พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 396 นางกำลังทำอันใด ?
ตอนที่ 396 นางกำลังทำอันใด ?
หลายวันแล้ว ทว่าปี้เถาก็ยังสืบมิพบว่าฟางซู่ซู่กำลังทำอันใดอยู่
แม้อันหลิงเกอมิรีบร้อน แต่เด็กคนนี้กลับร้อนใจเสียเอง
“พระชายา ปี้เถาบอกว่าทุกคืนฟางซู่ซู่จักอยู่ในห้องเพียงคนเดียว มิรู้ว่าทำอันใดเจ้าค่ะ” ปี้จูกลายเป็นคนคอยส่งสารระหว่างพวกนาง
“มิเป็นไร มิรีบ เจ้าไปบอกปี้เถาว่าทำการใหญ่อย่าใจร้อน”
ที่จริงแล้วแค่เห็นปี้เถา อันหลิงเกอก็รู้ข้อเสียของเด็กคนนั้นแล้ว แต่เพราะต้องการฝึกฝนนางด้วยจึงส่งไปยังสถานที่ฝึกความอดทนเช่นนั้น
วันหน้ามิว่าอย่างไรปี้เถาย่อมต้องการอยู่ข้างกายตนอยู่แล้ว อันหลิงเกอจึงให้ไปฝึกตนที่นั่นเสียก่อน
ทางด้านฟางซู่ซู่ยังเลี้ยงหนอนกู่ทุกวัน ตอนนี้หนอนที่อยู่กับนางตัวใหญ่ขึ้นมากแล้ว มิต้องดูก็รู้ว่าตัวที่อยู่ภายในร่างกายของอันหลิงเกอก็คงโตขึ้นมิน้อยเช่นกัน
“พระชายา คืนนี้ท่านอ๋องค้างที่เรือนฟางจูจึเจ้าค่ะ”
หืม ?
อันหลิงเกอขมวดคิ้วมุ่น มู่จวินฮานจักค้างคืนที่เรือนของฟางซู่ซู่อย่างนั้นหรือ ?
หรือเขาต้องการปลอบโยนที่อีกฝ่ายสูญเสียครอบครัว ?
จุดนี้เป็นสิ่งที่นางมิเข้าใจเพราะนางรู้จักมู่จวินฮานดี นางรู้ว่าเขามิใช่ผู้ชายที่ลุ่มหลงใน ‘สตรีแสนบอบบาง’ โดยง่าย
“จงบอกปี้เถาว่าคอยสังเกตไว้ให้ดี”
อันหลิงเกอก็มิรู้ว่าเหตุใดนางจึงเชื่อใจมู่จวินฮานถึงเพียงนี้ ราวกับรู้ว่ามู่จวินฮานมิมีทางทรยศและยิ่งไร้ทางไปมีอันใดกับฟางซู่ซู่อย่างแน่นอน
แต่ที่นางสงสัยก็คือความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างที่เกิดขึ้น
“พระชายา ทางนั้น…เข้านอนแล้วเจ้าค่ะ”
แสงเทียนในเรือนฟางซู่ซู่ดับลงแล้ว เห็นได้ชัดว่านางและมู่จวินฮานเข้านอนพร้อมกัน
อันหลิงเกอก็มิรู้เหตุใดหัวใจของนางถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ความรู้สึกในครั้งนี้แตกต่างจากความเจ็บที่ผ่านมาทุกครั้ง ราวกับมันเชื่อมความเจ็บปวดไปทั่วร่างกายจนนางรู้สึกแสบจมูก
ที่จริงนางมิเคยคิดมาก่อนว่าชาตินี้นางจักเชื่อคนได้ง่าย ๆ อีก
แต่นางมิอยากยอมรับความจริงที่ว่ามู่จวินฮานทำให้นางผิดหวัง นางยอมคิดว่าเรื่องพวกนี้เกิดจากความเข้าใจผิดและความลำบากใจของเขาดีกว่าไปสงสัยในตัวเขา
“พระชายา ปี้เถาส่งข่าวมาเจ้าค่ะ ! ” ในตอนที่อันหลิงเกอกำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่นั้นก็เห็นปี้จูวิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง
ยามที่รับกระดาษมา หัวใจของอันหลิงเกออดเต้นระรัวมิได้ มิรู้ว่าเพราะฟางซู่ซู่หรือเพราะมู่จวินฮานกันแน่
‘กลางดึกท่านอ๋องออกไปทางประตูหลัง’
ออกไปแล้วหรือ ?
