พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 351 ฆ่าตัวตายอีกคน
ตอนที่ 351 ฆ่าตัวตายอีกคน
ตอนนี้บุตรสาวแท้ ๆ ของนางเกิดเรื่อง แต่อันหลิงเกอยังขวางนางเอาไว้แล้วใช้คำพูดสวยหรูว่าอยากให้นางพักผ่อน ที่จริงแล้วมีเจตนาร้ายแฝงอยู่ต่างหาก !
หลี่ซื่อไออยู่สองสามทีแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับที่มุมปากราวกับพยายามฝืนร่างกายอยู่ “เกอเอ๋อ เจ้ามิได้ยินที่กู่โมโม่กล่าวหรือ อีเอ๋อเกิดเรื่องแล้วข้าจักมิไปดูได้เยี่ยงไร ? ”
“เกอเอ๋อ ข้ารู้ว่าเรื่องในวันนี้ข้าทำมิถูก หากเจ้ามิพอใจก็เอาไว้วันหลังข้าจักไปขอโทษอีกครั้งก็ได้ เหตุใดต้องขวางมิให้ข้าไปหาอีเอ๋อด้วยเล่า ? ”
นางกล่าวถึงเพียงนี้ หากอันหลิงเกอยังรั้งนางเอาไว้อีกก็เท่ากับตั้งใจแยกพวกนางสองแม่ลูกออกจากกัน
อันหลิงเกอยกยิ้มที่มุมปาก แววตาจ้องมองหลี่ซื่ออย่างสงบนิ่ง “หลี่อี๋เหนียงกล่าวมีเหตุผล ร่างกายของท่านมิแข็งแรง ถ้ายังต้องไปเหนื่อยล้าจากการเดินทางอีก ข้าก็มิวางใจเช่นกัน มิสู้เราสองคนไปด้วยกันเลยดีกว่า ข้าจักได้ไปดูด้วยว่าร่างกายของน้องหญิงสามเป็นเช่นไร มิแน่ว่าอาจช่วยดูแลนางได้บ้าง”
คำพูดของอันหลิงเกออยู่เหนือความคาดหมายของหลี่ซื่อ แต่เมื่อคิดดีแล้วก็พบว่าจวนหลี่คือบ้านของนางเอง อันหลิงเกอคงมิสามารถเล่นลูกไม้อันใดได้อยู่แล้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงพยักหน้าตกลง
ส่วนฟู่ชิงในเมื่อยอดฝีมือที่นางกล่าวถึงคือกู่โมโม่ก็ถือว่านางมิได้พาคนแปลกหน้าเข้ามาในจวน เมื่อมิมีความผิดอันหลิงเกอจึงสั่งให้คนปล่อยตัวนาง เพียงแต่ส่งสัญญาณให้ปี้จูว่าหลังจากที่กลับถึงเรือนฉีอู๋แล้วให้กระจายข่าวเรื่องฟู่ชิงโดนหลี่ซื่อบงการให้ปลอมตัวออกไปจนทั่ว
ในเมื่อหลี่ซื่ออยากทำให้นางเสียชื่อเสียง เช่นนั้นก็ให้หลี่ซื่อได้ลิ้มรสการถูกทำลายชื่อเสียงก่อนแล้วกัน
อันหลิงเกอสั่งปี้จูอย่างละเอียดว่าต้องทำเช่นไรบ้างต่อหน้าหลี่ซื่อ ทำให้หลี่ซื่อรู้สึกโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่กล่าวอันใดมิออก
อันหลิงเกอตั้งใจใช้เรื่องนี้ตบหน้าหลี่ซื่อ ทั้งเรื่องนี้ยังเป็นความผิดของหลี่ซื่อเอง ต่อให้อยากโต้แย้งเพียงใด ฝ่ายอันหลิงเกอก็ชนะอยู่ดี
หลี่ซื่อรู้สึกมีโทสะและนึกใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ไป
นางดูแลจวนนี้มากว่าสิบปี ชื่อเสียงแปดเปื้อนแค่นี้ทำอันใดนางมิได้หรอก
นางกล้ำกลืนความโกรธแค้นไว้ภายในใจแล้วฝืนยิ้มออกมา “เกอเอ๋อ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ข้าอยากรีบไปหาอีเอ๋อ หากเจ้ายุ่งก็อยู่จัดการต่อเถิด”
ได้อย่างไรกัน ? นางยังอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าอันหลิงอีมีแผนอันใดกันแน่
อันหลิงเกอกระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นแย้มยิ้มออกมาอย่างสดใส “เรื่องของข้ามิใช่เรื่องด่วนอันใด หากหลี่อี๋เหนียงรีบ พวกเราก็ไปกันเลยแล้วกัน”
เมื่อกล่าวจบก็มิชักช้าอีก นางและหลี่ซื่อขึ้นรถม้าคนละคันเพื่อมุ่งหน้าไปที่จวนหลี่ทันที
ตั้งแต่ชาติก่อนมาจนถึงชาตินี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่อันหลิงเกอได้มาเยือนจวนตระกูลหลี่
นางเดินตามหลี่ซื่อไปยังเรือนที่อันหลิงอีพักอยู่ ทันทีที่ก้าวเข้าไปด้านในก็เห็นอันหลิงอีนอนอยู่บนเตียงแล้วเบิกตามองมาทางพวกนาง “ท่านแม่ เหตุใดท่านต้องพามันมาด้วยเจ้าคะ ? ”
สาวใช้ที่อยู่ข้างกายรีบปลอบนางทันที “คุณหนูมิต้องตื่นเต้นเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เพียงมาเยี่ยมเท่านั้น”
“มาเยี่ยมข้า ? หึ จักมาดูว่าข้าตายหรือยังมากกว่า” มิรู้ว่าอันหลิงอีเป็นอันใดกันแน่ อยู่ ๆ นางก็ชี้ที่คอของตน “หากมิใช่เพราะเจ้า ข้าจักคิดฆ่าตัวตายหรือไร ? ”
อันหลิงเกอได้ฟังก็รู้สึกงุนงง ตอนที่อันหลิงอีโดนส่งไปที่เรือนจวงจื่อก็ยังดี ๆ อยู่ เหตุใดถึงได้คลุ้มคลั่งขึ้นมาเช่นนี้ ?
แม้ยังสงสัยก็มิยอมถูกอันหลิงอีตำหนิอยู่ฝ่ายเดียว
“น้องหญิงสามพยายามฆ่าตัวตายเอง ผู้ใดจักไปบังคับเจ้าได้ ? ”
น้ำเสียงสดใสของอันหลิงเกอแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันจนทำให้หลี่ซื่อขมวดคิ้วมุ่นด้วยความมิพอใจ ไอสังหารราวกับพุ่งออกจากดวงตา
“อันหลิงเกอ เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ! ”
หลี่ซื่อเอ่ยพร้อมถลึงตาใส่อันหลิงเกอ มือข้างหนึ่งชี้ไปที่อันหลิงอีซึ่งอยู่บนเตียง “แม้อีเอ๋อมิใช่น้องสาวแท้ ๆ ของเจ้า ทว่าอย่างไรก็ถือเป็นคุณหนูสามของจวนโหว นางก็บอกแล้วว่าเพราะเจ้าทำให้นางคิดผูกคอตาย เจ้ามิรู้สึกละอายใจเลยหรือไร มิหนำซ้ำยังมาตำหนิว่านางมิรักชีวิตตนเองอีก เจ้ายังมีคุณธรรมและมีเมตตาอย่างที่สตรีพึงมีหรือไม่ เหตุใดจึงใจดำอำมหิตเพียงนี้ ! ”
“หลี่อี๋เหนียงช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง ! เรื่องเปลี่ยนผิดเป็นถูกคืองานถนัดของท่านใช่หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอกล่าวออกมาอย่างมิเกรงกลัว ดวงตาดำขลับมองตรงไปที่หลี่ซื่อ
“หลี่อี๋เหนียงเห็นเพียงอันหลิงอีโดนข้าทำร้าย เหตุใดจึงมองมิเห็นว่าอันหลิงอีทำสิ่งใดกับข้าบ้าง ? ”
เมื่อกล่าวจบประกายความเย็นชาก็พาดผ่านดวงตาของนาง ความเกลียดชังที่ซุกซ่อนอยู่ภายในคล้ายใกล้ทะลักออกมาจนหลี่ซื่ออดก้าวถอยไปด้านหลังมิได้
