พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 193 แฉหมดเปลือก
ตอนที่ 193 แฉหมดเปลือก
ณ เรือนชิงเฟิง ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้จันทน์แดงที่แกะสลักดอกโบตั๋น ดวงตาหลุบลงครึ่งหนึ่ง ท่าทางสงบนิ่งและมีสาวใช้ทุบหลังให้อย่างตั้งใจ
“ไปเรียกเว่ยซื่อมาพบข้า”
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าที่เหมือนใกล้หลับก็เอ่ยขึ้นมากะทันหัน แม่นมอู๋เข้าใจความหมายของนางจึงตอบรับและเดินออกไป
แม่นมอู๋อายุมิน้อยแล้ว ทว่าเท้าเดินเร็วมาก นางเดินไปถึงเรือนเว่ยซื่อแล้วเข้าไปเชิญอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“อนุเว่ยเจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการพบท่าน เชิญท่านไปพบที่เรือนชิงเฟิงเจ้าค่ะ”
รอยยิ้มบนหน้านางดูเป็นมิตร เว่ยซื่อจึงรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องอารมณ์ดีแน่นอน
คิดแล้วเว่ยซื่อจึงใส่กำไลหยกปี้อวี้ที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้ จากนั้นก็เดินตามแม่นมอู๋ไป
“คาราวะท่านแม่เจ้าค่ะ ” พอมาถึงเรือนชิงเฟิง นางก็ค่อย ๆ ย่อตัวคำนับ ท่าทางดูอ่อนโยนและมีมารยาทยิ่งนัก
ฮูหยินผู้เฒ่าลืมตาขึ้น เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้จึงรู้สึกดีต่อเว่ยซื่อมากขึ้น
“เว่ยซื่อ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานวันเกิดของข้า เจ้าก็ทราบดีอยู่แล้ว ไหนลองเล่าสิว่าตนมีความคิดเยี่ยงไร ? ”
คำถามนี้เอ่ยอย่างกะทันหันเกินไป เว่ยซื่อจึงตั้งตัวมิทันแต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าประดับรอยยิ้มถ่อมตน “คำถามนี้ของท่านแม่ช่างยกย่องข้ามากไปแล้ว ข้าเป็นแค่อนุคนหนึ่ง เรื่องของคุณหนูสามจักมีความเห็นเยี่ยงไรได้เจ้าคะ ? ”
“ข้าให้เจ้าพูด เจ้าก็พูดมาตามตรง” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังบอกปัด ดวงตาฝ้าฟางยังคงแฝงไว้ด้วยประกายเฉียบคม ราวกับสามารถมองทะลุความคิดในใจนางออก
เมื่อเป็นเช่นนี้ เว่ยซื่อจึงมิอ้อมค้อมอีกแล้วตอบด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ข้าคิดว่าเรื่องนี้แปลกเล็กน้อยเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่าก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่มิได้กล่าวอันใด เพียงใช้สายตาบอกให้พูดต่อ
“ตอนที่คุณหนูสามนำของขวัญออกมา นางก็บอกว่าของสิ่งนี้มิใช่ของที่เตรียมไว้ แต่หลี่ซื่อบอกว่านั่นคือการวางแผนเพื่อให้ท่านแม่ประหลาดใจโดยเฉพาะ พอรูปปั้นหยกมีน้ำตาโลหิตไหลออกมาและเรื่องพัวพันถึงคุณหนูสาม สาวใช้ข้างกายก็มาเปิดโปงนางเสียเอง ดูแล้วจึงมิค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไรเจ้าคะ”
สาวใช้คนสนิทของเจ้านาย ปกติต้องจงรักภักดียิ่ง มิเช่นนั้นคงมิโดนเลื่อนขั้น ดังนั้นเรื่องทรยศเจ้านายมิใช่ว่าอยู่ ๆ ก็คิดทรยศได้โดยง่าย
