พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 357 ม่อเป่ยเกิดเรื่อง
ตอนที่ 357 ม่อเป่ยเกิดเรื่อง
การท้าทายของหลี่อี๋เหนียงสำหรับอันหลิงเกอแล้วถือเป็นเรื่องปกติอย่างมาก นางจึงมิใส่ใจอยู่แล้ว
อันหลิงเกอยิ้มให้หลี่อี๋เหนียงอย่างมิแยแส ท่าทางดูถูกยิ่งทำให้หลี่อี๋เหนียงโกรธจนแทบลุกเป็นไฟ มือทั้งสองที่อยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่นจนถึงขั้นสาบานในใจว่าต้องทำให้อันหลิงเกอมิตายดี !
ทั้งคู่สบตากันอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่ต่างฝ่ายจักเบนสายตาหนีราวกับมิมีอันใดเกิดขึ้นและแยกเดินกลับเรือนของตนไป
เมื่อกลับมาถึงจวนโหว อันหลิงเกอก็มิกังวลเรื่องของท่านผู้เฒ่าหลี่อีกเพราะมิว่าอย่างไรท่านผู้เฒ่าหลี่ก็เป็นคนลงมือกับนางก่อน ต่อให้เขาไปทูลเรื่องนี้แก่ฝ่าบาท นางก็หาได้เกรงกลัวไม่
แต่ดูจากท่าทางของหลี่อี๋เหนียงตอนนี้ราวกับมิอยากกล่าวถึงเรื่องของท่านผู้เฒ่าหลี่อีก ดั่งคำที่ว่ามีเรื่องน้อยย่อมเป็นทุกข์น้อย ด้วยเหตุนี้อันหลิงเกอจึงมิกล่าวถึงเรื่องนั้นขึ้นมาอีกเช่นกัน
นางกลับถึงเรือนฉีอู๋ได้มินานก็ได้ยินเสียงสาวใช้วิ่งกระหืดกระหอบมาที่ด้านหน้าเรือน
“คุณหนูใหญ่ ท่านมู่ซือจื่อมาเจ้าค่ะ ท่านโหวจึงให้มาตามท่านไปที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานมาอย่างนั้นหรือ ?
ใบหน้าของอันหลิงเกอมีแววประหลาดใจพาดผ่าน แต่ปี้จูที่อยู่ด้านข้างกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยแววหยอกเย้า
นางกระแซะที่แขนของอันหลิงเกอเบา ๆ แล้วส่งสัญญาณให้อันหลิงเกอรีบไปที่ห้องโถง นางจึงโดนอันหลิงเกอมองค้อนให้ทีหนึ่ง
สาวใช้ที่เป็นคนมาส่งข่าวเงยหน้าขึ้น ก่อนจักเอ่ยเร่งอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ ท่านมู่ซื่อจื่อรออยู่ที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอจึงส่งเสียงรับคำแล้วเดินตามสาวใช้คนนั้นไปยังห้องโถงทันที
เมื่อมาถึงห้องโถง นางก็เห็นอันอิงเฉิงกำลังนั่งอยู่กับมู่จวินฮาน ทั้งคู่มีท่าทีเคร่งขรึมคล้ายกำลังปรึกษาเรื่องอันใดบางอย่างกันอยู่
อันอิงเฉิงได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันไปกวักมือเรียกอันหลิงเกอ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นลุกขึ้นแล้วกล่าวกับมู่จวินฮานว่า “เรื่องของม่อเป่ย ข้าเองก็ไร้ความสามารถจึงทำได้เพียงอวยพรให้มู่ซื่อจื่อกำชัยชนะกลับมา”
มู่จวินฮานขอบคุณสำหรับคำอวยพร จากนั้นอันอิงเฉิงจึงหาข้ออ้างปลีกตัวออกมา
พอได้รู้จักมู่จวินฮานนานเข้า เขาก็รู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างมู่จวินฮานและอันหลิงเกอที่แม้มิชัดเจนแต่ก็สังเกตได้
ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่ามู่จวินฮานมาหาที่จวน อันอิงเฉิงจึงสั่งให้สาวใช้ไปเชิญอันหลิงเกอมาทันที
สีหน้าของอันหลิงเกอค่อย ๆ แดงเรื่อขึ้น แต่นางยังนั่งอย่างสงบอยู่ข้างกายมู่จวินฮาน
