พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 388 จัดการ
ตอนที่ 388 จัดการ
“จวินฮาน ข้าต้องการเวลาสักหน่อย ทว่าจำนวนคนที่มีอยู่ตอนนี้มิเพียงพอสำหรับให้ความช่วยเหลือเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอเอ่ยแล้วขมวดคิ้วมุ่น สถานการณ์ในตอนนี้นางต้องรีบทำยาแก้พิษโดยเร็วที่สุด
พิษหนอนกู่มิได้ซับซ้อนอันใด เพียงแต่มันแพร่กระจายได้รวดเร็ว ดีที่ตอนนี้ทางราชการได้สั่งปิดหมู่บ้านหมดแล้ว
“ได้” มู่จวินฮานเชื่อใจนางอยู่แล้ว ยาที่อันหลิงเกอพกมามีจำกัด แม้มันใช้ได้ผลแต่ก็ต้องรีบทำยาที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาโดยเร็วที่สุด
“พิษหนอนกู่เหล่านี้เกิดใกล้กับแหล่งน้ำ ข้าจักไปตรวจสอบบริเวณริมน้ำสักหน่อยเจ้าค่ะ”
“ข้าจักไปกับเจ้า”
เพราะมู่จวินฮานมิวางใจให้นางไปคนเดียวจึงติดตามไปด้วย
บริเวณริมแม่น้ำดูสงบเงียบกว่าปกติ เกรงว่าพิษนี้ได้ทำร้ายพวกสัตว์ต่าง ๆ ไปมิน้อยเลยทีเดียว สถานการณ์ในตอนนี้ต้องรีบชำระแหล่งน้ำให้สะอาดโดยเร็วที่สุด
นางจึงนำยาที่เหลือโปรยลงในแม่น้ำ
“หลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม พวกพิษหนอนกู่ก็คงสงบลง ครึ่งเดือนต่อจากนี้ขอเพียงรีบทำยาเพื่อมาชำระแหล่งน้ำให้สะอาดเหมือนเดิมก็สามารถหยุดยั้งโรคระบาดได้เช่นกันเจ้าค่ะ”
เมื่อกล่าวจบอันหลิงเกอก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้ปัญหาแหล่งน้ำถูกจัดการแล้ว
ทว่าพวกชาวบ้านที่เดือดร้อน…
นึกถึงตรงนี้ อยู่ ๆ นางก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
คนเหล่านี้เป็นเพียงราษฎรของราชวงศ์ต้าโจว แต่ต้องมารับความลำบากทั้งที่มิได้ทำผิดอันใดเลย
ใช่แล้ว !
อยู่ ๆ อันหลิงเกอก็เหมือนคิดอันใดบางอย่างได้จึงใช้ใบไม้ที่อยู่แถวนั้นตักน้ำขึ้นมา
“ระวัง” มู่จวินฮานรีบห้ามนางเอาไว้เพราะอย่างไรพิษก็ยังอยู่ในน้ำ
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ” นางยิ้มออกมาราวกับคิดอันใดบางอย่างออกแล้ว
ในเมื่อคนพวกนั้นใช้แม่น้ำในการกระจายพิษก็แสดงว่าพิษชนิดนี้สามารถแพร่กระจายได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยทุกคนที่ได้ดื่มน้ำในแม่น้ำจักต้องติดโรคอย่างแน่นอน
เช่นนั้นพิษหนอนกู่ที่สงบลงเพราะยาพวกนี้ก็ต้องแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
“จวินฮาน ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอทราบว่านี่คือการกระทำที่อันตราย แต่พิษที่โจมตีรุนแรงเช่นนี้มักกลืนกินกันเอง ดังนั้นพิษหนอนกู่ที่สงบลงเพราะมีตัวยาเคลือบอยู่ หากดื่มน้ำเข้าไปพิษที่อยู่ในร่างกายของพวกเขาก็จักกลืนกินพิษนี้เข้าไปอีกที หากเป็นเช่นนั้นนางเชื่อว่าพิษหนอนกู่ที่อยู่ภายในร่างกายก็สงบลงเช่นกัน