ที่ฮูหยินผู้เฒ่าสงสัยคือเรื่องนี้เช่นกัน นางปรายตามองเว่ยซื่อทีหนึ่งด้วยแววตาล้ำลึก “สิ่งที่เจ้าจักกล่าวมีเพียงเท่านี้หรือ ? ”
“มิใช่เจ้าค่ะ” เว่ยซื่อคุกเข่าลง “ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นข้าลงมือเองเจ้าค่ะ”
นางยอมรับออกมาอย่างแน่วแน่จนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึง “สวรรค์ ! เยี่ยงนั้นเจ้าจงเล่ามาว่าแท้จริงเรื่องราวเป็นมาเยี่ยงไร”
เว่ยซื่อมิได้กล่าวถึงอันหลิงเกอ เพียงบอกแค่ตนรู้สึกว่าหลี่ซื่อมีพิรุธราวกับเตรียมใส่ร้ายอันหลิงเกอ
เห็นแก่บุญคุณของฮูหยินใหญ่อันในปีนั้น เว่ยซื่อจึงปกป้องคุณหนูใหญ่เป็นเรื่องปกติ
บังเอิญชิงเอ๋อที่ได้เลื่อนขั้นอยู่ข้างกายอันหลิงอีและแท้จริงก็เป็นคนของนาง เมื่อรู้แผนการของหลี่ซื่อ นางจึงฉวยโอกาสให้ชิงเอ๋อเปลี่ยนของขวัญของอันหลิงอี
“เรื่องนี้ข้าทำมิถูกจึงเต็มใจรับการลงโทษจากท่านแม่เจ้าค่ะ”
เว่ยซื่อยอมรับเรื่องที่ทำออกมาอย่างผ่าเผย แม้คุกเข่าบนพื้น แต่แววตาไร้ความรู้สึกผิด
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดกลับหัวเราะออกมา มิคิดลงโทษนางแม้แต่น้อย “ลุกขึ้นเถิด เรื่องที่เจ้าทำ ข้าจักมิรู้ได้เยี่ยงไร ? ”
แม้นางเพิ่งกลับมาจวนโหวได้มินาน แต่ในอดีตนางดูแลควบคุมจวนโหวมาเป็นสิบกว่าปี คนแก่ในจวนจึงรู้ว่าผู้ใดคือเจ้านายที่แท้จริงและย่อมรู้ว่าต้องทำงานให้ผู้ใด
ตอนเว่ยซื่อส่งชิงเอ๋อไป นางก็ได้รู้ข่าวนี้แล้ว
“ท่านแม่รู้เรื่องนี้ด้วยหรือเจ้าคะ ? ” เว่ยอี๋เหนียงตกตะลึง “แล้วท่านยังจัดการกับหลี่ซื่อ…”
“เพราะสิ่งที่ข้าต้องการคือจัดการนาง” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมาพร้อมแววตาเฉียบคม ระหว่างคิ้วและดวงตาดูเข้มงวด “นางเป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่งกลับมิรู้จักสงบเสงี่ยม อำนาจดูแลจวนก็อยู่ในมือแล้วมิเห็นข้าอยู่ในสายตา ครั้งก่อนนางใส่ร้ายเกอเอ๋อยังกล้าไปร้องโวยวายกับบุตรชายข้า ครั้งนี้ข้าจักทำให้นางรู้ว่าแม้แต่บุตรชายของข้าก็ช่วยนางมิได้”
อันอิงเฉิงเป็นบุตรกตัญญู มิกี่วันก่อนก็เพิ่งถกเถียงกับฮูหยินผู้เฒ่าเพราะหลี่ซื่อ แน่นอนว่ายังรู้สึกมิสบายใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า อันหลิงอีกลับนำรูปปั้นที่มีน้ำตาโลหิตมาสาปแช่งฮูหยินผู้เฒ่า แม้จักเห็นใจหลี่ซื่อและอันหลิงอีมากแค่ไหน เขาก็มิกล้าออกหน้าแทนพวกนางอย่างแน่นอน
เว่ยซื่อยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว นางทำหน้าตาหวาดกลัว “เรื่องที่ข้าใส่ร้ายหลี่ซื่อ ท่านแม่จักจัดการเยี่ยงไร ข้าล้วนยอมรับเจ้าค่ะ”
“เดิมทีข้าคิดลงโทษเจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวจบเว่ยซื่อก็ตกตะลึง แต่พอทบทวนคำกล่าวนั้นจึงได้เข้าใจและรู้สึกโล่งอก
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าจักลงโทษนาง หมายความว่าตอนนี้ได้เปลี่ยนใจแล้ว จักหลับตาข้างลืมตาข้างถือว่ามิเคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