“น้องหญิงสามอาศัยที่มารดาของข้าด่วนจากไป ภายนอกทำเหมือนรักใคร่สนิทสนมกับข้า แต่ลับหลังแย่งของส่วนตัวข้าครั้งแล้วครั้งเล่า พอนางชอบสิ่งใดก็มักหาวิธีแย่งเอาไป เงินทองทรัพย์สมบัติพวกนี้นับเป็นของนอกกาย หากน้องหญิงสามอยากได้จริง ๆ ข้าย่อมให้ได้ แต่ข้ามิเคยคิดมาก่อนว่าความอ่อนข้อครั้งแล้วครั้งเล่าหรือความอดทนครั้งแล้วครั้งเล่าของข้าจักทำให้น้องหญิงสามกลายเป็นคนโลภอย่างไร้ที่สิ้นสุด ถึงขั้นอยากแต่งงานกับมู่ซื่อจื่อแทนข้า”
“ส่วนหลี่อี๋เหนียงช่างยุติธรรมเสียจริง โยนความผิดให้ข้าโดยมิถามไถ่อันใด วันนี้ถือว่าข้าได้รับรู้แล้ว ! ความรักของอี๋เหนียงทำให้ท่านหูหนวกตาบอด ยืนข้างน้องหญิงสามและชี้หน้าว่าข้าเป็นคนผิดโดยมิสนใจเหตุผลอันใดทั้งสิ้น ! ข้าได้ยินมานานแล้วว่าหลี่ซื่อเกิดในครอบครัวผู้น้อย ความประพฤติมิได้ดีงามอันใด แต่คาดมิถึงว่าจักน่าผิดหวังมากเพียงนี้ ! ”
อันหลิงเกอต่อว่าหลี่ซื่อออกมาตามตรง แม้ไร้คำหยาบคายทว่าถ้อยคำที่สละสลวยของนางก็ชี้ชัดว่าหลี่ซื่อเป็นคนที่รักลูกจนมิลืมหูลืมตาและลำเอียงมากเพียงใด !
“ตระกูลหลี่ของเรามีความประพฤติเป็นเยี่ยงไรหรือ ? ”
เสียงของชายชราดังมาจากด้านหลังของอันหลิงเกอ นางจึงหันไปมองด้วยความตระหนกก็เห็นเพียงชายชราที่มีหนวดและผมสีขาวใส่ชุดสีเทาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ชายชราผู้นี้ต้องมิธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกอย่างแน่นอน แม้แต่ตอนที่ไป๋หลี่เฉินซึ่งเป็นยอดฝีมือแห่งยุทธภพเข้าใกล้นางยังรับรู้ได้ ทว่านางมิรู้สึกถึงการมาของคนผู้นี้เลย !
อันหลิงเกอแอบหวาดระแวงจึงประเมินชายชราที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันดวงตาที่เฉียบคมของหลี่อวิ๋นก็จ้องมองอันหลิงเกอพร้อมกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“แม่นางน้อย เจ้าลองบอกมาสิว่าเหตุใดความประพฤติของตระกูลหลี่จึงมิดีงาม ? ”
ชายชราผู้นี้ดูเย็นชาราวกับงูพิษ เขาถามออกมาด้วยความโกรธและเหมือนมีพลังอำนาจที่มองมิเห็นแฝงด้วยกำลังภายในแผ่ออกจากกายแล้วเข้ากดทับอันหลิงเกอเอาไว้
กู่โมโม่เห็นดังนั้นก็หันไปคำนับหลี่อวิ๋น ใบหน้าที่มักเรียบเฉยอยู่เป็นนิจบัดนี้ยิ้มออกมาอย่างประจบประแจง “มิได้พบนายท่านผู้เฒ่านานหลายปี ท่านยังแข็งแรงอยู่เลยเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอยังยืนอยู่ที่เดิม หลังจากทนต่อแรงกดดันมหาศาลเมื่อครู่ได้แล้วจึงตอบไปว่า “ท่านผู้เฒ่าหลี่มาได้ทันเวลาพอดี ข้ากำลังคิดอยู่ว่ากฎระเบียบของตระกูลหลี่ใช้มิได้ หวังว่าท่านจักรับคำชี้แนะจากข้าไว้บ้าง”
เมื่อนางแสดงท่าทีนอบน้อมเยี่ยงผู้น้อยเคารพผู้อาวุโสออกมา สีหน้าของหลี่อวิ๋นจึงดูดีขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านผู้เฒ่าหลี่มิเคยไปที่จวนโหวมาก่อน แต่คงพอรู้มาบ้างว่าข้าคือบุตรีของภรรยาเอกแห่งจวนโหวมีนามว่าอันหลิงเกอ”
เขาพยักรับพร้อมส่งเสียง หึ ! ออกมา