พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 342 หลี่ซื่อกระอักโลหิต
ตอนที่ 342 หลี่ซื่อกระอักโลหิต
มีปานแดงอย่างนั้นหรือ?
พลันหลี่ซื่อก็รู้สึกเหมือนมีเสียงบางอย่างก้องอยู่ในหู เสียงนั้นราวกับฟ้าผ่าลงมา เบื้องหน้าเห็นเพียงแสงสีขาวพร่ามัวไปหมด รู้สึกคล้ายคนจักหมดสติ ความคิดทั้งหมดหยุดลงในทันที
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ซื่อจึงค่อย ๆ ได้สติคืนมา
นางมองสาวใช้ของตนอย่างตกใจ แววตาดูมิเชื่อสาวใช้แม้แต่น้อย
“เจ้ากล่าวอันใด บนตัวนางมีปานแดงหรือ ? ”
มือข้างหนึ่งของนางชี้ไปที่อันหลิงเกอส่วนมืออีกข้างจับที่มือของสาวใช้เอาไว้ เล็บยาวของนางจิกเนื้อของสาวใช้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บจนน้ำตาคลอแต่มิกล้าส่งเสียงร้องออกมา
และมิกล้าสบตาหลี่ซื่อ แต่ยังกล่าวตามความจริง “ที่แผ่นหลังของคุณหนูใหญ่มีปานแดงรูปร่างคล้ายผีเสื้ออยู่ บ่าวเห็นกับตาเจ้าค่ะ”
“เป็นไปมิได้ ! ”
หลี่ซื่อผลักสาวใช้คนนั้นออกและพูดราวกับคนคลุ้มคลั่ง “เจ้าหลอกข้า เจ้าร่วมมือกับพวกมันมาหลอกข้า ! ”
เมื่อนางมิยอมรับความจริงเช่นนี้ อันอิงเฉิงจึงทนฟังต่อไปมิไหว
เขามองไปยังใบหน้าที่คล้ายคนเสียสติของหลี่ซื่อ ความอ่อนโยนในแววตาของเขาหายไปจนสิ้น
“พอได้แล้ว ! ”
อันอิงเฉิงตวาดด้วยความโมโห ใบหน้าเต็มไปด้วยความมิพอใจ “เจ้าจักสร้างปัญหาอันใดก็ควรรู้ขอบเขตเสียบ้าง คราแรกเจ้าบอกว่าเกอเอ๋อเป็นตัวปลอม บอกว่าเจ้าเห็นกับตาว่าที่แผ่นหลังของนางมิมีปานแดง ข้ากลัวว่าจักมีคนมาทำให้สายเลือดของข้าต้องแปดเปื้อนจึงตามเจ้ามาที่นี่ แต่พอคนที่ท่านแม่ส่งมายืนยันตัวตนของเกอเอ๋อแล้วเจ้าก็ยังมิเชื่อ ยังให้สาวใช้ของตนมาตรวจสอบอีกครั้ง ตอนนี้คนของเจ้าก็ยอมรับแล้วว่าเกอเอ๋อเป็นตัวจริง แต่เจ้ายังมากล่าวว่านางและเกอเอ๋อสบคบคิดกัน ช่างเหลวไหลสิ้นดี ! ”
ส่วนอันหลิงเกอเห็นใบหน้าสิ้นสติของหลี่ซื่อ แววตาก็เปล่งประกายขึ้นมา
ตอนที่หลี่ซื่อทำเป็นใส่ใจนางอย่างออกนอกหน้า นางก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนการแน่นอน ดังนั้นภายในเสื้อคลุมผืนบางนางยังสวมเสื้อแนบเนื้อบาง ๆ เอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เสื้อตัวนั้นมีสีคล้ายสีผิวของนางมาก หากมองอย่างมิละเอียดก็มิทราบแน่นอน
ดังนั้นตอนที่นางจักแช่น้ำร้อน นางมิเพียงแต่สวมเสื้อคลุมที่หลี่ซื่อเห็น แต่ยังสวมเสื้อที่แนบเนื้อเอาไว้อีกชั้น
และตอนที่หลี่ซื่อแกล้งทำพลาดจนฉีกเสื้อคลุมของนางขาดจึงมิเห็นปานแดงบนตัวนางเพราะมีเสื้ออีกชั้นบังไว้นั่นเอง
น่าเสียดายที่หลี่ซื่อคิดว่าตนฉลาด คิดว่าตนค้นพบความลับของนางแล้วจึงรีบไปฟ้องท่านพ่อ สุดท้ายนอกจากเสียแรงเปล่าแล้วยังโดนท่านพ่อรังเกียจ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นมุมปากของอันหลิงเกอก็ยกยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมเอ่ยเตือนหลี่ซื่อ “หลี่อี๋เหนียงอย่าลืมคำพูดของตนเสียเล่า ข้าจักรออี๋เหนียงเดินไปคำนับไปจากเรือนของท่านมาจนถึงเรือนฉีอู๋ของข้า”
นางตัวดี !
