พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 252 สมุดบัญชี
ตอนที่ 252 สมุดบัญชี
หลี่ซื่อทำราวกับว่าโดนปรักปรำ แต่ในแววตากลับซุกซ่อนความโหดร้ายเอาไว้
วันนี้นางทำพลาด ลืมนึกไปว่าอันหลิงเกอยังอยู่ในจวนจึงทำให้อีกฝ่ายมีโอกาสมาช่วยฮูหยินผู้เฒ่าได้ ดังนั้นนอกจากอันหลิงเกอมิตกเป็นแพะรับบาปแล้วก็มิถูกฮูหยินผู้เฒ่าสงสัยอีกด้วย
แต่ใช่ว่าจักมิได้ประโยชน์อันใดเลย ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มซุปบำรุงจากใบสั่งยาที่อันหลิงเกอออกให้และผู้ที่ต้มซุปก็เป็นเว่ยซื่อพอดี
หลังจากเหตุการณ์วางยาพิษในวันนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมติดค้างในใจและแม้ในอนาคตทั้งสองคนอยากเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าก็ต้องดูเสียก่อนว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีใจยอมรับความดีหรือไม่
อันหลิงเกอมิได้แสดงท่าทีสงสัยออกไป ในเมื่อหลี่อี๋เหนียงจักเล่นละคร นางก็จักเล่นเป็นเพื่อนให้สมใจไปเลย
“ข้ามิได้สงสัยหลี่อี๋เหนียง เพียงแต่คนจัดซื้อยาเป็นคนของท่าน ข้าก็แค่ถามเท่านั้น”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของท่านย่า ข้ามิกล้าประมาทแม้แต่น้อยจึงถามเช่นนั้น หรือหลี่อี๋เหนียงคิดว่าข้าทำมิถูก ? ”
คำที่กล่าวออกมาของนางทำให้หลี่ซื่อกล่าวอันใดมิออก หากหลี่ซื่อกล้าตอบว่าอันหลิงเกอทำมิถูกก็หมายถึงตนมิใส่ใจต่อความปลอดภัยของฮูหยินผู้เฒ่า หากตอบว่าอันหลิงเกอทำถูกแล้ว การทำท่าเหมือนโดนปรักปรำเมื่อครู่ก็จักมิกลายเป็นเรื่องตลกไปหรือ
เว่ยซื่อเหลือบมองสีหน้าหลี่ซื่อทีหนึ่ง ภายในใจเกิดความคิดขึ้นมาจึงกล่าวสนับสนุนอันหลิงเกอไปว่า “คุณหนูใหญ่ทำเช่นนี้มิผิดแน่นอน เมื่อครู่ท่านแม่ยังนึกว่าข้าเป็นผู้ต้องสงสัยเลย ข้าได้แต่บอกว่าตนถูกปรักปรำ มิกล้าสงสัยในคำกล่าวของท่านแม่หรอก”
เดิมทีนางอยากฉวยโอกาสเหยียบหลี่ซื่อไว้ใต้ฝ่าเท้า แต่มิคิดว่าสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจักเข้มขึ้น “เว่ยซื่ออย่าเพิ่งดีใจ เรื่องนี้ยังตรวจสอบมิชัดเจน มิได้หมายความว่าเจ้าจักหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา”
อนุภรรยาทั้งสองคนอยากขัดแย้งกันก็ขัดแย้งไป แต่กล้าใช้นางเป็นเครื่องมือในการโจมตีอีกฝ่ายได้อย่างไร !
