พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 383 ส่งมาได้ถูกใจ
ตอนที่ 383 ส่งมาได้ถูกใจ
“ท่านอ๋องบอกว่าคุณหนูใหญ่ต้องชอบแน่นอนขอรับ”
เสี่ยวซีที่มาส่งสินสอดก็เอ่ยด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“เกอเอ๋อ ท่านอ๋องมีความพยายามมิน้อยเลย ความจริงใจที่มีต่อเจ้านั้นฟ้าดินยังรับรู้ได้” อันอิงเฉิงลูบที่เคราของตนแล้วเอ่ยชื่นชมออกมา
อันหลิงเกอยกมุมปากขึ้นและภายในใจก็รู้สึกพึงพอใจบุรุษผู้นี้มิน้อย อีกอย่างเขาคือคนที่เกิดมาเป็นคู่ของนางมิว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้ เรียนท่านอ๋องของพวกเจ้าด้วยว่าส่งมาได้ถูกใจข้ายิ่งนัก”
พรวด !
คนที่อยู่ตรงนั้นรวมถึงอันอิงเฉิงต่างก็จนใจ คุณหนูใหญ่อันเหตุใดจึงพูด…ตรงมากเช่นนี้เล่า ?
“ขอรับ” แววตาของเสี่ยวซีเต็มไปด้วยความยินดีและเป็นความยินดีแทนท่านอ๋องของตนนั่นเอง
เมื่อเสี่ยวซีจากไปแล้ว อันหลิงเกอจึงเดินเข้าไปพลางคุกเข่าลง
นางมองโฉนดที่ดินเต็มหีบก็อดตกใจมิได้ ใครต่างก็กล่าวกันว่าจวนอ๋องอี้ร่ำรวยล้นฟ้า แต่นางเห็นว่าจวนอ๋องมู่ก็มิน้อยหน้าเลย
“เป็นอย่างไรบ้าง ? ” มู่จวินฮานยืนดูดอกไม้ที่ริมหน้าต่างราวกับทราบผลลัพธ์อยู่แล้ว
“เป็นจริงดั่งที่ท่านอ๋องคิดไว้ขอรับ คุณหนูใหญ่อันชอบมากจริง ๆ ” เสี่ยวซีบรรยายเกินจริงไปบ้างเพราะความจริงอันหลิงเกอมิได้แสดงความยินดีออกมาทางใบหน้าเลย
“อืม…” มู่จวินฮานลากเสียงยาว เห็นได้ชัดว่าเขาก็อารมณ์ดีมิแพ้กัน
“ท่านอ๋อง ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ”
เสี่ยวซีได้ยินมาจากจวนโหวอันจึงรีบรายงาน
“พูดมา”
มู่จวินฮานได้ยินน้ำเสียงเสี่ยวซีที่เปลี่ยนไปจึงมีท่าทีเคร่งขรึมขึ้น ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอันหลิงเกอเขาล้วนใส่ใจทั้งนั้น
“บ่าวได้ยินว่าคุณหนูใหญ่อันไปขอร้องจวนอ๋องอี้ พรุ่งนี้คนของจวนอ๋องอี้จักมารับฮูหยินใหญ่ซื่อจื่อกลับไปขอรับ”
หืม ?
สีหน้าของมู่จวินฮานเข้มขึ้นทันที มิคิดว่าผู้หญิงของตนจักให้อภัยคนเยี่ยงนั้นได้อย่างง่ายดาย อีกอย่างอันหลิงอีก็มิสมควรได้รับการให้อภัยด้วย
เช่นนั้นสาวน้อยคิดทำอันใดกันแน่ ?
