พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 328 ความสำคัญ
ตอนที่ 328 ความสำคัญ
“อีเอ๋อใกล้อายุ 14 ปีแล้วนับว่าอายุมิน้อย เรื่องพวกนี้ควรระวังเอาไว้บ้าง”
อันอิงเฉิงได้ฟังคำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความละอายใจ “ท่านแม่กล่าวถูกต้องแล้วขอรับ”
เรื่องนี้ต้องโทษที่เขาใจร้อนเอง แค่ฟังหลี่ซื่อก็คิดว่าอันหลิงอีโดนกลั่นแกล้ง จึงรีบไปนำตัวนางออกมาจากโถงบรรพบุรุษ
ฮูหยินผู้เฒ่ารับคำเบา ๆ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “เช่นนั้นเจ้าว่าควรจัดการกับอีเอ๋อเยี่ยงไร ? ”
หากมิลงโทษอันหลิงอี ทางราชครูต้องมิยอมเป็นแน่
แต่จักให้ลงโทษอันหลิงอีจริง ๆ อันอิงเฉิงก็ทำมิลง
“ท่านพ่อ ถ้าเช่นนั้นก็ส่งน้องหญิงสามไปอยู่ที่เรือนจวงจื่อของเราในชนบทสักหนึ่งเดือนดีหรือไม่เจ้าคะ หากทำเช่นนี้ก็เป็นการแสดงท่าทีของเราให้ราชครูได้เห็นและน้องหญิงสามก็มิลำบากด้วยเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอสังเกตเห็นความลำบากใจของอันอิงเฉิงจึงช่วยเสนอแนะ
วิธีนี้…
อันอิงเฉิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าช้า ๆ
“ดี เอาตามที่เกอเอ๋อบอกก็แล้วกัน ! ”
ทันใดนั้นหลี่ซื่อก็หน้าซีดเผือดทันที ส่วนอันหลิงอีหน้าซีดกว่ามารดาหลายเท่า
นางคิดว่าหลังออกจากโถงบรรพบุรุษแล้วจักมิโดนลงโทษอีก แต่เท่ากับนางยังต้องถูกส่งไปอยู่ที่เรือนจวงจื่ออีกหรือ ?
“ท่านพ่อเจ้าคะ”
อันหลิงอีเรียกบิดาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตายิ่งทำให้คนมองสงสารจับใจ
ทว่าต่อให้อันอิงเฉิงสงสารนางมากเพียงไรก็มิกล้าเอาอนาคตของตนมาล้อเล่นกับเรื่องนี้เด็ดขาด
ราชครูนั้นเป็นขุนนางที่อยู่มานานถึงสามรัชสมัย ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเขาเพียงใด อันอิงเฉิงย่อมรู้ดี
ตอนนี้ตนมิโดนฝ่าบาทหวาดระแวงเช่นเมื่อก่อนและยังมีอำนาจดูแลหน่วยเซินจีหยิงอีกด้วย ทั้งหมดก็เพราะฝ่าบาทไว้วางพระทัยตนจากการที่ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้
แต่หากราชครูถวายฎีกาต่อฝ่าบาทเพื่อฟ้องร้องเรื่องจวนโหวขึ้นมา มองจากความเชื่อถือที่ฝ่าบาทมีต่ออีกฝ่ายแล้ว มิแน่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาอย่างยากลำบากอาจโดนฝ่าบาทริบคืนภายในพริบตาก็ได้
แววตาของอันอิงเฉิงเข้มขึ้น แม้ยังมิแน่ใจว่าฮ่องเต้จักทำเช่นนั้นหรือไม่ แต่อย่างไรเขาก็มิควรเสี่ยง
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น เขาจึงมองไปทางอันหลิงอีด้วยแววตารู้สึกผิด “อีเอ๋อฟังพ่อ หลังส่งเจ้าไปที่เรือนจวงจื่อแล้ว พ่อจักส่งสาวใช้ที่ดีที่สุดไปดูแลเจ้าแน่นอน ให้เจ้าได้ใช้ชีวิตสะดวกสบายเหมือนอยู่ในจวนโหวทุกประการ”
นางมิอยากได้รับความสบายเลยสักนิด !
อันหลิงอีบีบมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ ดวงตาที่จ้องไปยังอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ต่อให้ที่เรือนจวงจื่อสุขสบายก็เป็นแค่หมู่บ้านธรรมดาอยู่ดี แล้วจักสู้จวนโหวได้อย่างไร
อีกอย่างถ้าส่งนางไปอยู่เรือนจวงจื่อ นางต้องอับอายขายหน้าผู้อื่นเป็นแน่
นางเคยโดนอันหลิงเกอใส่ร้ายจนคิดว่าเป็นโรคฝีดาษและต้องไปอยู่ในหมู่บ้านชนบทนอกเมืองหลวงมาแล้วช่วงหนึ่ง ความทรงจำอันดำมืดนั้น อันหลิงอีมิอยากพบเจอมันอีก
“ท่านพ่อ ลูกยอมไปคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษ แต่อย่าส่งลูกไปอยู่ที่เรือนในชนบทเลยเจ้าค่ะ”
อันหลิงอีคิดเอาไว้ว่าอันอิงเฉิงต้องทนมิได้ในการเห็นนางลำบาก ขอเพียงนางยืนกรานว่าจักมิไปอยู่ที่เรือนจวงจื่อ เขาต้องใจอ่อนอย่างแน่นอน
มิแน่อาจลงโทษนางสถานเบาก็ได้ จากนั้นก็ปล่อยให้เรื่องผ่านพ้นไป
แต่อันหลิงอีมองนิสัยของอันอิงเฉิงผิดไป เขารักนางมากก็จริงแต่ต้องดูว่าความรักนี้เปรียบเทียบกับสิ่งใด
สำหรับผู้ที่เส้นทางการเป็นขุนนางกำลังก้าวหน้า เรื่องนี้ย่อมสำคัญมากกว่าอันหลิงอี
อีกทั้งเรื่องนี้ยังเป็นความผิดของอันหลิงอีอีกด้วย การถูกส่งไปอยู่ที่เรือนจวงจื่อก็ถือเป็นการลงโทษอันสมควรแล้ว
อันอิงเฉิงยังมีสีหน้าเช่นเดิม แต่แววตาเย็นชาขึ้นมาทันที “เจ้าทำผิดก็ควรโดนลงโทษ เมื่อวานนี้ข้าผิดเองที่ยังมิทันรู้เรื่องราวก็รีบร้อนพาเจ้าออกมาจากโถงบรรพบุรุษ ทั้งยังทำให้ย่าของเจ้าโกรธเพราะเรื่องนี้ด้วย”
“ท่านพี่ อีเอ๋อยังเด็กนะเจ้าคะ ! ”
หลี่ซื่อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ดวงตาเรียวได้รูปมีน้ำตาคลอขึ้นมา สองแม่ลูกหันไปมองอันอิงเฉิงด้วยท่าทางน่าสงสารโดยหวังว่าเขาจักเปลี่ยนใจ
ทว่าอันอิงเฉิงมีสีหน้าเย็นชาขึ้นกว่าเดิม “อีเอ๋อจักมีอายุ 14 ปีแล้ว ควรรู้ว่าอันใดควรทำหรือมิควรทำ เจ้าดูเกอเอ๋อสิ อายุมากกว่านางเพียงปีเดียวแต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเทียบกันแล้วอีเอ๋อเป็นเด็กมิรู้ความอันใดเลย ที่เป็นเยี่ยงนี้เพราะเจ้าเลี้ยงมาอย่างตามใจ ! ”
เหตุใดจึงโทษว่าเป็นเพราะนางเลี้ยงบุตรอย่างตามใจ ?
หลี่ซื่อเม้มริมฝีปากแน่นอย่างมิพอใจ เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของอันอิงเฉิงก็อดมิได้ที่จักพูดออกมา “ในเมื่อข้าสั่งสอนลูกมิดีเอง เช่นนั้นก็ลงโทษข้าด้วยสิเจ้าคะ ! ”
นางคุกเข่าลงทันที ทำให้คนที่อยู่ในห้องต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น
อันหลิงอีน้ำตาไหลอาบแก้ม นางรีบเข้าไปดึงหลี่ซื่อขึ้น “ท่านแม่เจ้าคะ เรื่องนี้ลูกผิดเอง ท่านพ่อกับท่านย่าจักลงโทษลูกก็ยอมแล้ว ท่านมิต้องขอร้องแทนแล้วเจ้าค่ะ”
สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อย่างน่าสงสาร ราวกับจักตายจากกันอย่างไรอย่างนั้น
อันหลิงเกอยิ้มเยาะออกมาพลางมองหลี่ซื่อกับอันหลิงอีแสดงละครฉากใหญ่
อันหลิงอีเป็นคนเห็นแก่ตัวถึงเพียงนั้น หลี่ซื่อขอรับโทษแทน นางย่อมดีใจอยู่แล้ว ท่าทางที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
สุดท้ายอันอิงเฉิงก็ทนมิไหว ขณะที่เขากำลังจักเอ่ยปากก็ได้ยินเสียงของอันหลิงเกอดังขึ้นเสียก่อน “ถ้าเช่นนั้นหลี่อี๋เหนียงก็พาคนไปมอบของขวัญเพื่อเป็นการขออภัยยังจวนราชครูดูสิ มิแน่ว่าท่านราชครูได้เห็นความรักของพวกท่านแม่ลูกแล้วอาจยอมปล่อยวางเรื่องนี้ไปก็ได้”
พวกนางสองแม่ลูกรักกันก็จริง แต่ความรักที่ราชครูมีให้เฉินเฉินก็มิมีอันใดเทียบได้ !
