พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 371 ตอบตกลง
ตอนที่ 371 ตอบตกลง
“นี่ย่อมเป็นเรื่องดี เพียงแต่…” แววตาของฮูหยินผู้เฒ่ามองไปรอบ ๆ คล้ายกำลังลังเลบางอย่าง
ต่อให้บอกว่าเรื่องภายในจวนเป็นสิทธิ์ขาดของนาง แต่ก็รับประกันมิได้ว่าในภายภาคหน้าหลี่ซื่อจักมิก่อเรื่องอันใดอีก หากจัดการมิดีก็อาจทำให้จวนโหวต้องอับอายขายหน้า
“ฮูหยินผู้เฒ่า ตอนนี้คุณหนูสามถูกกักบริเวณอยู่ที่จวนตระกูลหลี่ หากแต่งเข้าจวนอ๋องอี้จักมิดีกว่าหรือ นางจักได้ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระด้วย”
อี้หวางเฟยโน้มน้าวใจคนเก่ง ทั้งยังรักบุตรชายยิ่งกว่าอันใด นางย่อมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้งานแต่งครั้งนี้สำเร็จลุล่วงอยู่แล้ว
“ดี ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าไตร่ตรองอยู่ชั่วอึดใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจเด็ดขาด
ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องที่อันหลิงอีถูกกักบริเวณแล้ว ดังนั้นการแต่งงานเข้าจวนอ๋องอี้จึงถือเป็นทางออกดีที่สุดสำหรับนาง
“นี่ถือเป็นเรื่องดีของเราทั้งสองครอบครัวเสียจริง เช่นนั้นข้าขอกลับไปเตรียมการเลยแล้วกัน” อี้หวางเฟยได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าตอบตกลงก็ดีใจจนเก็บอาการมิอยู่
หลังจากอี้หวางเฟยกลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงนั่งลงอีกครั้งและสีหน้าก็ดูผ่อนคลายมิน้อย เดิมทีเรื่องของอันหลิงอีก็ถือเป็นหนามทิ่มแทงจวนโหว บัดนี้จึงได้คลายกังวลแล้ว
ส่วนทางฝั่งหลี่ซื่อก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน
เดิมทีแล้วหลายวันมานี้หลี่ซื่ออ้างว่ามิค่อยสบายเพื่อเลี่ยงการร่วมโต๊ะกับพวกเขา ทว่ามื้อค่ำวันนี้นางออกมาร่วมรับประทานอาหารด้วย
“ท่านพี่เจ้าคะ” น้ำเสียงที่เคยออดอ้อนอยู่เป็นนิจ วันนี้แฝงไว้ด้วยความร้อนรน
อันหลิงเกอนั่งทานข้าวอย่างสบายใจราวกับมิมีอันใดเกิดขึ้น ทั้งยังหันไปตักอาหารที่ท่านย่าชอบให้เป็นระยะโดยมิสนใจหลี่ซื่อแม้แต่น้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าก็เช่นกัน นางทราบดีว่าหลี่ซื่อมาที่นี่เพราะเหตุใด แต่บัดนี้เรื่องทั้งหมดตกลงกันเรียบร้อยแล้ว อนุภรรยาเยี่ยงหลี่ซื่อมีสิทธิ์อันใดมากล่าวถึงอีก ?
