พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 256 ปกป้อง
ตอนที่ 256 ปกป้อง
เว่ยซื่อแค่นเสียงหัวเราะเมื่อนึกถึงคำสั่งเมื่อครู่ของฮูหยินผู้เฒ่าจึงรีบซ่อนรอยยิ้มแล้วหันไปชื่นชมอันหลิงเกอ
“คุณหนูใหญ่ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก เรื่องนี้ข้าเองก็อับจนหนทาง แม้แต่ปัญหาที่ว่าท่านแม่ถูกพิษเพราะอันใดก็ยังมิรู้เลย พอคุณหนูใหญ่มาถึงก็แยกแยะเรื่องราวได้ละเอียดจนเกือบตรวจสอบความจริงออกมาได้หมดแล้ว”
ความจริงที่นางกล่าวถึงย่อมหมายถึงเรื่องที่สาวใช้คนสนิทของหลี่ซื่อวางยาพิษฮูหยินผู้เฒ่า มิช้าก็จักถูกเปิดโปงออกมา
ป้าซุนรู้สึกว่าตนได้รู้ถึงเรื่องที่มิควรรู้เสียแล้ว มิแปลกที่เมื่อครู่คุณหนูใหญ่บอกว่าของมีค่าฮูหยินผู้เฒ่าหายและให้นางเอาสุนัขมาช่วยตามหา แต่ความจริงของมิได้หาย ตรงกันข้ามคือเป็นฮูหยินผู้เฒ่าเกือบเสียชีวิตต่างหาก !
เรื่องเสียหน้าเช่นนี้ มิแปลกที่ผู้เป็นนายจักปกปิดเอาไว้ หากมิจำเป็นต้องกล่าวออกมาจริง ๆ ย่อมมิกล้าเอ่ยถึงอย่างเด็ดขาด
แต่เว่ยซื่อยังมิรู้ตัว เพื่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าเกลียดหลี่ซื่อ นางได้ย้ำคำว่าถูกใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังกล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าโดนพิษอีกหลายครั้ง ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกโกรธอยู่ในใจแต่เพราะมีบ่าวเหล่านี้อยู่ด้วยจึงมิได้เอ่ยอันใด แต่ความชอบที่มีต่อเว่ยซื่อก็เริ่มหายไปแล้ว
นางตอบ อืม เสียงเรียบ เห็นได้ชัดว่ามิมีความสุข
เว่ยซื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์มิดีจึงหยุดกล่าว
หลี่ซื่อจ้องเว่ยซื่อด้วยสายตาเย็นเยือก เว่ยซื่อเอาแต่เสนอหน้าและทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามิพอใจ
ก็แค่สตรีโง่เขลาคนหนึ่งเท่านั้น นอกจากรู้จักแค่การซ้ำเติมผู้อื่นแล้วก็ไร้ความสามารถอื่นใดจึงมิควรค่าอยู่ในสายตา
กลับเป็นอันหลิงเกอนางตัวดีที่ต้องหาวิธีจัดการให้ได้
ทุกคนในเรือนนี้ล้วนมีความคิดของตน สาวใช้ที่ไปสอบถามบันทึกจากคนเฝ้าประตูยังมิกลับมา สถานที่แห่งนี้จึงตกอยู่ในความเงียบชั่วคราว
เมื่อจินหลิงเติมน้ำชาให้ฮูหยินผู้เฒ่าเสร็จ นางก็เชิญให้ทุกคนนั่งลง “เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบอีกสักพักเจ้าค่ะ ทุกท่านนั่งลงแล้วดื่มชาก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอ หลี่ซื่อและคนอื่นๆ ยืนมาตลอดตั้งแต่มาถึง บรรยากาศก็ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ข้าว่าเจ้าผิด เจ้าบอกว่าข้าน่าสงสัย ถกเถียงกันไปมาราวครึ่งชั่วยาม พอตอนนี้ได้ยินจินหลิงเอ่ยขึ้นพร้อมเห็นฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าจึงได้พากันนั่งลง