หากหลี่ซื่อกล้าไปขอร้องแทนอันหลิงอีจริง ฎีกาของราชครูก็คงเตรียมเสร็จในเร็ววันนี้เป็นแน่
อันอิงเฉิงที่เพิ่งใจอ่อนไปครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเด็ดขาดโดยมิมองหน้าสองแม่ลูกอีก “พวกเจ้ามิต้องพูดแล้ว ส่งอีเอ๋อไปที่เรือนจวงจื่อ แล้วข้าจักไปขออภัยราชครูด้วยตนเอง”
เขาคิดว่าแสดงให้เห็นถึงเพียงนี้แล้ว อีกฝ่ายก็คงไว้หน้ากันบ้าง
หลี่ซื่อและอันหลิงอีสบตากัน รับรู้ได้ทันทีว่าอันอิงเฉิงตัดสินใจแน่วแน่แล้ว คราวนี้จึงได้คร่ำครวญออกมาจริง ๆ
โดยเฉพาะอันหลิงอีที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนใบหน้าแดงก่ำ มิมีอีกแล้วท่าทางแสร้งทำเป็นน้ำตารินไหลเหมือนเมื่อครู่
ฮูหยินผู้เฒ่าก็พอใจกับผลลัพธ์นี้มาก อันหลิงอีมิอยากคุกเข่าสำนึกผิดก็มิต้องทำ ทว่าส่งนางไปที่ไกล ๆ ก็ดี จักได้มิต้องมาคอยหงุดหงิดใจเวลาเห็นหน้าด้วย
หลี่ซื่อคาดมิถึงว่าการที่นางไปขอร้องแทนอันหลิงอีนั้นสุดท้ายจักกลายเป็นการทำให้อันหลิงอีถูกส่งไปนอกจวนเสียได้
เช่นนี้มิไปขอร้องเสียดีกว่า !
อันหลิงเกอเห็นท่าทีของพวกนางแล้วก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข
ที่นางแนะนำให้ส่งอันหลิงอีไปนอกจวน มิใช่เพราะต้องการกลั่นแกล้งพวกนางเท่านั้น
แต่เพราะนางอยากรู้ว่าหากอันหลิงอีโดนส่งไปอยู่ที่เรือนจวงจื่อแล้ว หลี่ซื่อจักเป็นห่วงจนเรียกคนที่ทำงานลับ ๆ ให้ตนออกมาหรือไม่
และอีกอย่างก็เพราะกามโรคของอันหลิงอีด้วย
ก่อนหน้านี้ที่อันหลิงอีซ่อนเข็มไว้ในผ้าปักลายเพื่อลอบทำร้ายนาง สุดท้ายกลับได้รับผลกรรมที่ตนทำลงไป แต่หลี่ซื่อมิเป็นกังวลแม้แต่น้อยเพราะหลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นยังกล้าให้อันหลิงอีไปร่วมงานวันเกิดจวนติ้งกั๋วกงอีก
ท่านพ่อก็รู้เรื่องนี้แต่มิขัดขวาง เห็นได้ชัดว่าอันหลิงอีอาจหายจากโรคไปแล้ว !
ทว่าตั้งแต่อดีตยังมิเคยมีผู้ใดรักษากามโรคได้ แต่หลี่ซื่อหาคนมารักษาได้ แสดงว่าผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวถึงมีความสามารถมิธรรมดาจริง ๆ
พลันทำให้อันหลิงเกออดนึกถึงโรคระบาดที่ฉู่โจวมิได้ มันเป็นยาพิษที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคระบาด ฝีมือทางการแพทย์ของคนผู้นั้นจักต้องสูงส่งมากเป็นแน่
ถ้าหากว่าคนที่วางยาพิษและรักษากามโรคให้อันหลิงอีเป็นคนเดียวกันเล่า ?