“เหตุใดวันนี้จึงออกมานอกห้องได้ ? ” สีหน้าอันอิงเฉิงก็ดูมิดีเท่าไรนัก เห็นได้ชัดว่าเขามิได้โปรดปรานนางเยี่ยงแต่ก่อนแล้ว
“ท่านพี่ เดิมทีข้ารู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่วันนี้บังเอิญได้ยินพวกสาวใช้นินทากันในเรือนแล้วรู้สึกมิสบายใจจึงบังอาจมาถามท่านพี่เจ้าค่ะ” ต้องบอกว่าการแสดงของหลี่ซื่อยังคงยอดเยี่ยมมิเปลี่ยนแปลง
หากมิใช่เพราะตรงนี้มีคนอยู่กันมาก อันหลิงเกอคงปรบมือเพื่อเป็นการชมเชยให้ไปแล้ว
แต่อันอิงเฉิงเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ โดยมิแสดงความรู้สึกใดออกมา “อย่างนั้นหรือ ? ”
“ได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าตอบตกลงเรื่องการสมรสระหว่างอีเอ๋อกับซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องอี้ มิทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เจ้าคะ ? ” หลี่ซื่อที่เคยชินกับการวางอำนาจในจวนมานานหลายปี ตอนนี้น้ำเสียงที่ใช้กับฮูหยินผู้เฒ่าทำให้อันอิงเฉิงอดขมวดคิ้วมิได้
“ท่านแม่คือคนที่เจ้าจักตั้งคำถามได้หรือ ! ” อันอิงเฉิงตบโต๊ะเสียงดังลั่น คนอื่นจึงพลอยวางตะเกียบลง
หลี่ซื่อจึงรีบลงไปคุกเข่าที่พื้นทันทีพร้อมทำท่าทางตัวสั่นและมิกล้ากล่าวอันใดอีก
“ช่างเถิด ให้นางพูดจนจบ” ฮูหยินผู้เฒ่าข่มอารมณ์แล้วมองหลี่อี๋เหนียงที่คุกเข่าอยู่ “ลุกขึ้นมาแล้วพูดต่อ ! ”
นางกล่าวยังมิทันจบ หลี่ซื่อก็เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
อันหลิงเกอที่นั่งอยู่ด้านข้างตั้งแต่ต้น คล้ายกำลังนั่งดูการแสดงฉากใหญ่ ในเมื่อมีคนคอยข่มหลี่อี๋เหนียงอยู่แล้วงานนี้คงมิต้องถึงมือนาง แค่นั่งดูเรื่องสนุกอย่างเงียบ ๆ ก็พอแล้ว
“ตอนนี้อีเอ๋อกำลังอยู่ในช่วงโศกเศร้า แต่เหตุใดถึง เหตุใดถึงให้นางแต่งงานในเวลาเช่นนี้เจ้าคะ ? ” หลี่อี๋เหนียงน้ำตาหลั่งริน น้ำเสียงฟังแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
“หลี่อี๋เหนียง วันนี้อี้หวางเฟยก็มิได้เร่งรัดเรื่องแต่งงาน แค่ตกลงกันไว้ก่อนเท่านั้น รอจนน้องหญิงสามจิตใจสงบแล้วค่อยจัดงานสมรสก็ได้” อันหลิงเกอเอ่ยออกมาได้จังหวะพอดีเพื่อเป็นการขัดคำพูดของหลี่อี๋เหนียงไว้
“เจ้า ! ” หลี่ซื่อที่กำลังแสดงฤทธิ์เดชเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องอยู่ก็ระงับอารมณ์พร้อมแสดงท่าทางน่าสงสารอีกครา
“ข้าหมายความว่าอีเอ๋อเพิ่งพยายามฆ่าตัวตาย ตอนนี้นางกำลังอ่อนแอมาก ซื่อจื่อที่อยู่ในจวนอ๋องอี้หาใช่คนดี ข้ากลัวว่าอีเอ๋อจักคิดสั้นขึ้นมาเจ้าค่ะ…”
กล่าวจบหลี่ซื่อก็หันไปส่งสายตาให้อันอิงเฉิงด้วยท่าทางออดอ้อน
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองบอกมาสิว่านางต้องได้พบผู้ใดจึงนับว่าเป็นคนดีและต้องได้เจอผู้ใดนางจึงมิคิดฆ่าตัวตายอีก ? ” ฮูหยินผู้เฒ่าที่ปกติมิค่อยพูด เมื่อพูดออกมาก็ทำให้หลี่ซื่อพูดมิออกเลยทีเดียว
“ท่านพี่เจ้าคะ ! ” หลี่ซื่อเห็นว่าจักกล่าวอย่างไรก็ไร้ประโยชน์จึงคุกเข่าลงเพื่อออดอ้อนอันอิงเฉิงแทน
ในอดีตแล้วการออดอ้อนเช่นนี้ถือเป็นอาวุธแข็งแกร่งที่สุดของนาง แต่วันนี้มิว่านางกล่าวอันใดก็ไร้ประโยชน์
อันอิงเฉิงลุกขึ้นยืนทันทีแล้วมองนางที่หมอบอยู่ตรงเก้าอี้ครู่หนึ่ง “ข้าทานมิลงแล้ว ทุกคนทานต่อก็แล้วกัน ! ”
เมื่อเห็นอันอิงเฉิงเดินจากไป หลี่ซื่อก็ทรุดลงทันที
มิได้ ! นางจักปล่อยให้อีเอ๋อแต่งงานกับเจ้าโง่นั่นมิได้!