ป้าซุนวางมือไว้ข้างลำตัว รู้สึกว่านางเป็นตัวเกะกะในนี้และคนเกะกะเยี่ยงหม่าห่าวก็คุกเข่าบนพื้นเช่นเดิม ฮูหยินผู้เฒ่าจิบชาอึกหนึ่ง ความร้อนของชาไหลลงตามลำคอ ความอุ่นที่เกิดขึ้นทำให้สีหน้าของนางดีขึ้นบ้าง
“เจ้าก็ลุกขึ้นเถิด อย่ามัวคุกเข่าที่พื้นอีกเลย”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเบา ๆ โดยมิได้มองเขาแม้แต่หางตา ทว่าหม่าห่าวดีใจมิหยุดแล้วรีบเอ่ยขอบคุณติด ๆ กัน จากนั้นก็ลุกขึ้น
ตอนที่เขาลุกขึ้นได้สบตากับหลี่ซื่อพอดี นางจ้องเขาราวกับอยากกินคน หม่าห่าวจึงตะลึงไปครู่หนึ่ง สักพักก็ยิ้มออกมา
เดิมทีเขาเป็นคนที่ยึดผลประโยชน์เป็นหลักอยู่แล้ว นับตั้งแต่หลี่ซื่อมิสนใจสายตาขอความช่วยเหลือที่ส่งไปให้ เขาจึงแข็งใจตัดขาดกับนาง แน่นอนว่าเขาย่อมมิเคารพนางอีกแล้ว
กล่าวได้ว่าทุกคนในที่นี้ นอกจากอันหลิงเกอและเว่ยซื่อที่อยากให้หลี่ซื่อถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษแล้วก็ยังมีหม่าห่าวเช่นกัน
เมื่อนางโดนบ่าวรับใช้คนหนึ่งใช้สายตามองอย่างเหยียบย่ำ หลี่ซื่อก็โกรธจนหน้ามืด นางเชิดหน้าขึ้น แม้แต่การหายใจยังแรงขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่ากำลังโมโหอยู่มิน้อย
นางกำลังนึกว่าหลังจากกลับไปต้องจัดการกับหม่าห่าวอย่างไร ทันใดนั้นสาวใช้ที่ไปตรวจสอบบันทึกการเข้าออกประตูก็กลับมาพอดี
“คนเฝ้าประตูว่าอย่างไรบ้าง ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพาดแขนข้างหนึ่งไว้บนพนักเก้าอี้ ส่วนมืออีกข้างวางไว้บนเข่า นางกล่าวออกมาเสียงเรียบ
สาวใช้คนนั้นใช้แววตาซับซ้อนมองหลี่ซื่อทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า คนเฝ้าประตูบอกว่าสาวใช้ของนายหญิงหลี่ออกจากจวนหลังยามอู่เจ้าค่ะ”
ดูแล้วทุกอย่างช่างประจวบเหมาะกันหมด
ฮูหยินผู้เฒ่าหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาคมกริบจ้องหลี่ซื่อราวกับเป็นมีดแหลมคมทิ่มแทงนับครั้งมิถ้วน
“หลี่ซื่อ เจ้ายังมิยอมรับสารภาพอีกหรือ ? ”
“ข้ามิมีอันใดจักกล่าวเจ้าค่ะ” หลี่ซื่อยังเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ถึงอย่างไรนางก็มิยอมรับผิด
น้องหญิงของนางเป็นกุ้ยเฟยที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด ฮูหยินผู้เฒ่าจักเอาผิดนางมิได้และมิกล้าทำอันใดนางเด็ดขาด นี่คือความใจกล้าที่หลี่ซื่อมี
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ร้ายกาจมิเบาเมื่อครั้งยังสาว นางรู้ว่าหลี่ซื่อมีที่พึ่งพิงจึงหัวเราะเสียงเย็น “นำเรื่องที่ข้าถูกคนวางยาพิษไปรายงานให้ท่านโหวทราบแล้วให้เขาเขียนฎีการ้องเรียนต่อฝ่าบาท วันพรุ่งนี้ก็ปลดหญิงใจอำมหิตคนนี้ซะ ! ”
หลี่ซื่อมีที่พึ่งอย่างหลี่กุ้ยเฟยจึงกล้าข่มขู่จวนโหวนักมิใช่หรือ ?
