พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 337 พิสูจน์ความบริสุทธิ์
ตอนที่ 337 พิสูจน์ความบริสุทธิ์
“ท่านพี่ ข้าพูดเรื่องจริงนะเจ้าคะ ! ”
หลี่ซื่อเห็นว่าอันอิงเฉิงมิเชื่อคำพูดของนาง น้ำเสียงกระเง้ากระงอดก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงแหลมแสบแก้วหูทันที
เป็นเหตุให้อันอิงเฉิงขมวดคิ้วมุ่นและมีท่าทีมิพอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ข้ารู้ว่าเจ้าและเกอเอ๋อขัดแย้งกัน แต่เจ้ามิควรเอาเรื่องเช่นนี้มาใส่ร้ายนาง ! ”
เมื่ออันอิงเฉิงกล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของหลี่ซื่อก็มุ่ยลงพร้อมน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาทันทีราวกับพร้อมไหลลงมาได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็เป็นสามีภรรยากันมานานนับสิบปี อันอิงเฉิงเห็นท่าทีเช่นนี้ของนางก็อดใจอ่อนมิได้
น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลงแล้วพูดปลอบนาง “เจ้าก็รู้ดีว่าเกอเอ๋อเป็นบุตรสาวของข้า นางเป็นตัวจริงหรือไม่ ข้าย่อมรู้ดี”
“กล่าวไปกล่าวมาท่านพี่ก็มิเชื่อข้าอยู่ดี”
หลี่ซื่อทำท่าทางน่าสงสาร น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างมิหยุด
“ข้าเห็นมากับตาเจ้าค่ะ มิได้โกหกแม้แต่น้อย จักบอกว่าข้าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อใส่ร้ายคุณหนูใหญ่ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
แม้มีน้ำตาไหลนองหน้า แต่ด้วยใบหน้าที่งดงามของนาง ต่อให้อายุเกิน 30 ปีก็ยังดูงดงามน่าทะนุถนอมมิเปลี่ยน
“ตอนนั้นข้ากับเกอเอ๋อรักใคร่ปรองดองกันมากเพียงใด ท่านพี่ยังจำได้หรือไม่เจ้าคะ ? ”
“เกอเอ๋อมีนิสัยขี้กลัว แต่ข้าก็รักนางราวกับบุตรสาวแท้ ๆ เกอเอ๋อก็สนิทกับข้าที่สุด แต่เมื่อมิกี่เดือนที่ผ่านมาอยู่ดี ๆ นิสัยของนางก็เปลี่ยนไป มิเพียงมิเข้าหาข้าอีกแต่ถึงขั้นเห็นข้าเป็นศัตรูด้วยซ้ำ หรือว่าเรื่องพวกนี้ดูมิแปลกเจ้าคะ ? ”
เมื่อได้ฟังอันอิงเฉิงก็เม้มริมฝีปากแน่น ท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมา
ในอดีตเขามิค่อยสนใจบุตรีที่พูดน้อยคนนี้นัก ต่อให้ภายหลังนางจักโดดเด่นมากขึ้น ทว่าอันอิงเฉิงก็จำรายละเอียดของนางมิได้อยู่ดี
แต่พอได้ยินที่หลี่ซื่อกล่าว อันอิงเฉิงก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปจริง ๆ
“นอกจากเรื่องนี้เจ้ามีหลักฐานอันใดอีกหรือไม่ ? ”
แม้ภายในใจบังเกิดความสงสัย แต่อันอิงเฉิงก็ยังมิอยากเชื่ออยู่ดีว่าบุตรสาวที่เขาภาคภูมิใจในตอนนี้จักกลายเป็นตัวปลอม
หลี่ซื่อเห็นท่าทีเอนเอียงของเขาจึงได้พูดตามที่นางได้วิเคราะห์กับอันหลิงอีเมื่อคราวก่อนออกมา