“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ ! ” หลี่ซื่อมิได้สนใจเรื่องการวางตัวใด ๆ อีกแล้ว นางคลานเข่าเข้าหาฮูหยินผู้เฒ่า
“เจ้ามิต้องมาหาข้า เพราะเรื่องนี้ข้าตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ข้าคิดว่าแต่งเข้าจวนอ๋องอี้อย่างไรก็ดีกว่าปล่อยให้นางฆ่าตัวตายในจวนอีก เจ้ามีปัญหาอันใดหรือ ? ” ท่าทางหนักแน่นของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้หลี่ซื่อทรุดลงกับพื้นทันที
“เกอเอ๋อ ประคองข้ากลับเรือน ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองอันหลิงเกอพร้อมยื่นมือออกไปและมิมีความคิดที่จักอยู่ต่อ
เพียงพริบตาภายในห้องก็เหลือหลี่ซื่อคนเดียว สาวใช้ก็มิกล้าเดินเข้ามาโดยพลการ
“เมื่อครู่เจ้ายังทานมิอิ่มใช่หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอเดินมาส่งท่านย่าถึงในเรือน เมื่อนั่งลงได้ครู่เดียวก็เห็นสาวใช้ยกของว่างเข้ามา แต่ละอย่างล้วนงดงามน่าทานและเป็นของที่อันหลิงเกอชอบทั้งสิ้น
“ขอบคุณท่านย่าเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอดูออกว่าท่านย่ารักนางจริง ๆ และครั้งนี้อันหลิงอีคงถึงจุดจบแล้ว
มินานจวนอ๋องอี้ก็มาเจรจาสู่ขอ อีกทั้งสินสอดในครั้งนี้ยังแตกต่างจากในครั้งก่อนอย่างมาก
หลี่ซื่อที่ต้องรับความจริงเรื่องนี้อย่างจำใจ เมื่อเห็นสินสอดแล้วสีหน้าของนางก็ยิ่งหมองคล้ำไปอีกหลายเท่า
“ท่านพี่ จวนอ๋องอี้ทำเช่นนี้เหมือนมิเห็นเราอยู่ในสายตาเลยเจ้าค่ะ ! ท่านต้องช่วยอีเอ๋อ จักตอบตกลงเรื่องการแต่งงานมิได้นะเจ้าคะ ! ”
หลี่ซื่อใช้โอกาสนี้กล่าวเรื่องแต่งงานขึ้นมาอีกครั้ง หากทำให้งานโดนยกเลิกได้เลยยิ่งดี
“เพราะลูกสาวคนดีของเจ้าเอง ! หากนางมิทำให้จวนโหวต้องอับอาย เรื่องจักเป็นเช่นนี้หรือ ! ”
อันอิงเฉิงก็โมโหอย่างมาก หากก่อนหน้านี้แต่งเข้าจวนอ๋องอี้อย่างออกหน้าออกตาก็คงมิอับอายถึงเพียงนี้
ภายในเมืองหลวง เรื่องดี ๆ มักมิแพร่ออกไป แต่เรื่องเลวร้ายมักกระจายไกลพันลี้
แม้ผู้คนมิได้รู้เรื่องทั้งหมดว่าเกิดอันใดขึ้นกับอันหลิงอี แต่อาศัยแค่คำนินทาและข่าวลือก็สามารถทำให้พวกนางสองแม่ลูกจบสิ้นได้แล้ว
“ในเมื่อเรื่องมาถึงเช่นนี้แล้ว เจ้าก็รีบไปรับนางกลับจวนโหว ! ” อันอิงเฉิงมิได้สนใจอีก หลังจากรับของขวัญแสนบางเบานั่นแล้วก็ถือเป็นการตอบตกลงเรื่องสมรสเรียบร้อย
เดิมทีอันหลิงอีคิดว่าท่านพ่อให้มารดามารับกลับจวนเพราะมิสนใจเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่นึกมิถึงว่าพอกลับจวนจักได้ยินข่าวที่ทำให้นางต้องตกตะลึง
“เฮ้อ คราวนี้คุณหนูสามของพวกเราต้องแต่งกับเจ้าโง่จวนอ๋องอี้แล้วจริง ๆ ”
“อย่าพูดเหลวไหล นั่นเป็นถึงคุณชายรองแห่งจวนอ๋องอี้เชียวนะ ! ”
อันหลิงอีรู้สึกราวกับฟ้าจักถล่มลงมาและสองขาก็พาลหมดแรงไปเสียดื้อ ๆ