พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 332 หยั่งเชิง
ตอนที่ 332 หยั่งเชิง
อาจเป็นเพราะหาวิธีจัดการกับอันหลิงเกอได้แล้วจึงทำให้อันหลิงอีอารมณ์ดีขึ้นมามิน้อย ต่อให้วันรุ่งขึ้นนางต้องถูกส่งไปอยู่ที่เรือนจวงจื่อนอกเมืองก็ไร้อาการหดหู่ให้เห็นแม้แต่น้อย
ส่วนหลี่ซื่อกุมมือของนางเอาไว้พร้อมกล่าวเสียงอ่อน “อีเอ๋อ เจ้าวางใจเถิด แม่จักหาวิธีทดสอบอันหลิงเกอเอง หากนางเป็นตัวปลอม แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ช่วยนางมิได้หรอก”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นอันหลิงอีจึงค่อย ๆ ยิ้มออกมา รอยยิ้มเต็มไปด้วยความร้ายกาจทำให้นางดูน่ากลัวเกินกว่าจักคิดว่าเป็นแค่เด็กสาวเท่านั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นอันอิงเฉิงส่งคนไปเรียกอันหลิงอี ข้าวของได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ด้านหลังมีสาวใช้สองคนเดินตามไปยังประตูจวน
ขณะที่เดินสวนกับอันหลิงเกอ อันหลิงอีมีท่าทางแปลก ๆ คือยิ้มอย่างมีเลศนัยให้อันหลิงเกอ แววตาที่มองมาแสนชั่วร้ายและเลือดเย็นราวกับงูพิษจนทำให้อันหลิงเกอต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนที่อันหลิงอีจักเดินจากไป
อันหลิงเกอมองอันหลิงอีเดินจากไปพร้อมสาวใช้สองสามคนด้วยสายตาลุ่มลึก แต่ก็มิได้แสดงอาการผิดปกติอันใดออกมา
……
……
ณ เรือนฉีอู๋ อันหลิงเกอที่เพิ่งกลับมาจากในวังก็เห็นหลี่ซื่อยืนอยู่ที่ประตูเรือนด้วยท่าทางต่างไปจากเดิม อีกทั้งในมือยังถือกล่องอาหารไว้อีกด้วย
“เกอเอ๋อกลับมาเสียที”
เมื่อเห็นอันหลิงเกอกลับมา ใบหน้าของหลี่ซื่อก็เผยรอยยิ้มออกมา แม้รอยยิ้มไปมิถึงดวงตา แต่การแสดงออกกลับทำได้ดีอย่างเป็นธรรมชาติ
อันหลิงเกอคิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่มิได้แสดงท่าทีอันใด “หลี่อี๋เหนียงมาทำสิ่งใดที่เรือนข้าหรือ ? ”
หลี่ซื่อจึงยกกล่องอาหารในมือขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “อีเอ๋อถูกส่งไปอยู่นอกจวน ข้าก็มิสบายใจ หากมิใช่เพราะข้าสั่งสอนนางมิดี นางคงมิทำเรื่องที่ผิดพลาดจนทำให้ท่านโหวโกรธและถูกส่งไปอยู่นอกจวนเช่นนี้”
นางกล่าวไปพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่หางตา
เมื่อเห็นท่าทีของหลี่ซื่อ มุมปากของอันหลิงเกอค่อย ๆ ยกขึ้น รู้สึกสนุกกับการแสดงของอีกฝ่ายอยู่มิน้อย แต่ยังมิรู้ว่ามีแผนการอันใดซ่อนอยู่
“เมื่อคืนข้านอนคิดทั้งคืนจนตัดสินใจได้ว่าจักมาขออภัยเกอเอ๋อเสียหน่อย”
หลี่ซื่อลดมือลง ท่าทางจริงจังมิเหมือนคนที่กำลังเสแสร้งแม้แต่น้อย