“ท่านลองนึกสิเจ้าคะ มิเพียงนิสัยของเกอเอ๋อที่เปลี่ยนไปมากเพราะแม้แต่ความคิดของนางก็ฉลาดหลักแหลมขึ้น” จากนั้นหลี่ซื่อก็เม้มปากอยู่ครู่หนึ่ง แววตาดูครุ่นคิด “ทั้งที่เกอเอ๋อขี้กลัวแล้วมักชอบเก็บตัว ปกติพบหน้าผู้คนก็มิค่อยกล้าสนทนากับผู้ใด แต่ตอนนี้นางมีคารมคมคายพูดเก่งกว่าข้าเสียอีก ทั้งนางมิได้มีพรสวรรค์ในด้านดนตรีและภาพวาดมาก่อน แม้จักได้เรียนรู้มาบ้างก็ถือว่าอยู่ระดับกลางเท่านั้น แต่ที่งานเลี้ยงในวังหลวงนางกลับแสดงออกมาจนทุกคนตกตะลึง แม้แต่ฝ่าบาทยังอดชมนางมิได้และตอนที่พวกเราบังเอิญพบกับโจรภูเขา นางยังสามารถใช้ธนูยิงโจรภูเขาได้อย่างแม่นยำ ! เกอเอ๋อเติบโตขึ้นมาในจวนโหวแห่งนี้มิเคยมีผู้ใดสอน แล้วนางจักเก่งเรื่องการยิงธนูได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
อันอิงเฉิงมีสีหน้าครุ่นคิด เมื่อได้ฟังคำกล่าวของหลี่ซื่อ เขาเองก็รู้สึกว่าอันหลิงเกอดูน่าสงสัยจริง ๆ
แต่เขาก็แค่นึกสงสัยเท่านั้น หลี่ซื่อเห็นท่าทีของอันอิงเฉิงเป็นเช่นนั้นจึงกัดฟันและพูดใส่ไฟอีก
“ที่น่าแปลกที่สุดก็คือนางสามารถหาวิธีรักษาโรคระบาดได้อย่างไร นางบอกว่าเห็นมาจากตำราโบราณ แต่เหตุใดหมอหลวงตั้งหลายคนมิมีผู้ใดรู้มาก่อน มีแค่นางผู้เดียวที่ค้นพบวิธีรักษา พอพวกเราถามถึงตำรา นางก็บอกว่าตำรานั้นอีเอ๋อเป็นคนทำหายไปตั้งหลายปีแล้ว ทว่าตำราโบราณที่หายไปตั้งหลายปีแล้ว เหตุใดเกอเอ๋อยังจำเนื้อหาที่อยู่ภายในได้เจ้าคะ ? ”
หลี่ซื่อพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอีกครั้ง “เกอเอ๋อที่น่าสงสาร โดนผู้อื่นมาสวมรอยแต่ตนเองต้องตาย ต่อให้ข้าอยากแก้แค้นแทนนางก็คงทำอันใดมิได้ ! ”
อันอิงเฉิงได้ฟังหลี่ซื่อคร่ำครวญก็เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงพลางนึกถึงเรื่องที่อันหลิงเกอดูแปลกไปในช่วงที่ผ่านมา
อยู่ ๆ นิสัยก็เปลี่ยนไป ฝีมือยิงธนูร้ายกาจ เก่งการแพทย์โดยไร้อาจารย์คอยสั่งสอน มิรู้ว่าไปเรียนด้านดนตรีและศิลปะมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ละเรื่องล้วนมีความน่าสงสัยเต็มไปหมด
เมื่อใจเขาเกิดความสงสัย เขาจึงมิรอช้าลุกขึ้นยืนทันที
“เจ้าแน่ใจหรือว่าที่แผ่นหลังของเกอเอ๋อไร้ปานแดงอยู่จริง ? ”
หลี่ซื่อรู้ว่าอันอิงเฉิงก็เริ่มสงสัยอันหลิงเกอขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ในใจจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แต่ใบหน้ายังแสร้งทำเป็นเศร้าโศก “แน่ใจเจ้าค่ะ ข้าเห็นกับตาว่าที่หลังของนางตัวปลอมมิมีอันใดเลย ตอนนั้นข้าถึงขั้นตะลึงอยู่พักใหญ่ แต่มิอยากแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงรีบกลับมาที่จวนทันที แต่ผู้ใดจักคิดว่าท่านพี่ยังมิกลับจากในวัง ข้าจึงรอท่านจนถึงตอนนี้เจ้าค่ะ”
แววตาของอันอิงเฉิงเข้มขึ้น แขนทั้งสองข้างไพล่ไว้ด้านหลังพลางเดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิม
เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ตามข้าไปดูเกอเอ๋อ”
กล่าวจบอันอิงเฉิงก็เดินออกจากห้องทันที หลี่ซื่อที่เดินตามไปก็ยกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุขโดยมิมีผู้ใดสังเกตเห็น
อันหลิงเกอตัวปลอมทำให้อีเอ๋อของนางโดนส่งตัวออกจากจวน นางจักเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของมันเพื่อเป็นการแก้แค้นให้อีเอ๋อ !