ข้อความนี้ทำให้อันหลิงเกออดยิ้มออกมามิได้ นางยังมิทันเผากระดาษแผ่นนั้นทิ้งก็มีมือคู่หนึ่งสวมกอดเอวของนางเอาไว้เสียก่อน
กลิ่นกายแสนคุ้นเคยทำให้นางมิต้องเดาก็รู้ว่าเป็นมู่จวินฮาน
“เหตุใดท่านมินอนที่นั่นเล่า ท่านมาหาข้าด้วยเหตุใดเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอตั้งใจถาม
“หืม ? เจ้าหึงข้าหรือ ? ” มู่จวินฮานกล่าวพร้อมหัวเราะออกมา เนื่องจากเขาฟังความหมายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของนางออก
“มิใช่เจ้าค่ะ” อันหลิงเกอเบือนหน้าหนี นางก็มิรู้ว่าเป็นอันใดกันแน่ แค่รู้สึกเสียใจจนอยากร้องไห้ขึ้นมาเท่านั้น
นางมิเคยมีความรู้สึกเยี่ยงนี้มานานแล้ว แต่หลังจากได้พบมู่จวินฮานก็เริ่มเกิดความหมกมุ่นในหลายสิ่ง
“อึก”
ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็จับที่หน้าอกเพราะรู้สึกเจ็บหัวใจจนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“เกอเอ๋อ ! ” มู่จวินฮานเห็นดังนั้นก็ขบกรามแน่นพลางหันไปมองยังทิศของเรือนฟางซู่ซู่
นังผู้หญิงสารเลว !
“เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องไปทำ”
อันหลิงเกอรู้สึกเจ็บจนไร้เรี่ยวแรงที่จักเอ่ยปากถามว่าเหตุใดมู่จวินฮานต้องไปด้วย ทว่าตอนนี้นางทำได้แค่ขดตัวอยู่เยี่ยงนั้น
ก่อนจากไปมู่จวินฮานได้กำชับให้ปี้จูและหมิงซินดูแลอันหลิงเกอดี ๆ
“พระชายา ! ”
เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของอันหลิงเกอ พวกนางจึงรีบช่วยกันพยุงเจ้านายขึ้นมาบนเตียง จากนั้นก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายอย่างใกล้ชิด
อันหลิงเกอรู้สึกว่าคราวนี้เป็นความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิม อวัยวะภายในราวกับแตกสลายคล้ายมีหนอนพิษตัวหนึ่งกำลังกัดกินเส้นลมปราณของนางอยู่
…
“เจ้าคิดทำอันใด ! ” เมื่อมาถึงเรือนฟางซู่ซู่ มู่จวินฮานก็ใช้เท้าถีบประตูเข้าไปทันที เขาชี้กระบี่ไปที่ฟางซู่ซู่โดยมิได้สนใจสิ่งใดอีก
“ท่านอ๋องกล่าวหากันเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ซู่ซู่แค่หวังว่าท่านจักรักษาสัญญาเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” ฟางซู่ซู่วางกล่องในมือลง จากนั้นก็ปิดมันไว้อีกครั้ง
“สัญญาหรือ ? เฮอะ เปิ่นหวางรับปากแค่เจ้าจักปลอดภัยเท่านั้น ! ”
ในตอนนี้มู่จวินฮานรู้สึกโมโหอย่างมาก เขาเคยโดนบีบบังคับเช่นนี้เสียเมื่อไร ?
“หากท่านอ๋องมิรับปากซู่ซู่ก็มิเป็นไรเพราะเมื่อใดที่หนอนตัวนี้ตาย พระชายาก็จักตายตามไปด้วย ส่วนชีวิตข้าจักตายก็คงมิเสียดายอยู่แล้ว”
ฟางซู่ซู่แสดงอำนาจออกมาจนมู่จวินฮานอดขมวดคิ้วแน่นมิได้
สตรีเยี่ยงนางช่างน่ากลัวเสียจริง !
