พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 391 ไร้วิธีอื่น
ตอนที่ 391 ไร้วิธีอื่น
“ช้าก่อน” พระสุรเสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นจากทางด้านหลัง อันหลิงเกอหันไปมองจึงพบว่าผู้ที่สูงส่งเหนือผู้ใด บัดนี้มีพระพักตร์เคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด
“ฝ่าบาทเชิญตรัสได้เลยเพคะ” อันหลิงเกอย่อกายลง มิดูเย่อหยิ่งหรือถ่อมตนจนเกินไป
ที่จริงนางก็เข้าใจความหวาดระแวงที่ฮ่องเต้มีต่อมู่จวินฮานดี แค่มองนางก็รู้สึกได้ว่ามู่จวินฮานฉลาดและมีความสามารถมากกว่าฮ่องเต้ทีเดียว
มิว่ามองเยี่ยงไร เขามิได้มีความดีความชอบเหนือฮ่องเต้เท่านั้น แต่ความสามารถของเขายังเหนือกว่าด้วย
“หากสังหารคนพวกนี้แล้วจัดการเผาจักได้หรือไม่ ? ”
เมื่อได้ยินคำถามของฝ่าบาท อันหลิงเกอก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
นี่เป็นวิธีง่ายดายก็จริง แต่มิสามารถจัดการปัญหาโดยสิ้นซากได้ อีกอย่างชีวิตคนมากมายเช่นนี้หากฆ่าแกงในดาบเดียวก็เกรงว่าผู้คนจักแตกตื่นเอาได้
“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันอยากใช้คนพวกนี้เพื่อทดลองยา หากทำเช่นนี้จักได้กำจัดข้อสงสัยที่ฝ่าบาทมีต่อพิษหนอนกู่และยังสามารถรักษาพิษได้อย่างแท้จริงเพคะ”
อันหลิงเกอตั้งใจทูลเช่นนี้เพราะมิอาจทนมองผู้คนมากมายสละชีวิตเพียงแค่การตัดสินพระทัยที่ผิดพลาดของฮ่องเต้
อีกอย่างต่อให้พวกเขาตายก็มิได้หมายความว่ากำจัดพิษให้หายขาดได้ มีเพียงการตรวจสอบอย่างละเอียดเท่านั้นจึงสามารถหาวิธีรักษาพิษได้อย่างแท้จริง
“ได้ เช่นนั้นข้ามอบเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ หากเจ้าสามารถแก้ปัญหาในครั้งนี้ได้สำเร็จ ต่อไปเจ้าจักได้เป็นขุนนางหญิงขั้นสามแห่งสำนักหมอหลวง ! ”
ยศถาบรรดาศักดิ์พวกนี้ไร้ผลอันใดต่อนางทั้งสิ้น นางแค่ต้องการปกป้องชีวิตของคนเหล่านี้และปกป้องราษฎรต้าโจวก็เท่านั้น
“หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ”
ทันทีที่มู่จวินฮานออกจากคุกหลวงก็ได้ยินข่าวของอันหลิงเกอทันที
สุดท้ายพระชายาก็ถูกดึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องสกปรกจนได้
แม้เรื่องนี้เขาคาดการณ์เอาไว้แล้วก็ยังคาดมิถึงว่าพิษหนอนกู่จักตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เดิมทีเขาคิดว่าเผาศพพวกนั้นแล้วคงสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ระหว่างเคลื่อนย้ายศพเหล่านั้นพิษคงเกิดการแพร่กระจายเป็นแน่
เพราะพิษชนิดนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก การกำจัดมันได้ย่อมมิใช่เรื่องง่าย
“ชิงเฟิง เจ้ารีบไปวาดแผนที่ตามเส้นทางกลับวังในวันนั้นออกมา รวมทั้งถนนสายเล็กโดยรอบก็ต้องวาดให้ครบ”
มู่จวินฮานสั่งการไปพลางไตร่ตรองถึงภูมิประเทศต้าโจวไปด้วย
บัดนี้ทหารองครักษ์ในวังที่ติดเชื้อถูกพบแล้ว ทว่าคนที่อยู่นอกเมืองเล่า ?
คนที่อยู่ระหว่างทางอีกเล่า ?