หลี่ซื่อกัดฟันกรอดด้วยความโมโห มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นแต่กล่าวสิ่งใดมิออก
ทางด้านแม่นมกัวที่มิชอบหลี่ซื่ออยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้จึงแสร้งทำเป็นกล่าวขึ้นมาลอย ๆ “คุณหนูใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ ต่อให้นายหญิงหลี่ลืมเรื่องนี้จริง บ่าวก็จักเตือนและคิดว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าก็คงมิลืมเช่นกันเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอตั้งใจให้คนไปเชิญแม่นมในเรือนฮูหยินผู้เฒ่ามาเพราะต้องการผลลัพธ์เช่นนี้
แม้หลี่ซื่อสัญญาเอาไว้ แต่ตามนิสัยแล้วจักต้องกลับคำอย่างแน่นอน
และท่านพ่อก็มักใจอ่อน แค่หลี่ซื่อขอร้องอ้อนวอนมิกี่คำก็อาจสั่งให้ปล่อยหลี่ซื่อไปก็ได้
นางเป็นถึงบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกแห่งจวนโหวกลับโดนแม่นมและสาวใช้ตรวจร่างกายเพียงเพราะอนุภรรยาสงสัย หากปล่อยให้ผ่านไปเช่นนี้มิเท่าเป็นการส่งเสริมหลี่ซื่อหรอกหรือ ? ต่อไปหลี่ซื่อก็จักหยิ่งผยองมากขึ้นอีก
แต่เมื่อมีแม่นมกัวอยู่ที่นี่ ท่านย่าก็ต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ต่อให้ท่านพ่อทนต่อการขอร้องจากหลี่ซื่อมิไหว ทว่าท่านย่ามิปล่อยไปแน่
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงหน้าตาของนาง ท่านย่ามิยอมให้หลี่ซื่อมาฉีกหน้านางโดยง่าย
หลี่ซื่อเข้าใจคำข่มขู่ของแม่นมกัว หากนางมิทำตามที่สัญญาเอาไว้ แม่นมกัวต้องรายงานเรื่องนี้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างแน่นอน
ดูจากความโปรดปรานที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีต่ออันหลิงเกอแล้ว หลังจากทราบเรื่องจักต้องออกหน้าแทนอันหลิงเกอแน่นอน ต้องให้นางเดินคำนับมาจนถึงเรือนของอันหลิงเกอเป็นแน่ !
นางสาวใช้ชั้นต่ำกล้าเอาฮูหยินผู้เฒ่ามาขู่ข้าหรือ !