เว่ยซื่อกำลังหลอกใช้ประโยชน์จากฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าจึงทนมิได้ ดังนั้นถึงได้เอ่ยคำตำหนิออกไป
คำตำหนิเมื่อครู่ทำให้สีหน้าของเว่ยซื่อซีดเผือด นางจึงตอบรับไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ข้ามิอาจทำร้ายท่านแม่เด็ดขาดเจ้าค่ะ ขอท่านแม่และคุณหนูใหญ่รีบตามหาผู้ร้ายออกมาโดยไวแล้วลงโทษตามกฎด้วยเถิด ! ”
“เว่ยอี๋เหนียงวางใจได้ ข้าได้สั่งคนไปเชิญป้าซุนมาแล้ว เรื่องนี้ต้องถูกตรวจสอบอย่างชัดเจนในเร็ว ๆ นี้แน่นอน ” อันหลิงเกอกล่าวอย่างอ่อนโยน ทว่ายังแฝงไว้ด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว
“ท่านย่าเป็นฮูหยินบรรดาศักดิ์ขั้นหนึ่งของราชวงศ์ปัจจุบัน ผู้ร้ายที่กล้าทำร้ายท่านย่าต้องเข้าคุกหลวงและถูกลงโทษอย่างทรมานจึงสามารถนำไปประหารได้ ! ”
นางกล่าวออกมาเสียงดังและชัดเจนจนทำให้หลี่ซื่อตกตะลึงอยู่พักใหญ่
“เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ป้าซุนมาแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงของสาวใช้ดังมาจากนอกประตู ฮูหยินผู้เฒ่าจึงโบกมือให้สาวใช้อีกคนในเรือนเดินออกไปแล้วพาป้าซุนเข้ามา
“บ่าวขอคารวะฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่ นายหญิงหลี่และอนุเว่ยเจ้าค่ะ”
เมื่อป้าซุนเข้ามาก็รีบทำความเคารพทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อืม คำหนึ่งเป็นสัญญาณให้ป้าซุนลุกขึ้นได้ นางจึงเห็นหน้าตาของป้าซุนอย่างชัดเจน “เจ้าคือป้าซุนที่ห้องครัวหรือ ? ”
นางมีรูปร่างหน้าตาเหมือนหญิงที่แต่งงานแล้วทั่วไป ไร้ซึ่งความโดดเด่นใด ๆ
ป้าซุนระมัดระวังตัวยิ่งนัก ปกตินางอยู่แต่ในครัว เคยเห็นเจ้านายผู้สูงส่งเช่นนี้มาก่อนที่ไหน ?
ตอนได้ยินคำถามของฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงรีบพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ บ่าวคือป้าซุน มิทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าเรียกบ่าวมา มีสิ่งใดให้รับใช้หรือเจ้าคะ ? ”
“เจ้ามิต้องกลัว” ฮูหยินผู้เฒ่าปลอบป้าซุนทีหนึ่ง ก่อนจักกล่าวว่า “ของในเรือนข้าหายและข้าได้ยินว่าในเรือนของเจ้าเลี้ยงสุนัขป่าที่จมูกไวไว้ตัวหนึ่งจึงอยากยืมมาใช้เสียหน่อย”
ฮูหยินผู้เฒ่าโดนคนวางยาจึงถือเป็นเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์แล้วย่อมมิอาจให้คนนอกรู้ได้อย่างเด็ดขาด นางจึงใช้ข้ออ้างว่าของหาย
อันหลิงเกอยิ้มให้ป้าซุน ใบหน้าแลดูเป็นกันเองมาก “หากป้าซุนยินยอม ของเหล่านี้ถือว่าเป็นของขวัญแทนการขอบคุณ”
พอนางกล่าวจบก็มีสาวใช้ถือถาดไม้สีแดงออกมา ในนั้นวางทองคำไว้จนเต็ม
ทองคำมากมายเหลือเกิน!
ป้าซุนตกตะลึง ฮูหยินผู้เฒ่าทำของอันใดหาย เหตุใดของตอบแทนถึงได้มีค่าเช่นนี้?