ท่าทางเคร่งขรึมของมู่จวินฮานเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในพริบตา ใบหน้าที่หล่อเหลาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ความเสน่หาภายในดวงตาคมแรงกล้าเกินจักต้านทาน
“เกอเอ๋อ ข้ามิได้พบเจ้าหลายวันแล้ว”
เขายื่นมือออกมาจับข้อมือของอันหลิงเกอ แววตาแฝงไว้ด้วยความอาลัยอาวรณ์
อันหลิงเกอบิดข้อมือไปมาแต่ก็มิสามารถหลุดพ้นจากการเกาะกุมได้ นางจึงปล่อยให้เขากุมมือของตนอยู่เช่นนั้น
“เหตุใดวันนี้ท่านถึงมาได้เจ้าคะ ? ”
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในตอนนี้ มองภายนอกอาจเป็นเพียงคนที่เคยหมั้นหมายกันมาก่อน คล้ายว่าความสัมพันธ์ทั้งหมดจบลงเพียงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วพวกเขายังรักษาความสัมพันธ์นั้นเรื่อยมา ทว่ายังมิสามารถเผยให้คนนอกรับรู้เพื่อป้องกันมิให้ฮ่องเต้เกิดความหวาดระแวงขึ้นมาอีก
เมื่อได้ยินคำถาม สีหน้าของมู่จวินฮานก็เคร่งขรึมโดยมิรู้ตัว
“ข้ามาเพื่อบอกเรื่องนี้แก่เจ้า” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อไตร่ตรองดีแล้วจึงเอ่ยออกมา “ที่ม่อเป่ยเกิดเรื่อง ฮ่องเต่จึงส่งข้าไปนำทัพที่ม่อเป่ย”
อันหลิงเกอขมวดคิ้วมุ่น มู่จวินฮานเพิ่งกลับมาจากม่อเป่ยแล้วเหตุใดจึงต้องไปที่ม่อเป่ยอีกเล่า ?
แต่นางหาใช่คนที่ไร้เหตุผล ต่อให้ภายในใจมิอยากให้มู่จวินฮานไปม่อเป่ยมากเพียงใดก็มิได้เอ่ยปากออกมา เพียงถามเขาออกไปว่า “ร้ายแรงหรือไม่เจ้าคะ ? ”
มู่จวินฮานพยักหน้า ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง “สายลับของแคว้นชิงเยว่ลักลอบเข้ามาในกองทัพม่อเป่ยและลอบทำร้ายท่านพ่อของข้าระหว่างที่สองกองทัพกำลังต่อสู้กัน”
“ท่านอ๋องมู่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ้าคะ ? อาการสาหัสหรือไม่ ? ” อันหลิงเกอรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที มิว่าเพื่อบ้านเมืองหรือเพราะเรื่องส่วนตัว นางล้วนแต่หวังให้ท่านอ๋องมู่ปลอดภัย มิว่าเพื่อจวนอ๋องมู่หรือต้าโจว การที่ท่านอ๋องมู่ปลอดภัยล้วนเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน
ริมฝีปากของมู่จวินฮานยังไร้รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาและนัยน์ตาคู่นั้นก็ทอประกายความเสียใจ “การที่สายลับแฝงตัวเข้ามาในกองทัพก็เพื่อลอบสังหารท่านพ่อ แต่ท่านพ่อดวงแข็ง สายลับคนนั้นจึงทำมิสำเร็จ เพียงแต่ในช่วงนี้คงมิสามารถนำทัพได้”
อันหลิงเกอได้ยินว่าท่านอ๋องมู่มิได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิตจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่ประโยคต่อมาของมู่จวินฮานกลับทำให้อันหลิงเกอหนักใจอีกครั้ง “ท่านพ่อเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ข่าวที่ท่านโดนสายลับลอบทำร้ายจนบาดเจ็บได้แพร่ไปทั่วกองทัพทำให้ทหารมีความหวาดกลัว อีกทั้งกองทัพชิงเยว่ก็ยังคอยจ้องรุกรานอยู่ ฮ่องเต้จึงตัดสินพระทัยส่งข้าไปนำทัพ หากมิสามารถทำให้กองทัพชิงเยว่ถอยทัพไปได้ก็ห้ามกลับมาเด็ดขาด”