ภายในเรือนฉีอู๋ อันหลิงเกอกำลังอ่านตำราแพทย์อย่างตั้งอกตั้งใจ
อยู่ ๆ ปี้จูก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน
“คุณหนู ท่านโหวและนายหญิงหลี่มาเจ้าค่ะ”
ปี้จูหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “บ่าวเห็นใบหน้าของท่านโหวมิค่อยดีเลยเจ้าค่ะ เกรงว่านายหญิงหลี่คงก่อเรื่องอันใดอีกแน่เจ้าค่ะ”
“มิต้องกลัว” อันหลิงเกอเก็บตำราในมือ นางทราบตั้งแต่เช้าแล้วว่าหลี่ซื่อมีแผนการบางอย่าง ยิ่งตอนแช่น้ำร้อนความรู้สึกนี้ก็ยิ่งชัดเจน
ตอนนี้ดูท่าทางแล้วหลี่ซื่อคงมาหาเรื่องจริง ๆ
หลังจากนั้นนางก็ลุกออกมาต้อนรับทั้งคู่ เห็นอันอิงเฉิงมีสีหน้าดุดันส่วนหลี่ซื่อมีรอยยิ้มฉายชัดอยู่ในแววตา
“จงบอกมาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ ? ”
อันอิงเฉิงตะโกนออกมาพร้อมสีหน้าดุดันจนทำให้อันหลิงเกอและปี้จูงงไปตาม ๆ กัน
“นายท่าน ท่านกล่าวอันใดเจ้าคะ ? ”
ปี้จูที่เห็นว่าอันอิงเฉิงมีท่าทีแปลกไปจึงรีบเข้ามายืนขวางด้านหน้าของอันหลิงเกอไว้
แต่อันอิงเฉิงมิสนใจนาง แววตาที่ดูน่าเกรงขามจ้องไปยังอันหลิงเกอคล้ายจักมองนางให้ทะลุปรุโปร่งก็มิปาน
อันหลิงเกอก็มิรู้ว่าอันอิงเฉิงเป็นอันใด แม้ยังข้องใจแต่ก็ตอบออกไป “ท่านพ่อ ลูกมิเข้าใจที่ท่านพูดเจ้าค่ะ ? ”
หลี่ซื่อรีบแสดงตัวออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “หยุดแสดงละครได้แล้ว ข้ารู้หมดแล้วว่าเจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ตัวปลอม รีบบอกมาว่าคุณหนูใหญ่ตัวจริงโดนเจ้าสังหารไปแล้วใช่หรือไม่ ? เจ้าเป็นใครและมาจากที่ใดกันแน่ ? ”
อันหลิงเกอได้ฟังก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจักหัวเราะออกมา
ที่แท้วันนี้หลี่ซื่อมาอยู่กับนางครึ่งค่อนวัน ทั้งยอมให้นางชี้นิ้วสั่งก็เพราะสงสัยว่านางคือตัวปลอมจึงอยากหาหลักฐานมาเปิดโปงต่อหน้าท่านพ่อนี่เอง
น่าเสียดายที่ต่อให้นางมิเหมือนเมื่อก่อนก็จริง แต่นางก็คืออันหลิงเกอตัวจริงอยู่ดี มิใช่ตัวปลอมอย่างที่หลี่ซื่อกล่าวหา !