นางนึกอยู่ภายในใจแต่ใบหน้าก็ฉายแววตกตะลึงออกมา “คุณหนูใหญ่ นี่มากเกินไปเจ้าค่ะ”
นางเป็นเพียงหญิงที่แต่งงานแล้วธรรมดาผู้หนึ่ง พอเห็นทองคำมากมายเช่นนี้ ปฏิกิริยาแรกของนางจึงมิได้ดีใจแต่กลายเป็นความกลัวเสียมากกว่า
“มิมากหรอก หากเจ้าสามารถช่วยตามหาโจรที่ขโมยของออกมาได้ สิ่งนี้ย่อมเป็นของที่เจ้าสมควรได้รับ” ฮูหยินผู้เฒ่ามองป้าซุนแล้วพูดเกลี้ยกล่อมเสียงเบา
ป้าซุนจึงสบายใจได้ แต่ก็ยังลังเล “บ่าวเลี้ยงสุนัขป่าไว้ที่เรือนตัวหนึ่งจริง แต่มิรู้ว่ามันสามารถตามหาของที่ฮูหยินผู้เฒ่าทำหายได้หรือไม่ แต่บ่าวจักไปนำมันมาลองเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” นางมิกล้าอวดอ้างใหญ่โตจึงได้แต่พูดเช่นนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจว่าป้าซุนกำลังนึกอันใดอยู่ นางจึงปรายตามองสาวใช้ด้านข้าง จากนั้นอีกฝ่ายก็รีบลุกขึ้นทันทีแล้วเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ป้าซุน ข้าจักไปกับเจ้า”
ป้าซุนตอบรับแล้วเดินตามสาวใช้คนนั้นออกไป
“ท่านย่า เราควรตามผู้รับผิดชอบการจัดซื้อยามาสอบถามด้วยเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอเห็นป้าซุนออกไปแล้วจึงกล่าวต่อ
ในเมื่อน้ำซุปผิดปกติเพราะตัวยา แน่นอนว่าต้องตามคนจัดซื้อยามาสอบถามด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “เจ้ากล่าวถูกต้อง จินหลิง ไปเรียกคนผู้นั้นเข้ามา”
ในฐานะที่นางเป็นผู้ใหญ่สุดในจวน แน่นอนว่ามิได้สนใจหน้าที่ของสาวใช้ที่ให้ไปรับผิดชอบอยู่แล้ว ทว่าจินหลิงที่อยู่ข้างกายกลับแตกต่าง
ปีนี้จินหลิงมีอายุเพียง 17 ปี แต่ก็สามารถกลายเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งของฮูหยินผู้เฒ่าได้ นางเป็นคนมีไหวพริบและสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสาวใช้ แม่นมและพวกองครักษ์ในจวนได้อย่างดี
ฮูหยินผู้เฒ่าชื่นชมความมีไหวพริบนี้ของนาง จึงยกนางเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่ง
เมื่อได้ยินคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า จินหลิงจึงตอบรับและหันหลังเดินออกไปตามตัวผู้รับผิดชอบจัดซื้อยามาทันที
เมื่อเทียบกับป้าซุนแล้วระยะทางของจินหลิงสั้นกว่าจึงทำให้นางเดินทางได้เร็วกว่า ดังนั้นแม้ว่านางจักออกไปทีหลังป้าซุุนก็กลับมาเร็วกว่า
“เรียนฮูหยินผู้เฒ่า คนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
จินหลิงเปิดม่านออกและกล่าวเสียงเบาอยู่ข้างหูฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อืม คำเดียว “นำคนเข้ามาเถิด”
เมื่อผ้าม่านลูกปัดถูกเปิดขึ้นก็ทำให้เห็นชายร่างผอมตัวเตี้ยถูกนำตัวเข้ามา
“สมุดบัญชีการจัดซื้อในช่วงมิกี่วันนี้อยู่ที่ใด? ”
หากต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนย่อมขาดสมุดบัญชีไปมิได้
ชายร่างผอมตัวเตี้ยมีนามว่าหม่าห่าว พอได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามก็รีบหยิบสมุดบัญชีเล่มบางออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ทันที