“แจ้งข่าวไปยังจวนโหวอันว่าพรุ่งนี้ข้าจักไปเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง”
“ท่านอ๋อง จักดูมิค่อยเหมาะสมขอรับ” เสี่ยวซีเอ่ยเตือนขึ้นมา
“*เปิ่นหวางจักไปปรึกษาเรื่องงานสมรสกับท่านโหวอัน มีอันใดมิเหมาะสมหรือ ? ” มู่จวินฮานยิ้มออกมาเพราะเรื่องที่เขาจักทำย่อมไม่เคยมีคำว่า ‘มิเหมาะสม’
วันต่อมา เมื่ออันหลิงอีได้ยินว่าจวนอ๋องอี้มารับตัวก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก
นางคิดว่าการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้ผล
“ท่านแม่ พวกเราออกไปได้แล้วเจ้าค่ะ ! ” ท่าทางดีใจของอันหลิงอีในสายตาของหลี่ซื่อดูโง่เง่าสิ้นดี
มิใช่พวกนาง แต่เป็นอีเอ๋อคนเดียวเท่านั้น
“อีเอ๋อ เจ้าฟังแม่ให้ดี เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีและต่อไปถ้ามีโอกาสค่อยกลับมาช่วยแม่ มิต้องรีบร้อน จำไว้ให้ดีว่ามิต้องรีบร้อน ! ”
หลี่ซื่อกลัวว่าอันหลิงอีมิสามารถข่มอารมณ์เอาไว้ได้จึงเอ่ยเตือนอยู่หลายครั้ง
“ท่านแม่ ท่านหมายความว่าอย่างไร ลูกเป็นฮูหยินใหญ่ของซื่อจื่อและเมื่อกลับไปแล้วพวกเขาต้องปล่อยท่านสิเจ้าคะ ! ” อันหลิงอีรู้สึกร้อนรนขึ้นมา แต่สาวใช้เริ่มเร่งนางมากขึ้น
“คุณหนูสาม ท่านรีบไปเถิดเจ้าค่ะ คนของจวนอ๋องอี้มารอนานแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้ก็รู้จักแยกแยะสถานการณ์เช่นกัน ผู้ใดมิรู้ว่าตอนนี้คุณหนูสามทั้งบ้านเดิมและบ้านสามีก็ไม่ต้อนรับ นางกลายเป็นคนไร้ที่พึ่งอย่างแท้จริง
“ข้ารู้แล้ว เจ้าจักเร่งอันใดนักหนา ! ” อันหลิงอียังมีท่าทีโอหังเช่นเดิม
“อีเอ๋อ ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก” หลี่ซื่อยังกล่าวเกลี้ยกล่อมมิหยุด ตอนนี้นางมิได้มีท่าทางวางอำนาจเช่นเดิมเพราะตอนนี้นางยังสู้สาวใช้คนหนึ่งมิได้ด้วยซ้ำ
“ท่านแม่วางใจเถิด พวกที่ชอบดูถูกผู้อื่นเหล่านี้ สักวันลูกช่วยท่านออกมาแล้วย่อมจัดการพวกมันเจ้าค่ะ ! ”
กล่าวจบอันหลิงอีก็เดินตามสาวใช้ออกไป
แต่นางนึกมิถึงว่าความอัปยศใหญ่หลวงกำลังรอนางอยู่ ภายในห้องโถงอันหลิงเกอและมู่จวินฮานนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันคล้ายกำลังรอนางอยู่
“อีเอ๋อ”
อันอิงเฉิงเอ่ยด้วยหน้าตาจริงจัง
“ท่านพ่อ พี่หญิงใหญ่ ท่านอ๋อง”
อันหลิงอีก้มหน้าลงอย่างมิเต็มใจ ส่วนอันหลิงเกอเพียงยิ้มออกมาแต่มิได้พูดกลั่นแกล้งอันใดนางอีก
“ที่ครั้งนี้เจ้าได้กลับไปจวนอ๋องอี้เร็วกว่ากำหนดก็เพราะพี่สาวของเจ้าและหน้าตาของท่านอ๋อง เจ้ายังมิรีบขอบคุณอีก ! ”
คำพูดนี้ทำให้อันหลิงอีแทบอยากเป็นลมเสียให้ได้ นี่มันหมายความว่าอย่างไร !
“ขอบคุณพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ” อันหลิงอีแทบกัดฟันกล่าวออกมา
“เรื่องเล็กน้อย” อันหลิงเกอยิ้มให้ อันหลิงอีจึงรีบหันไปขอบคุณมู่จวินฮาน
“อีเอ๋อขอบคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงที่นางกล่าวออกมาช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดูท่าแล้วอันหลิงอีคงยังมิได้สติว่ามู่จวินฮานคือคนของอันหลิงเกอ !