อันหลิงเกอรับคำด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อี๋เหนียงรู้ว่าตนสอนน้องหญิงสามได้มิดีก็ควรไปเรียนรู้ว่าต่อไปต้องสั่งสอนนางเยี่ยงไรจึงจักเปลี่ยนนิสัยของนางได้ จักมาขอโทษข้าด้วยเหตุใด ? ”
“เมื่อก่อนอีเอ๋อทำเรื่องมิดีกับเจ้าไว้มาก แม้เกอเอ๋อมิถือสา แต่ข้าจักทำเหมือนเรื่องนี้มิเคยเกิดขึ้นมิได้หรอก”
อันหลิงเกอจ้องไปยังหลี่ซื่อ ใบหน้าของอีกฝ่ายดูจริงจังไร้พิรุธอันใด
แต่คำโบราณกล่าวไว้ว่าสันดอนขุดง่ายสันดานขุดยาก หากหลี่ซื่อรู้ถึงความผิดพลาดของตนเองจริง ๆ ก็คงมิมาเสแสร้งแสดงละครต่อหน้านางเช่นนี้หรอก
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันหลิงเกอจึงได้หัวเราะเยาะอยู่ภายในใจแล้วกล่าวเสียดสีขึ้นมา “น้องหญิงสามยังเด็ก ต่อให้ทำเรื่องมิดีก็เป็นเพราะผู้ใหญ่ประพฤติตนมิชอบ ผู้น้อยจึงเลียนแบบ แทนที่ท่านจักกังวลว่าน้องหญิงสามก่อเรื่องอีก ควรเอาเวลามาปรับปรุงนิสัยตนเอง มิแน่ หากนางได้เห็นทุกเมื่อเชื่อวันก็อาจทำตัวดีขึ้นบ้างก็ได้”
ตัวแสบ แอบด่าพวกนางสองแม่ลูกหรือ !
หลี่ซื่อได้ฟังแทบฝืนยิ้มต่อไปมิไหว แต่นางต้องอดทนที่จักมิพ่นคำด่าสาดเสียเทเสียออกมาจึงได้แต่ยิ้มตอบอันหลิงเกอแห้ง ๆ “เกอเอ๋อกล่าวได้ถูกต้อง ข้าจักนำไปปรับปรุงแน่นอน”
หลังจากนั้นนางก็ยื่นกล่องอาหารที่อยู่ในมือออกมา สีหน้าแฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิด “นี่เป็นกล่องอาหารที่ข้าตั้งใจทำให้เจ้า หากเกอเอ๋ออภัยให้ข้าได้โปรดรับไว้ด้วยเถิด”
แล้วหากข้ามิให้อภัยเล่า ?
อันหลิงเกอมองหลี่ซื่อด้วยแววตาคล้ายยิ้มเยาะจนทำให้หลี่ซื่อรู้สึกได้ทันทีว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของตนแข็งขึ้นเรื่อย ๆ มือที่ยื่นกล่องอาหารออกไปรู้สึกเมื่อยอย่างมากและในที่สุดอันหลิงเกอก็รับกล่องอาหารนั้นไป
“อี๋เหนียงถึงขั้นเข้าครัวทำอาหารให้ข้าด้วยตนเอง ข้าประทับใจมากจนตั้งตัวมิทัน เผลอทำให้อี๋เหนียงต้องถือกล่องอาหารค้างนานไปหน่อย”
เมื่อของในมือโดนอันหลิงเกอรับไปแล้ว ความปวดเมื่อยที่แขนของหลี่ซื่อก็ลดลงมิน้อย แต่ยังสู้ความดีใจของนางมิได้
นางดีใจอย่างมากที่แผนการใกล้สำเร็จ แต่ต้องพยายามฝืนเอาไว้เพื่อมิให้เผลอแสดงพิรุธออกมา “เกอเอ๋อ เจ้าก็พูดเสียห่างเหินเชียว ตอนที่เจ้ายังเด็กข้าอุ้มเจ้าทั้งวันยังมิรู้สึกเมื่อยเลย”
ขณะที่หลี่ซื่อพูดก็แอบสังเกตสีหน้าของอันหลิงเกอไปด้วย เมื่อเห็นอันหลิงเกอตั้งใจฟังโดยมิตอบโต้อันใดก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนคาดเดา
เนื่องจากตอนที่นางเข้ามาในจวน อันหลิงเกออายุประมาณหกถึงเจ็ดขวบแล้ว นางจักอุ้มอันหลิงเกอทั้งวันได้เยี่ยงไร ?