“เจ้าไปตรวจสอบโรงหมอที่อยู่ระหว่างทางทั้งหมด หากพบคนมีอาการคล้ายโรคนี้ก็ให้แยกตัวไปรักษาที่เรือนในการปกครองของจวนอ๋องมู่ทันที” เมื่อจัดการเรื่องของราษฎรเสร็จ มู่จวินฮานก็เรียกรวมตัวเหล่าองครักษ์เงา “พวกเจ้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในวังหลวง ! ”
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่จวินฮานสั่งให้องครักษ์เงาเข้าวัง พวกเขารู้ดีว่าต้องเกี่ยวข้องกับพระชายาอย่างแน่นอน
พวกเขาก็ล้วนชื่นชมพระชายาด้วยใจจริง สตรีคนหนึ่งสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ
“รับทราบขอรับ ! ”
ฝั่งอันหลิงเกอก็เริ่มมีความคืบหน้าแล้วเช่นกัน อาการโดยพื้นฐานของผู้ป่วยล้วนเหมือนกัน มิแตกต่างจากผู้ป่วยที่พบนอกเมืองมากนักคือพวกเขาค่อย ๆ อ่อนแรงจากนั้นก็หลับไป
“พวกท่านไปเตรียมยาตามนี้แล้วให้ส่งไปตามบริเวณต่าง ๆ ทั่ววังหลวงโดยเฉพาะบริเวณคูเมืองและแหล่งน้ำในอุทยานหลวง” อำนาจของอันหลิงเกอมิด้อยกว่าหมอในสำนักหมอหลวงแม้แต่น้อย พวกเขาก็มิได้สงสัยในตัวนาง ทุกคนต่างไปทำตามที่นางสั่ง
อย่างไรพิษหนอนกู่ในครั้งนี้พวกเขาก็พอรู้คร่าว ๆ แต่มิมีผู้ใดทราบวิธีรักษาเลย
ทว่าสตรีเยี่ยงพระชายามู่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกเมืองได้ ช่างเป็นสตรีที่มิธรรมดาเลยจริง ๆ
“พระชายามู่ พวกเราทำตามที่สั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ”
พวกเขาล้วนทำตามที่อันหลิงเกอสั่งทุกประการ มิว่ามีอายุเท่าไรทุกคนก็มองอันหลิงเกอราวกับเป็นอาจารย์ของตนก็มิปาน
เพราะพวกเขาไร้ความรู้เรื่องการรักษาพิษหนอนกู่แม้แต่น้อยและคนที่อยู่แต่ในวังหลวงเยี่ยงพวกเขามิมีโอกาสค้นคว้าจากสถานการณ์ใด
แต่อันหลิงเกอมิเหมือนกัน เวลาว่างนางมักหาตำราโบราณมาศึกษา เรื่องเกี่ยวกับพิษหนอนกู่ นางก็เคยอ่านเจอโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง คาดมิถึงว่าจักนำมาใช้ประโยชน์ในครั้งนี้ได้
“จงไปหาทหารที่คุ้นเคยกับเส้นทางนอกเมืองหลวงแล้วให้พวกเขาตรวจสอบ…”
“เรื่องนี้อ๋องมู่ได้จัดการแล้ว”
ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่ด้านนอก ทอดถอนพระทัยแล้วตรัสออกมา
ครั้งนี้เพราะความด้อยปัญญาของพระองค์เอง ดีที่สองสามีภรรยาได้จัดการแก้ไขปัญหาทุกอย่างไว้ได้
ส่วนอันหลิงเกอเมื่อได้ยินคำว่า ‘อ๋องมู่’ ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขาเป็นคนฉลาดเสียจริง !
“ฝ่าบาท หากรวมด้านนอกเมืองหลวงด้วยแล้ว ตอนนี้มีผู้ป่วยทั้งสิ้นกี่รายเพคะ ? ”
อันหลิงเกอถามเช่นนี้ก็เพื่อต้องการคำนวณจำนวนสมุนไพรที่มีอยู่เพราะการรักษามิสู้ยับยั้งโรค เนื่องจากยาแก้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงปรุงสำเร็จ
“ตอนนี้ในเมืองหลวงมี 3,000 ราย นอกเมืองมีอยู่ 6,000 ราย”
6,000 ราย !
อันหลิงเกออดปวดหัวขึ้นมามิได้ แค่เฉพาะนอกวังหลวงก็มีคนป่วยอยู่มิน้อยแล้ว คนในเมืองหลวงสามพันรวมกับนอกเมืองอีกหกพัน
“ตอนนี้อยู่ที่ใดเพคะ ? ”
ผู้ป่วยมากมายเช่นนี้ อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรจัดให้อยู่ที่ไหนจึงจักปลอดภัย
“อ๋องมู่ให้พวกเขาไปอยู่ที่สนามฝึก”
ใช่แล้ว !
อันหลิงเกอยิ้มออกมาทันที สนามฝึก !
