) ให้จวนนี้”
ทันใดนั้นหลี่ซื่อก็เล่าเรื่องที่พบโจรภูเขาออกมาและบอกว่านางเป็นคนเชิญนักพรตผู้นี้มาเอง หนึ่งคือเพื่อเป่ามนต์คาถาให้คนในจวนพ้นภัย สองคือดูฮวงจุ้ยของจวนว่ามีตรงไหนมิดีบ้าง
คำอธิบายนี้ของหลี่ซื่อนับว่าสมเหตุสมผลใช้ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังก็รู้สึกวางใจในที่สุด
แต่นางยังคงถามด้วยความสงสัย “เมื่อครู่ท่านบอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นตัวอัปมงคล หมายความว่าเยี่ยงไร ? ”
“ก็หมายความตามที่ข้าได้กล่าวไป” ทันใดนั้นท่าทางเห็นอกเห็นใจของนักพรตก็แฝงไปด้วยความเคร่งขรึม “คุณหนูใหญ่มีชะตาอัปมงคล ทำร้ายคนในครอบครัว สหายและสามี ช่างน่าเวทนาเสียจริง”
ทันใดนั้นใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็เปลี่ยนไป แต่ก็มิได้เชื่อนักพรตง่ายถึงเพียงนั้น นางเผยท่าทางดุร้ายออกมา แววตาเฉียบคมเปื้อนไปด้วยความน่าเกรงขาม “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังกล่าวอันใดออกมา การใส่ร้ายคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวของพวกเรามิได้มีโทษสถานเบาหรอกนะ”
“ข้าก็เพียงกล่าวความจริงออกมา หากฮูหยินผู้เฒ่าเชื่อ ข้าจักมอบวิธีแก้ไขให้ท่าน แต่หากมิเชื่อ ข้าก็จักออกไปเดี๋ยวนี้”
เขาแสร้งทำท่าเดินออกไป ทว่าหลี่ซื่อรีบเข้าไปห้ามเอาไว้
“ไอหยา ท่านนักพรตอย่าเพิ่งโมโหไปเลย ฮูหยินผู้เฒ่าของเรามิเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านมาก่อน จักสงสัยก็เป็นเรื่องปกติจริงหรือไม่ ถ้าอย่างไรข้าแนะนำท่านให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้จักเสียหน่อยก็มิเข้าใจผิดกันแล้ว”