พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 373 ได้ข้อสรุป
ตอนที่ 373 ได้ข้อสรุป
“เกอเอ๋อ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเช่นนั้นก็มิรอให้สาวใช้มาประคองก็ลุกจากเก้าอี้แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอันหลิงเกอเพื่อดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง
แต่อันหลิงอีที่หมดสติอยู่บนพื้นหาได้มีผู้ใดสนใจไม่ เมื่อพาอันหลิงเกอกลับมานั่งที่เก้าอี้ได้อีกครั้งแล้ว อันอิงเฉิงจึงกวาดตามองไปทางอันหลิงอีและหลี่ซื่อที่อยู่บนพื้นอย่างโมโห
เมื่อเห็นท่าทีที่หลี่ซื่อกอดอันหลิงอีแล้วร้องไห้ราวกับขาดใจตาย อันอิงเฉิงก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ! ที่นางชนคือเกอเอ๋อ เป็นเลือดเนื้อของคนจริง ๆ มิใช่เสา เจ้าคิดว่าจักแสดงละครต่อไปได้อีกหรือ ! ”
คำที่กล่าวออกมาของอันอิงเฉิงทำให้หลี่ซื่อถึงขั้นตกตะลึง ที่ผ่านมาเขามิเคยทำ ท่าทางเย็นชาทั้งยังแฝงไว้ด้วยถ้อยคำเสียดสีเช่นนี้กับสองแม่ลูกมาก่อน
“ท่านพี่ เชิญหมอมาดูอีเอ๋อหน่อยเถิดเจ้าค่ะ…” หลี่ซื่ออดเป็นห่วงมิได้ แต่นางก็รู้สถานการณ์ตอนนี้ดีว่ามิมีผู้ใดเข้าข้างเลย
“มิต้อง ! แบกคุณหนูสามกลับห้องทั้งอย่างนี้ มิตื่นขึ้นมาก็ดี อีกสองวันจักได้จัดงานแต่งไปเลย ! ”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเช่นนั้นของอันอิงเฉิง หลี่ซื่อก็อดตัวสั่นขึ้นมามิได้ กระนั้นอันหลิงอีก็ยังหลับตาโดยมิมีทีท่าว่าจักฟื้นขึ้นมาแต่อย่างใด
ฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ด้านข้างคอยประคองอันหลิงเกอเอาไว้ เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของหลานสาวคนโต ภายในใจก็รู้สึกเจ็บไปด้วย
“ท่านย่า เกอเอ๋อมิเป็นอันใดเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอก็รู้สึกละอายใจ ที่จริงแล้วเมื่อครู่อันหลิงอียังมิทันได้ชนนางเข้าจริง ๆ แต่เพราะใช้นิ้วกดลงไปจึงทำให้อันหลิงอีหมดสติเสียก่อนแล้วจักมีแรงที่ไหนพุ่งชนนางได้ ?
“เด็กคนนี้ชอบทำตัวเข้มแข็งอยู่เรื่อย” แต่ท่านย่ายิ่งสงสารนางมากขึ้นไปอีก
“เอาล่ะ เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว หากเจ้ามิยอม จักพยายามฆ่าตัวตายเหมือนลูกก็ได้ ข้าจักหาทางอธิบายกับตระกูลหลี่เอง ! ” ท่าทางเย็นชาที่อันอิงเฉิงแสดงออกมาทำให้หลี่ซื่อยอมแพ้
“ท่านพี่ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
สีหน้าของหลี่ซื่อสลดลงอย่างมาก แต่ในสายตาของอันหลิงเกอก็ถือว่าสมควรแล้ว
พวกนางสองแม่ลูกทำเรื่องชั่วช้ามามาก แค่แต่งงานเข้าจวนอ๋องอี้ก็ทำให้สลดได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
ชาติก่อนตอนที่พวกนางสังหารตนและท่านแม่ เคยคิดหรือไม่ว่าสักวันจักมีจุดจบเช่นนี้ ?
“ท่านพ่อ ถ้าเช่นนั้นเกอเอ๋อขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
เมื่อทานข้าวได้เล็กน้อย อันหลิงเกอก็คิดว่าอันหลิงอีน่าจักฟื้นแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรไปหาน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย !
หากอีกฝ่ายแต่งเข้าจวนอ๋องอี้ก็เกรงว่าคงไร้โอกาสได้เห็นกันเช่นนี้อีก !
อันหลิงอีที่เพิ่งลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพียงห้องมืดสนิท มีเพียงนางคนเดียว มิมีแม้กระทั่งสาวใช้มาคอยดูแล
“เด็กเด็ก ! ”
หลี่ซื่อก็โดนกีดกันไว้ด้านนอกเพราะครั้งนี้อันหลิงอีถูกกักบริเวณอย่างแท้จริง
“แม่นม ข้ามาเยี่ยมน้องหญิงสาม มิทราบว่าอาการบาดเจ็บของนางหนักหรือไม่” อันหลิงเกอเดินมาถึงก็หยิบเงินให้แม่นม 2 ตำลึง
หลังกลับมาเกิดใหม่ ความสัมพันธ์ของนางและคนใช้ภายในจวนก็เริ่มดีขึ้น กอปรกับตอนนี้นางก็เป็นบุตรีคนโปรด พวกคนใช้จึงอยากเข้ามาประจบประแจงนางด้วยซ้ำไป
“คุณหนูใหญ่ต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้นางทำท่านบาดเจ็บอีกนะเจ้าคะ”
อันหลิงอีที่ได้ยินเสียงด้านนอกเรือน เดิมทีคิดว่าท่านแม่มาดูอาการ แต่มิคิดว่าทันทีที่ประตูเปิดออกแล้วคนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูจักเป็นอันหลิงเกอ !
“เจ้ามาทำอันใด ? ” เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อันหลิงอีจำมิค่อยได้ นางจึงคิดว่าพุ่งชนเสาจนหมดสติจริง ๆ
“ก็มาเยี่ยมน้องหญิงสามอย่างไรเล่า” อันหลิงเกอหัวเราะออกมาก่อนนั่งลง “วันนั้นเจ้าเล่าเรื่องที่ท่านแม่ตายให้ข้าฟัง วันนี้ข้าก็มีเรื่องมาเล่าให้เจ้าฟังเช่นกัน”
อันหลิงเกอปัดฝุ่นบนกระโปรงพลางกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ
“มีอยู่วันหนึ่งข้าฝันว่ามีเซียนมาชี้แนะหลายเรื่องและชัดเจนที่สุดคือเรื่องของเจ้ากับหลี่อี๋เหนียง” อันหลิงเกอกล่าวพร้อมลุกขึ้นและค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้
มิรู้ว่าเพราะเหตุใดอันหลิงอีจึงรู้สึกว่าอันหลิงเกอในยามนี้มีพลังบางอย่างที่ดูน่ากลัวอย่างมากจนอดขยับถอยห่างมิได้ สุดท้ายก็โดนต้อนจนชนเข้ากับกำแพง
“เจ้า เจ้าฝันถึงข้ากับท่านแม่ด้วยเหตุใด ! ” อันหลิงอีแสดงความกล้าออกมาทางน้ำเสียง
“ข้าฝันถึงพวกเจ้า…” อันหลิงเกอมิได้กล่าวต่อ ความทรงจำในชาติก่อนเริ่มจางไปทุกเรื่องราว ทุกช่วงเวลาล้วนโดนเรื่องที่เกิดขึ้นในชาตินี้ทับถมไปจนหมด
“อันหลิงเกอ เจ้าคิดว่าหากข้าแต่งเข้าจวนอ๋องอี้แล้วถือว่าแพ้ต่อเจ้าอย่างนั้นหรือ ! ฝันไปเถิด เจ้าต้องได้เห็นดีแน่ ! ”
อันหลิงอีหัวเราะออกมาเสียงดังราวกับคนเสียสติ
นางมิเชื่อหรอก ตอนนี้อันหลิงเกอยังมิได้แต่งงาน ขอเพียงท่านแม่ยังอยู่ในจวนโหว แค้นนี้มิช้าก็เร็วนางต้องได้ชำระคืน !