มู่จวินฮานฉลาดหลักแหลมเหนือคนทั่วไปจริง ๆ เขามักทำให้นางชื่นชมอยู่ตลอด
ตอนแรกมู่จวินฮานคิดพาพวกเขาไปอยู่ที่เรือนในปกครองของจวนอ๋องมู่ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อมีมากกว่าร้อยราย เขาจึงรู้ว่าทำเช่นนั้นมิได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงจัดสนามฝึกให้พร้อมเพื่อใช้รองรับผู้ติดเชื้อแทน
อีกทั้งกำแพงรอบสนามฝึกค่อนข้างสูงจึงทำให้มิสามารถเข้าหรือหนีออกไปด้านนอกได้โดยง่าย
“เยี่ยงนี้แล้วขอฝ่าบาททรงเตรียมข้าวของเพื่อช่วยเหลือราษฎรและหลีกเลี่ยงมิให้เกิดปัญหาอื่นแทรกขึ้นมาเพคะ”
ในจุดนี้ฮ่องเต้ก็คิดไว้แล้วเช่นกัน พระองค์จึงสั่งให้ทหารนำเงินไปช่วยสนับสนุนจนตอนนี้เงินในท้องพระคลังร่อยหรอยิ่งกว่าที่ใดก็ว่าได้
แต่หากมิรีบจัดการปัญหาในครั้งนี้ทั้งต้าโจวต้องเกิดวิกฤตขึ้นแน่ ทุกอย่างก็จักเป็นไปตามแผนที่แคว้นชิงเยว่วางเอาไว้
พระองค์มิใช่จักรพรรดิที่เป็นทรราช ครั้งนี้แค่ขาดการไตร่ตรองที่ดีจึงรีบนำเงินในท้องพระคลังออกมาใช้เพื่อปลอบโยนราษฎรก่อนเท่านั้น
อันหลิงเกอพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
สถานการณ์ในตอนนี้ การทำยาถอนพิษเกรงว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
“พระชายา ทางนี้ ทางนี้ขอรับ ! ”
ทันใดนั้นหมอหลวงที่เหมือนตกใจในบางอย่างก็ร้องเรียกอันหลิงเกอ นางจึงรีบเดินไปดู
งูน่ะหรือ ?
มีองครักษ์ผู้หนึ่งโดนงูฉกและตรงที่โดนฉกตอนแรกมีอาการแดงบวมแต่มินานก็เปลี่ยนเป็นรอยช้ำ
แย่แล้ว !
อันหลิงเกอกำลังเตรียมถอนพิษงูให้เขา แต่เห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนจากเขียวคล้ำค่อย ๆ กลับเป็นปกติ
“นี่มัน…”
หมอหลวงที่อยู่ตรงนั้นมิได้มีผู้ใดใส่ใจจึงมีเพียงอันหลิงเกอที่กำลังใช้ความคิด
ใช้พิษสยบพิษเองหรือ ?
“เฮือก…” เพียงครู่เดียวองครักษ์นายนั้นก็ฟื้นขึ้นมา
“ฝ่าบาท…”
ทุกคนเห็นเขาฟื้นขึ้นมาก็เกิดความสงสัยเพราะผู้ป่วยรายอื่นมิได้เป็นเช่นเขา
“ขอฝ่าบาทได้โปรดออกคำสั่งจับงูพิษชนิดนี้มาด้วยเพคะ หม่อมฉันจักนำพิษงูมาสกัดเป็นยารักษาให้ทุกคนเพคะ”
เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอกล่าวออกมา เหล่าหมอหลวงก็สบตากันโดยมิมีผู้ใดกล้าลองวิธีนี้แม้แต่คนเดียว
แม้ในตำรามีเขียนเรื่องใช้พิษแก้พิษไว้ก็จริง แต่ก็ถือเป็นวิธีที่อันตรายมาก
“รีบสั่งคนไปจับงูมาเดี๋ยวนี้ ! ” ฮ่องเต้ทำตามที่อันหลิงเกอชี้แนะทันที เพราะตอนนี้คนที่พระองค์ทรงเชื่อพระทัยได้มีเพียงอันหลิงเกอเท่านั้น
อันหลิงเกอมองงูพิษที่อยู่ในมือสลับกับองครักษ์ที่ได้สตินายนั้น ในที่สุดสีหน้าเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้น
ดูท่าแล้วงูพิษคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ต้านพิษหนอนกู่เป็นแน่
“รีบจัดยาตามใบสั่งต่อไป ! ” แต่ยาก่อนหน้านี้ก็ยังได้ผล เช่นนั้นงูพิษคงเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น
เพราะก่อนได้งูพิษมาช่วย ยานี้จักทำให้พิษหลับใหล ส่วนพิษงูเข้าไปทำลายเยื่อหุ้มของพิษหนอนกู่และทำให้ยาสามารถเข้ารักษาภายในร่างกายได้จนหายขาด !