อันหลิงเกอฟังแล้วรู้สึกมิสบายใจอย่างยิ่ง ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ คำสั่งง่าย ๆ แต่มีประโยชน์ต่อพระองค์มากมายเหลือเกิน
ตอนนี้ท่านอ๋องมู่บาดเจ็บสาหัสจนมิสามารถนำทัพสู้ศัตรูได้ พระองค์จึงสั่งให้มู่จวินฮานไปนำทัพแทนบิดา
หากมู่จวินฮานมีความสามารถทำให้ราชวงศ์ต้าโจวได้ชัยชนะ ทหารต้าโจวโจมตีจนทหารแคว้นชิงเยว่ล่าถอยได้ บ้านเมืองก็จักแข็งแกร่ง มิเพียงสามารถทำให้แคว้นชิงเยว่พ่ายแพ้ แต่ยังทำให้แคว้นอื่นเกิดความหวาดกลัวมิกล้ามารุกรานต้าโจวอีก
หากมู่จวินฮานเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่มิเอาไหนเยี่ยงที่เขาแสดงออก ไร้ความสามารถในการนำกองทัพสู้ศึก มิสามารถทำให้ทหารม่อเป่ยเชื่อมั่นได้ ฮ่องเต้ก็สามารถบัญชาให้มู่จวินฮานอยู่ม่อเป่ยตลอดไปได้อย่างมีเหตุผล ขณะเดียวกันก็ส่งแม่ทัพที่พระองค์ไว้วางพระทัยไปดูแลกองทัพม่อเป่ยต่อ ทีนี้ก็จักมิมีผู้ใดพูดอันใดได้อีก
แต่ตอนนี้กองทัพชิงเยว่มากดดันอยู่บริเวณชายแดนแล้ว ต่อให้มู่จวินฮานรู้ดีว่าฮ่องเต้ทรงมีดำริเช่นไร แต่เพื่อต้าโจว เขาจำเป็นต้องรับราชโองการนี้เพื่อคว้าชัยชนะในสงครามม่อเป่ยมาให้ได้
“ท่าน…ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ” ถ้อยคำที่กล่าวออกมาของอันหลิงเกอช่างอ้อมค้อมยิ่งนัก นางมีถ้อยคำที่อยากกล่าวอีกมากมาย แต่มาบัดนี้นางมิรู้จักเอ่ยสิ่งใดออกมาดี สุดท้ายก็ได้แต่ย้ำให้เขามีชีวิตรอดกลับมา
มู่จวินฮานยิ้มออกมาทันที ราวกับดวงดาวมากมายเปล่งแสงระยิบระยับท่ามกลางนภามืดมิดและสามารถดึงดูดสายตาผู้คนให้จ้องมอง
“ดูท่าทางเคร่งเครียดของเจ้าแล้วเหมือนกับว่าข้าจักมิได้กลับมาอีกอย่างไรอย่างนั้นเลย”
น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความผ่อนคลาย จากนั้นจึงยื่นมือไปบีบแก้มของอันหลิงเกอเพื่อให้นางฉีกยิ้มออกมา “ข้าจักกลับมาอย่างปลอดภัยและกำชัยชนะมาฝากเมืองหลวงอย่างแน่นอน ข้าแค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น”
นัยน์ตาของมู่จวินฮานทอประกายเย็นชา ริมฝีปากได้รูปของเขาเอ่ยออกมา “คนของข้าสืบได้ว่าจวนหลี่มีการติดต่อกับสายลับของแคว้นชิงเยว่ แม้ยังมิสามารถยืนยันได้ว่าระหว่างพวกเขามีการร่วมมือกันจริงหรือไม่ ทว่าตาเฒ่าหลี่อวิ๋นที่รู้วรยุทธเพียงผิวเผิน อยู่ ๆ หนึ่งเดือนก่อนก็มีพลังภายในที่ล้ำลึกขึ้นมา เกรงว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับแคว้นชิงเยว่เป็นแน่”
อันหลิงเกอยังมิทราบเรื่องนี้เพราะตอนที่นางโดนหลี่อวิ๋นโจมตี นางยังคิดว่าเมื่อก่อนหลี่อวิ๋นเป็นเพียงขุนนางชั้นผู้น้อยที่มิได้โดดเด่นอันใด เหตุใดจึงมีกำลังภายในที่สูงส่งถึงเพียงนี้ได้ ตอนนี้เมื่อคิดให้ดีแล้วกำลังภายในเยี่ยงนั้น เขาคงมิได้ฝึกด้วยตนเองแน่นอน
คิ้วของนางขมวดขึ้นเล็กน้อย มิรู้ว่าสายลับแคว้นชิงเยว่ลับลอบเข้ามาในเมืองจิงด้วยจุดประสงค์อันใด แล้วเหตุใดจึงไปติดต่อกับคนของตระกูลหลี่