เช่นนั้นก็ดี อนุภรรยาที่เก่งกาจเยี่ยงหลี่ซื่อคนนี้ จวนโหวของพวกตนรับไว้มิไหวหรอก ดังนั้นหลี่ซื่อมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น
หากมีพี่สาวที่โดนหย่าร้าง หลี่กุ้ยเฟยต้องเสียหน้าแน่นอน มิแน่ว่าหลี่ซื่ออาจโดนเกลียดและโดนน้องสาวเมินเฉย
พอถึงตอนนั้นถ้าฮูหยินผู้เฒ่าอยากลงมือกับหลี่ซื่อก็ย่อมเป็นเรื่องง่ายมิใช่หรือ ?
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งกล่าวจบก็ได้ยินเสียงอันอิงเฉิงดังขึ้นมา “ท่านแม่จักปลดใครทิ้งหรือขอรับ ? ”
พอเขากล่าวจบก็มาปรากฏตัวขึ้นในเรือน
หลี่ซื่อเหมือนได้รับความทุกข์ใหญ่หลวงยิ่งนัก นางมิสนว่าที่นี่มีคนมากเพียงใดก็พุ่งเข้าไปหาอันอิงเฉิงและพิงอ้อมอกของเขาอย่างผ่าเผย ทั้งยังส่งสายตาท้าทายให้เว่ยซื่ออีกด้วย
เว่ยซื่อแม้เอาใจฮูหยินผู้เฒ่าดีเพียงใด แต่อันอิงเฉิงก็มิชอบอยู่ดี
มุมปากของนางโค้งขึ้นก่อนจักกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางทำท่าทีลำบากใจออกมา “ท่านพี่ ท่านมาได้เวลาพอดีเจ้าค่ะ ข้า…”
นางกล่าวครึ่งหนึ่งแล้วมิกล่าวต่อ เพียงสะอึกสะอื้นแล้วปล่อยให้น้ำตาเม็ดโตร่วงลงมา ท่าทางของนางดูเหมือนทุกข์ใจจนเอ่ยออกมายากยิ่งนัก
อันอิงเฉิงถอนหายใจแล้วดันตัวหลี่ซื่อออก “ลูกได้ยินว่าวันนี้ท่านแม่ไปเชิญหมอ เป็นเพราะท่านแม่มิสบายใช่หรือไม่ขอรับ ? ”
“ท่านแม่แข็งแรงมาตลอดเจ้าค่ะ เพียงแต่วันนี้โดนคนเลวลอบวางยาพิษจนเกือบเสียชีวิต” เว่ยซื่ออิจฉาจนตาแดง รู้สึกว่าภาพตรงหน้าช่างทิ่มแทงยิ่งนัก
นางรักบุรุษผู้นี้มานานหลายปี แต่เขาละเลยนางอีกทั้งยังกอดสตรีอื่นไว้ในอ้อมแขน เว่ยซื่อจึงเศร้าใจยิ่งนักและในขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกอยากโค่นล้มหลี่ซื่อให้ได้ขึ้นมา
อันอิงเฉิงได้ยินก็ขมวดคิ้ว “ท่านแม่โดนพิษหรือขอรับ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? ”
“ท่านโหวถามคนในอ้อมแขนของท่านสิว่าเหตุใดต้องวางยาท่านแม่ ? ” เว่ยซื่อจ้องหลี่ซื่อแล้วมองท่าทีเสแสร้งอ่อนแอนั้นอย่างเกลียดชัง
“สาวใช้ของฮูหยินรองหลี่แอบเปลี่ยนยาของท่านแม่จึงทำให้ท่านแม่โดนพิษ บังเอิญกับที่โรคเก่าของฮูหยินรองหลี่กำเริบจึงเชิญหมอไปเสียอย่างนั้น หากมิมีคุณหนูใหญ่ก็เกรงว่าท่านแม่จัก…”
“เป็นไปมิได้ ! ” อันอิงเฉิงตวาดทีหนึ่ง สีหน้าดูเคร่งขรึม “หลี่ซื่อมิทำเรื่องเยี่ยงนั้นเด็ดขาด ”