นางแอบดูแคลนแม่นมกัวอยู่ในใจเพราะคำข่มขู่นี้ทำให้สติของนางคืนมาอีกครั้ง ใบหน้าคลุ้มคลั่งเมื่อครู่ก็จางหายและกลับเป็นปกติดังเดิม
ส่วนอันอิงเฉิงหันไปมองนางครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาโดยมิรู้ร้อนรู้หนาว “จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านแม่ต้องมากังวลกับเรื่องนี้อีก”
อันอิงเฉิงถึงขั้นบอกให้หลี่ซื่อไปคุกเข่าขอโทษอันหลิงเกอ เห็นได้ชัดว่าวันนี้เขาโกรธนางมากเพียงใด
เป็นเหตุให้สีหน้าของหลี่ซื่อยิ่งขาวซีดกว่าเดิม ตอนแรกนางคิดว่าจักขอร้องเขา แต่เมื่อสบกับดวงตาที่เย็นชาคู่นั้น ริมฝีปากของนางเพียงขยับขึ้นลงแต่กล่าวอันใดมิออก
ได้แต่โทษอันหลิงเกออยู่ภายในใจว่าเรื่องทั้งหมดเพราะอันหลิงเกอคนเดียว ทำให้นางต้องสูญเสียความรักจากท่านโหว แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังมิเข้าข้างนาง !
อันหลิงเกอสบตาที่เต็มไปด้วยความอำมหิตของหลี่ซื่อโดยมิหวั่นเกรงแม้แต่น้อย ทั้งยังส่งสายตายั่วยุให้อย่างอารมณ์ดี
อยากใส่ร้ายนางมิใช่หรือ ? หลี่ซื่อก็ควรได้รับรู้รสชาติของผลกรรมที่ทำไว้ด้วย
การที่หลี่ซื่อเก็บกดโทสะไว้ในอกทำให้นางรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดในลำคอของตน สุดท้ายนางก็กระอักโลหิตออกมา
“นายหญิง ! ”
สาวใช้ข้างกายของนางรีบเข้ามาประคองอย่างตกใจ จากนั้นก็ถามด้วยความกังวล “นายหญิงเป็นอันใดเจ้าคะ ? ”
จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดที่มุมปากให้ ส่วนหลี่ซื่อที่พ่นเลือดในปากออกมาก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
แม่นมกัวเห็นดังนั้นก็แสดงท่าทางเป็นห่วง “นายหญิงหลี่สุขภาพมิดีก็มิต้องมายุ่งกับเรื่องวุ่นวายพวกนี้หรอกเจ้าค่ะ พักผ่อนอยู่แต่ในเรือนของตนจักดีกว่า ถือเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคนด้วย”
ประโยคนี้ของแม่นมกัวช่างหยาบคายนัก ฟังผิวเผินเหมือนเป็นห่วงสุขภาพของหลี่ซื่อ ทว่าความจริงแฝงไปด้วยคำเสียดสีว่าเพราะหลี่ซื่อชอบหาเรื่องจึงทำให้สุขภาพเป็นเช่นนี้ นี่เป็นผลกรรมที่ควรได้รับแล้ว
ฝ่ายอันหลิงเกอก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยยิ้มมุมปากเอาไว้
นางมิเคยรู้มาก่อนว่าแม่นมข้างกายท่านย่าคนนี้เวลาโมโหแล้วจักร้ายกาจมากเหลือเกิน
คำพูดของแม่นมเมื่อสักครู่ทำให้ใบหน้าของหลี่ซื่อสั่นเล็กน้อย มิหนำซ้ำใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโมโหบัดนี้ยิ่งทำให้นางดูน่ากลัวไปอีกหลายเท่า
จากนั้นนางก็ฉีกยิ้มออกมาพร้อมส่งสายตาอาฆาตไปให้แม่นมกัว “แม่นมกัววางใจเถิด ข้าจักดูแลตนเองอย่างดี เช่นนั้นผู้ใดจักดูแลและจัดงานศพยามฮูหยินผู้เฒ่าจากไปเล่า ? ”
คำพูดของนางต้องการสื่อเป็นนัยว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องตายก่อนแน่นอน อันหลิงเกอและแม่นมกัวได้ยินเช่นนั้นสีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที
สีหน้าของอันหลิงเกอเย็นชา แววตาเย็นยะเยือกก็ฉายประกายออกมา