คุณหนูใหญ่กล่าวไว้มิผิดเลย ฮูหยินผู้เฒ่าใช่ว่ามิรู้เรื่องเหมือนที่แสดงออกภายนอก ที่จริงแล้วฉลาดยิ่งนัก
โชคดีที่คุณหนูใหญ่สั่งเอาไว้ว่าอย่าได้ปิดบังความจริงตอนเผชิญกับฮูหยินผู้เฒ่า มิฉะนั้นอาจต้องเสียความไว้วางใจจากฮูหยินผู้เฒ่าไป มิแน่ว่าภายหลังต้องใช้ชีวิตที่ลำบากกว่าเมื่อก่อนก็ได้
นางรู้สึกโชคดียิ่งนัก เวลาเดียวกันก็รู้สึกตกตะลึงกับความฉลาดของอันหลิงเกอ
ราวกับอันหลิงเกอรู้ล่วงหน้าว่าฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องแล้ว รู้ความคิดฮูหยินผู้เฒ่า อีกทั้งรู้ว่าท่านย่าจักจัดการเรื่องเยี่ยงไร ช่างมิเหมือนเด็กสาวอายุ 15 ปีเลย กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในจวนมาหลายสิบปียังมิมีอุบายมากมายเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม อันหลิงเกอยิ่งเก่ง หลี่ซื่อยิ่งโชคร้าย ส่วนนางก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ
เว่ยซื่อมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา แต่ใบหน้าแสร้งทำสงสัย “ข้าทำผิดเช่นนี้ ท่านแม่มิสืบสวนหรือเจ้าคะ ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองที่กำไลข้อมือของนางแล้วยิ้ม “ข้ามอบกำไลให้ก็หวังให้เจ้าสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งของฮูหยินใหญ่แห่งจวนโหว”
“ข้ามิกล้าหรอกเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ายังกล่าวมิจบ เว่ยซื่อพลันคุกเข่าลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกรงกลัว “แต่เดิมข้ามีฐานะเป็นสาวใช้ มีวาสนาได้เป็นอนุของท่านโหว ทั้งได้รับความเมตตาจากท่านแม่ก็ถือเป็นบุญที่สั่งสมมานับพันปีแล้วเจ้าค่ะ จักกล้ารับตำแหน่งฮูหยินใหญ่ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมือไปประคองนางให้ลุกขึ้น “ตำแหน่งฮูหยินใหญ่คือสามารถสั่งสอนเหล่าอนุภรรยาที่มิเชื่อฟังเพื่อทำให้เรือนหลังมีความสงบและจวนสงบสุข การแย่งชิงระหว่างอนุภรรยามิใช่เรื่องดี เพราะมีแต่ทำให้เรือนหลังวุ่นวายและกลายเป็นที่น่าตลกขบขันของผู้อื่น”
ความหมายในคำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าช่างล้ำลึกยิ่งนัก เพียงแค่เว่ยซื่อรับตำแหน่งฮูหยินใหญ่ เรื่องวันนี้นางจักมิเอามาใส่ใจ มิฉะนั้นเว่ยซื่อต้องได้รับการลงโทษถ้าปฏิเสธ
เว่ยซื่อลังเล ครุ่นคิดสักครู่จึงเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “แต่ชาติกำเนิดของข้าต่ำต้อย อีกทั้งมิเป็นที่โปรดปรานของท่านโหว จักคู่ควรเป็นฮูหยินใหญ่แห่งจวนโหวหรือเจ้าคะ ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าเว่ยซื่อคล้อยตามบ้างแล้ว มุมปากจึงยกยิ้มอย่างมีเมตตา “เด็กดี เรื่องนี้มิจำเป็นต้องให้เจ้ากังวล”
แววตานางฉายประกายออกมา การทำให้เว่ยซื่อกลายเป็นฮูหยินใหญ่มิยากเลยสักนิด