“ข้าย่อมเชื่อใจเจ้าอยู่แล้ว” มู่จวินฮานลุกขึ้นยืนโดยมิได้ขัดขวางนางอีก
“ดี เช่นนั้นอีกครึ่งชั่วยามก็ให้คนนำน้ำในแม่น้ำไปให้ชาวบ้านดื่มเจ้าค่ะ”
ยามีจำนวนมิมาก แต่สีที่ลอยจาง ๆ อยู่บนผิวน้ำสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
บางทียาในปริมาณเท่านี้อาจมิพอที่จักรักษาพวกชาวบ้านได้ แต่ก็สามารถทำให้พิษเหล่านั้นสงบลงบ้าง พวกเขาจักได้มีเวลามากอีกครึ่งเดือนก็น่าจักทัน
“ได้”
มู่จวินฮานออกคำสั่งให้คนลัดเลาะไปตามทิศทางน้ำ ดีที่กระแสน้ำมิแรงมาก ดังนั้นครึ่งชั่วยามจึงยังมิไหลไปไหนไกล มินานทั้งสามหมู่บ้านที่อยู่ติดกันก็ทำตามวิธีที่อันหลิงเกอบอกไว้
“เรียนท่านอ๋อง วิธีนี้สามารถลดอาการได้จริง เพียงแต่ผู้ที่ติดโรคนี้ต่างหลับใหลไปด้วยเช่นกันขอรับ”
เป็นเช่นนี้เอง
เมื่อได้ฟังรายงานแล้วอันหลิงเกอก็ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ พิษหนอนกู่เป็นอย่างที่นางคิดจริง ๆ พวกมันอาศัยอยู่ในร่างกายแล้วจักรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคนผู้นั้น หากกำจัดพวกมันขณะที่อยู่ในร่างกาย คนผู้นั้นต้องตายอย่างแน่นอน
ตอนนี้พวกมันกำลังหลับใหลอยู่ หากใช้ยาขับพิษออกมาได้ก็มิเป็นอันใดแล้ว
“จวินฮาน ข้ามีวิธีแล้ว ! ” ริมฝั่งทั้งสองด้านเต็มไปด้วยภูเขาสูงย่อมมีสมุนไพรขึ้นอยู่มิน้อย
ยาขับพิษนั้นทำง่ายกว่ายาถอนพิษมาก ขอเพียงมียาสมุนไพรทั่วไปก็สามารถทำได้แล้ว
หลังจากนั้นมินานก็สามารถแก้ไขปัญหาที่ตำบลแรกได้สำเร็จและมีคนตายเพียงมิกี่คนเท่านั้น
“วิธีนี้ขอเพียงแก้ไขไปทีละหมู่บ้านก็สามารถกำจัดภัยในครั้งนี้ได้เช่นกัน ! ”
อันหลิงเกอดีใจมากที่สามารถช่วยชีวิตคนได้มากมายเช่นนี้ นางจึงรู้สึกมีความสุขมิน้อย
“อืม ” มู่จวินฮานที่คอยสนับสนุนก็พลอยดีใจไปด้วย
พระชายาของตนมีความสามารถถึงเพียงนี้ เขาจึงภาคภูมิใจในตัวนางเหลือเกิน
หลายหมู่บ้านและตำบลที่อยู่ติดกันล้วนหายจากวิกฤตในครั้งนี้ แต่ปัญหาที่เหลือก็คือแม่น้ำ
“แม่น้ำสายนี้ไปสิ้นสุดที่ใดเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอมิค่อยสันทัดเรื่องภูมิประเทศมากนัก จึงต้องขอให้มู่จวินฮานช่วย
“ความแตกต่างของแม่น้ำซ่างกวนอยู่ตรงนี้เพราะสุดท้ายมันจักกระจายเป็นหลายสายก่อนไหลออกจากต้าโจว”
กระจายออกไป ?
เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที หากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าพิษหนอนกู่
ยังสามารถทำร้ายราษฎรในแคว้นอื่นด้วยหรือ ?