“ดี ข้าจักรอวันนั้น”
อันหลิงเกอเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าบรรลุตามเป้าหมายแล้ว ตอนนี้อันหลิงอีใกล้เสียสติเต็มทน
หลังอันหลิงเกอจากไป ห้องก็ถูกปิดจากด้านนอกและกลับสู่ความมืดอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและเสียงคำรามของอันหลิงอี
นางมิใช่คุณหนูสามแห่งจวนโหวที่มีเสน่ห์ในสายตาของคนภายนอกอีกแล้ว สำหรับนางในตอนนี้เหมือนหญิงบ้าคนหนึ่งเท่านั้น
“ท่านย่า” เมื่อกลับถึงเรือนฉีอู๋ อันหลิงเกอก็พบว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังรอนางอยู่แล้ว
“การแต่งงานของน้องหญิงสามของเจ้าได้กำหนดว่าจัดขึ้นกลางเดือนนี้”
เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
ดูท่าทางแล้วท่านพ่อก็คงโดนตระกูลหลี่บีบบังคับมามิน้อยจึงตั้งใจกำจัดปัญหานี้โดยเร็ว
“หลายปีมานี้ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากมากเหลือเกิน” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายในออกมา จากนั้นก็เอ่ยต่อ “ความลำบากของอิงเฉิง ข้าจักมิเข้าใจได้อย่างไร ? ในเมื่อตอนนี้ข้ากลับมาแล้วก็มิปล่อยให้หลี่ซื่อทำเรื่องเลวร้ายได้อีก ย่าจักคอยปกป้องเจ้าเอง ! ”
ประโยคสุดท้ายทำให้อันหลิงเกอห้ามน้ำตาไว้มิอยู่ ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล่าวเช่นนี้กับนาง
ในที่สุดนางก็มีครอบครัว มีคนคอยปกป้องแล้ว
“เกอเอ๋อขอขอบคุณท่านย่าเจ้าค่ะ ! ” อันหลิงเกอมิได้คิดอันใดทั้งนั้น นางรีบคุกเข่าลงที่ด้านหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า
อันหลิงเกอแอบคิดในใจ ชาตินี้มิว่าอย่างไรนางต้องปกป้องทุกคนที่อยู่ข้างกายไว้ให้ได้ นางมิต้องการให้ใครมาปกป้อง ทว่านางจักเป็นหลักยึดเหนี่ยวให้ทุกคนเอง !
“เจ้าเข้าใจความลำบากของข้าก็ดีแล้ว รีบลุกขึ้นมาเถิดเด็กดี” ฮูหยินผู้เฒ่าก็อดน้ำตาซึมมิได้
“ท่านย่าได้โปรดวางใจ ต่อไปเกอเอ๋อจักช่วยท่านพ่อและมิปล่อยให้ตระกูลหลี่บีบบังคับจวนโหวได้อีกเจ้าค่ะ ! ”
เรื่องในครั้งนี้พวกนางต่างรู้ดีว่าเป็นแค่การเตือนจากตระกูลหลี่เท่านั้น หากภายภาคหน้าหลี่กุ้ยเฟยยังอยู่ จวนโหวก็มิมีวันสงบสุขได้อีก
“เด็กดี เด็กดี” ฮูหยินผู้เฒ่าประคองนางขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางของอันหลิงเกอแล้วก็ยื่นมือไปลูบศีรษะอย่างรักใคร่
ค่ำคืนนั้นอันหลิงเกอนอนอยู่บนเตียง ภายในใจก็นึกแต่เรื่องความแค้นของนางและท่านแม่
ตอนนี้ท่านพ่อได้เอ่ยถึงสถานการณ์ของตระกูลอันอย่างชัดเจน หากตระกูลหลี่ยังคิดบีบคั้นต่อไปเรื่องจักมิจบลงแค่ที่อันหลิงอีเป็นแน่
แม้ตอนนี้อันหลิงอีต้องแต่งเข้าจวนอ๋องอี้ ทว่าตระกูลหลี่ต้องสร้างเรื่องใหญ่โตขึ้นอีกแน่นอน หลี่อี๋เหนียงยังอยู่ภายในจวนแล้วรวมหัวกันทั้งภายในและภายนอก เกรงว่าคงหาวิธีกำจัดตนอีกแน่
นับแต่นี้ไปนางต้องคิดหาวิธีโค่นล้มตระกูลหลี่ให้ได้แล้วให้ทุกคนที่ทำร้ายนางกับท่านแม่ได้รับผลกรรมในสิ่งที่ก่อเอาไว้ !