“มิเป็นไร เปิ่นหวางมิได้ทำสิ่งใดเพื่อเจ้า”
มู่จวินฮานเข้าใจอันหลิงเกอและท่าทางที่เย็นชาของเขาก็ทำให้นางอดยิ้มออกมามิได้ แต่อันหลิงอีกลับยิ้มมิออกแม้แต่น้อย
“เจ้าค่ะ อย่างไรอีเอ๋อก็ขอขอบคุณ…”
“เชิญฮูหยินซื่อจื่อกลับจวนขอรับ” คนของจวนอ๋องอี้เข้ามาพอดีและบ่าวรับใช้มิได้เคารพนางอย่างที่คิดเอาไว้แต่มีท่าทีเย็นชาฉายออกมา
อันหลิงอีเห็นดังนั้นในใจก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาทันที ตนจากไปวันนี้ก็เกรงว่ามิมีที่ยืนอีกแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเตรียมวางอำนาจใส่บ่าวของจวนอ๋องอี้ทันที
“เจ้าเอ่ยเช่นนี้กับฮูหยินซื่อจื่อได้หรือ ! ” อันหลิงอีกล่าวจบก็นั่งลงข้างอันหลิงเกอเพราะคิดอาศัยอำนาจของจวนโหวมาช่วยนางไว้
อันอิงเฉิงเห็นเช่นนั้นก็อดรู้สึกขำขันมิได้ บุตรีมาถึงขั้นนี้แล้วมิเพียงมิสำนึกผิดกลับทำท่าทีหยิ่งผยองกว่าเดิมเสียอีก
“ในเมื่อน้องหญิงต้องการสั่งสอนคนรับใช้ที่นี่ พวกเราก็มิควรอยู่ดู ท่านพ่อ ท่านอ๋อง พวกเราไปเดินเล่นในสวนดีกว่าเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม แต่ที่อันหลิงอีนึกมิถึงก็คือบิดาก็มิคิดช่วยนางเช่นกัน
เดิมทีนางคิดว่าอยู่ภายในจวน อย่างน้อยพวกเขาก็คงไว้หน้าบ้าง แต่นึกมิถึงว่าพวกเขาจักเดินไปโดยมิสนใจนางเช่นนี้
“ท่านพ่อได้โปรดหยุดก่อนเจ้าค่ะ ! ” อันหลิงอีมิมีทางปล่อยโอกาสแสดงอำนาจไปง่าย ๆ
“ท่านพ่อ อีเอ๋อต้องไปจวนอ๋องอี้แล้ว ท่านมิมีอันใดกล่าวกับลูกเลยหรือเจ้าคะ ? ” อันหลิงอีวางแผนไว้อย่างดี คิดว่าอย่างน้อยอันอิงเฉิงคงพูดแสดงความเป็นห่วงมิมากก็น้อย
ทว่า…
“ทำตัวดี ๆ ก็แล้วกัน ! ”
อันอิงเฉิงกล่าวจบก็จากไปพร้อมอันหลิงเกอทันที
มู่จวินฮานเดินนำอยู่ด้านหน้า ที่วันนี้เขามามิได้ต้องการดูเรื่องสนุก เขาเพียงอยากมาเป็นที่พึ่งให้อันหลิงเกอเท่านั้น
“ฮูหยินซื่อจื่อเชิญขอรับ ! ” บ่าวของจวนอ๋องอี้รู้สึกเป็นเรื่องน่าขันเสียยิ่งกระไรจึงมิใส่ใจอันหลิงอี
เมื่อเห็นอันหลิงอีแสดงละครอยู่ด้านข้าง เขาจึงทำเพียงกลอกตาไปมาเท่านั้น
“รู้แล้ว ! ”
อันหลิงอีเดินออกไปอย่างกระแทกกระทั้น สถานการณ์ในตอนนี้มิอยู่ในความควบคุมของนางแม้แต่น้อย ยิ่งมิต้องกล่าวถึงเรื่องช่วยท่านแม่เพราะตอนนี้เป็นไปได้ยากนัก
“มิทราบว่าที่วันนี้ท่านอ๋องมาเยือนมีเรื่องอันใดเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอมาส่งมู่จวินฮานที่หน้าประตู นางมองออกว่าที่มู่จวินฮานมาวันนี้มิใช่เพื่อต้องการคุยรายละเอียดในงานสมรสเพราะย่อมมีคนคอยดูแลทุกอย่างโดยที่พวกเขามิต้องกังวลเลย
“ข้าคิดถึงเจ้า”
คำตอบของเขาทำให้อันหลิงเกออดกระแอมออกมาเบา ๆ มิได้เพราะบริเวณนั้นมีบ่าวรับใช้มากมาย แต่เขายัง…
…
*เปิ่นหวาง คือ คำที่อ๋องใช้เรียกแทนตนเอง