…
“พระชายาเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ! ” เมื่อเห็นอันหลิงเกอมีอาการดีขึ้น ปี้จูจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เมื่อครู่ข้าเป็นอันใดไป” อันหลิงเกอมิเข้าใจว่าเหตุใดตนจึงมีอาการรุนแรงเช่นนั้นได้ ราวกับนางโดนของอย่างไรอย่างนั้น
น่าเสียดายที่นางมิเชื่อเรื่องงมงาย มิเช่นนั้นนางคงไปดูดวงที่วัดแล้ว
“พระชายาทำหมิงซินตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ” หมิงซินมีเหงื่อผุดออกมาเต็มไปหมด เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก
“จวินฮานอยู่ที่ใด ? ” อันหลิงเกอมองไปโดยรอบ เมื่อครู่เขาก็อยู่ด้วยมิใช่หรือ
“ปี้เถาอาศัยช่วงชุลมุนบอกมาว่าท่านอ๋องไปที่เรือนนั้นเจ้าค่ะ”
เป็นไปได้อย่างไร ?
เรื่องเช่นนี้อันหลิงเกอมิมีทางเชื่อเด็ดขาด เมื่อครู่เกิดเรื่องกับนางถึงเพียงนี้แต่มู่จวินฮานกลับไปหาฟางซู่ซู่
ภายในใจนางเหมือนมีข้อสงสัยอันใดบางอย่าง แต่อันหลิงเกอมิสามารถปะติดปะต่อได้
“ปี้เถายังบอกอันใดอีกบ้าง ? ”
“ปี้เถาบอกว่าท่านอ๋องมีท่าทางโกรธมาก ทั้งยังเอ่ยเรื่องการข่มขู่ด้วยเจ้าค่ะ”
ข่มขู่หรือ ?
ใช่อาการของโรคหรือไม่ ?
เรื่องทั้งหมดดูบังเอิญเกินไป
ทันใดนั้นอันหลิงเกอเพิ่งนึกออกว่าอาการประหลาดของตนเพิ่งเกิดหลังจากที่ฟางซู่ซู่ปรากฏตัว
เรื่องนี้มีความลับอันใดที่นางมิรู้กันแน่ ?
กลางดึก หลังจากที่อันหลิงเกอหลับไปแล้ว บุรุษที่แอบอยู่ด้านหลังก็ถอนหายใจออกมาแล้วค่อย ๆ ก้าวไปนั่งอยู่ข้างเตียงของนาง
“ข้าปกป้องเจ้ามิดีเอง” กล่าวจบเขาก็เตรียมเดินจากไป
ทว่ามือที่เรียวยาวข้างหนึ่งกลับคว้าข้อมือของเขาเอาไว้
“หากท่านอยากช่วยเกอเอ๋อ มิสู้บอกความจริงแล้วเรามาร่วมฟันฝ่าไปด้วยกันดีหรือไม่เจ้าคะ”
เสียงของอันหลิงเกอทำให้มู่จวินฮานตกตะลึง เขานิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจักเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“ที่แท้ก็เพราะพิษหนอนกู่หรือเจ้าคะ ? ”
เมื่อฟังมู่จวินฮานเล่าจบ อันหลิงเกอจึงเข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะฟางซู่ซู่
น่าเสียดายที่นางมิรู้เรื่องหนอนกู่มากนัก เช่นนั้น…ใช่แล้ว ปี้เถา !
ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็นึกขึ้นมาได้ว่าแม้ปี้เถามิรู้รายละเอียดอันใด แต่ตอนนี้ก็อยู่ข้างกายฟางซู่ซู่ ขอเพียงให้นางคอยเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิด บางทีก็อาจคิดหาทางออกได้
“วันหน้าห้ามมีเรื่องปิดบังข้าอีกนะเจ้าคะ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอมีความเอาแต่ใจเล็กน้อย
ทำให้มู่จวินฮานอดจ้องมองชายาที่อยู่ตรงหน้ามิได้ ทั้งที่นางกำลังอ่อนแอแต่ก็แสดงออกว่าเข้มแข็งกว่าบุรุษบางคนเสียอีก
สถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ นางยังสามารถกล่าวออกมาได้อย่างมิทุกข์ร้อน ทั้งยังพร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับตนเช่นนี้ มู่จวินฮานจักมิรักนางได้เยี่ยงไร?
ทั่วทั้งใต้หล้าถ้าบอกว่ามีสตรีคนหนึ่งที่เหมาะสมกับมู่จวินฮานก็เกรงว่าจักเป็นอันหลิงเกอผู้นี้!