ขึ้นชื่อว่าราษฎรต้าโจวหรือไม่ก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
“เริ่มกระจายเป็นสายตรงจุดใดเจ้าคะ ? ” เห็นท่าทางของนางแล้วมู่จวินฮานก็เข้าใจได้ทันที นางเป็นคนใจอ่อนและเขาก็รู้ดีกว่าใคร
“จุดที่ห่างจากนี้ประมาณ 10 ลี้”
อืม…
อันหลิงเกอพยักหน้าแล้วมองม้าที่อยู่ด้านหลัง
มู่จวินฮานทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจนใจ ก่อนกระโดดขึ้นหลังม้าแล้วยื่นมือมาดึงนางขึ้นม้าไปด้วยกัน
ชายาของเขายังมิรู้สึกถึงการเป็นพระชายาเลยสิท่า เพราะมิว่าเรื่องอันใดก็ล้วนลงมือด้วยตนเองทั้งสิ้น
เมื่อควบม้าจนถึงสถานที่ที่มู่จวินฮานเอ่ยถึง ท้องฟ้าก็มืดแล้ว อันหลิงเกอมองแม่น้ำที่เริ่มกระจายเป็นแม่น้ำสายตื้น ๆ อีกสิบสายก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมา
“จวินฮาน ท่านเคยตกปลาหรือไม่ ? ” มู่จวินฮานมิรู้ว่าเหตุใดนางจึงถามเช่นนี้
“ต้องเคยอยู่แล้ว” แม้ปกติมู่จวินฮานมิได้ชอบตกปลาแต่ก็เคยตกมาบ้าง
“เช่นนั้นท่านเคยเห็นสีเขียวที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำหรือไม่เจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอชี้ไปทางจุดที่มิไกลนักก็พบว่ามีสิ่งที่คล้ายกับพืชและคล้ายกับหนอนอยู่ใกล้ริมฝั่ง
“เคยเห็น เหมือนว่าจักเป็นใบไม้สีเขียวที่ตกไปในน้ำ…”
“ใช่แต่ก็มิใช่ ข้าก็เคยบังเอิญเห็นอยู่ครั้งหนึ่ง เจ้าสิ่งนี้มีฤทธิ์ดูดซับได้ดีมากเจ้าค่ะ”
กล่าวไปพลางอันหลิงเกอก็ชี้ไปยังโคลนที่โผล่พ้นน้ำตื้นออกมา
“หากสั่งให้คนมาปลูกพืชน้ำในบริเวณนี้มาก ๆ แล้วให้พืชชนิดนี้เติบโตได้ดี เมื่อพิษหนอนกู่ไหลมาถึงตรงนี้ก็จักถูกดูดซับเอาไว้ เช่นนี้ชาวบ้านที่อยู่ปลายน้ำก็มิได้รับความเดือดร้อนอันใดแล้วเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอกล่าวไปพลางถอนหายใจออกมา
“ตอนนี้แน่นอนว่ามิอาจขวางกั้นไว้ได้ทั้งหมดแต่ก็ทำได้เพียงพยายามสุดความสามารถเท่านั้น”
หากจำนวนพิษหนอนกู่เหลือมิมากและในระหว่างที่ไหลก็โดนขวางกั้นไว้ด้วยสิ่งต่าง ๆ เชื่อว่าจักมิมีผลร้ายแรงเท่าไรนัก
“ได้”
มู่จวินฮานขานรับปากออกมาพร้อมมองชายาในอ้อมกอดของตน นางรู้จักใช้ประโยชน์จากเวลา สถานที่และคนเพื่อกำจัดภัยพิบัติได้ราวเทพธิดาที่สวรรค์ส่งมาก็มิปาน มักทำเรื่องให้เขาต้องประหลาดใจได้เสมอ
“เจ้ามากความสามารถเช่นนี้ทำให้ข้าอดชื่นชมมิได้จริง ๆ ” เมื่อกล่าวจบก็เหมือนว่าระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่ได้ขยับใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“จวินฮาน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วพวกเรารีบกลับกันดีกว่าเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอมีท่าทีเขินอายเล็กน้อยจึงรีบผลักมู่จวินฮานแล้วหันไปด้านอื่นแทน
เห็นท่าทางเช่นนี้ของนางแล้วมู่จวินฮานก็รู้สึกพึงพอใจมิน้อย
ทำให้นางเสียอาการเพราะตนได้ช่างเป็นเกียรติเสียจริง
“ท่านอ๋อง แย่แล้วขอรับ ! ” เมื่อย้อนกลับมาหมู่บ้านแรกท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว ทว่าทั้งคู่มิได้ง่วงแม้แต่น้อย
เสียงของชิงเฟิงดังมาจากในหมู่บ้าน มู่จวินฮานก็คล้ายเห็นกองทัพอยู่ไกลออกไปเช่นกัน
กองทัพจากเมืองหลวงเยี่ยงนั้นหรือ ?
ส่วนอันหลิงเกอก็หรี่ตามองเช่นกัน ตอนมาถึงสถานที่อันตรายขนาดนั้นก็มิเห็นเมืองหลวงส่งใครมา ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว พวกเขาจักมาทำอันใด ?
“มีอันใดหรือ ? ” มู่จวินฮานถามออกไปอย่างสงบ
“เรียนท่านอ๋อง พวกเขานำศพมากกว่าสิบกว่ากลับไป ซึ่งเป็นศพที่พระชายาบอกว่าต้องเผาขอรับ”
ว่าอย่างไรนะ !
อันหลิงเกอขมวดคิ้ว พิษหนอนกู่ในร่างกายมิรู้ว่าหลับไหลนานเท่าใด หากมันฟื้นขึ้นมาอีกคงไร้วิธีทำให้พวกมันสงบลงได้แล้ว หากมันเข้าไปในวังจักเกิดอันใดขึ้น ?
“เร็วเข้า ! ”
บังเกิดเสียงควบม้าตามติดไป
มู่จวินฮานที่ยังมิได้ลงจากม้า ตอนนี้จึงพาอันหลิงเกอตามคนพวกนั้นไปทันที