อีกอย่างตอนนั้นนางเห็นอันหลิงเกอเป็นแค่ของเล่น ภายนอกทำดีต่ออันหลิงเกอแต่ที่จริงคือสั่งให้สาวใช้แอบรังแกอันหลิงเกออยู่บ่อยครั้ง
แต่คนที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ เมื่อได้ฟังคำโกหกของนางกลับมิตอบโต้อันใด แสดงว่ามิรู้เรื่องราวในตอนเด็กของอันหลิงเกอ ย่อมมิใช่อันหลิงเกอตัวจริง !
มือของหลี่ซื่อสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น อันหลิงเกอที่รับกล่องอาหารไปเมื่อเห็นมือที่สั่นเล็กน้อยของหลี่ซื่อ แววตาจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
“เหตุใดท่านมือสั่นเช่นนี้ เพราะเมื่อครู่ถือกล่องอาหารนานเกินไปหรือไม่ ? ”
“เปล่าหรอก” หลี่ซื่อรีบส่ายหน้าทันที ก่อนจักเอามือซ่อนไว้ที่ด้านหลังพร้อมฉีกยิ้มออกมา “นี่เป็นโรคเก่าของข้าเอง ขอบคุณที่เป็นห่วง”
อันหลิงเกอมิได้กล่าวสิ่งใดต่อ ทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ
ขณะที่นางกำลังหมุนตัวเข้าไปในเรือน หลี่ซื่อยังยืนอยู่ที่เดิมมิไปไหน
“ข้ามิได้ทานข้าวกับเกอเอ๋อนานแล้ว มิรู้ว่าข้า…”
วันนี้หลี่ซื่อมาแปลกเสียจริง ระหว่างนางและอันหลิงเกอแตกหักกันนานแล้ว เพียงแต่ยังรักษามารยาทเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น
แต่วันนี้มิเพียงทำอาหารมาให้อันหลิงเกอ มิหนำซ้ำยังอยากร่วมโต๊ะกับอันหลิงเกออีกด้วย ถ้ามิเรียกว่ามีพิรุธก็คงแปลกแล้ว
แววตาของอันหลิงเกอเป็นประกายขึ้นมา แต่ยามที่มองหน้าหลี่ซื่อก็ทำเพียงยิ้มบาง ๆ เท่านั้น “อี๋เหนียงนับว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของข้าเหมือนกัน ท่านยอมมาทานข้าวกับข้าเช่นนี้ เหตุใดข้าต้องมิดีใจด้วยเล่า ? ”
นางมิกลัวแผนการของหลี่ซื่อหรอก กลัวเพียงอีกฝ่ายมิกล้าลงมือเท่านั้น
หากตอนนี้หลี่ซื่ออยู่อย่างสงบเสงี่ยม นางก็คงไร้วิธีหาจุดอ่อนของหลี่ซื่อพบ มีเพียงทำให้หลี่ซื่อร้อนรนจนอยู่มิสุขจักได้เผยไพ่ตายในมือออกมา
หลังจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในห้องด้วยกัน ปี้จูมีท่าทางประหลาดใจ เมื่อเห็นสายตาที่อันหลิงเกอส่งมาจึงรีบเก็บสีหน้าที่มิชอบหลี่ซื่อไว้ทันที
“รีบเปิดดูอาหารในกล่องเถิด” ทันทีที่เข้ามาในห้อง หลี่ซื่อก็เร่งพร้อมรอยยิ้ม “ข้าทำอาหารที่เจ้าชอบหลายอย่างเลย เกอเอ๋อต้องถูกใจแน่นอน”
คนสองคนที่เกลียดกันจนแทบอยากให้อีกฝ่ายตายไปเสียกลับนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะอย่างยิ้มแย้ม อันหลิงเกอรู้สึกว่ามันช่างน่าขันยิ่งนัก แต่ก็เปิดกล่องอาหารตามที่อีกฝ่ายบอก