พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 405 มิพอใจ
ตอนที่ 405 มิพอใจ
อันหลิงเกอรู้สึกว่าคำพูดของมู่จวินฮานรื่นหูนางอย่างยิ่งนักจึงมิได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ ทั้งสองคนจึงเดินเข้าห้องไปด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น อันหลิงเกอตื่นขึ้นมาก็ถูกมู่จวินฮานบังคับให้ทานอาหารเช้าก่อนออกไปข้างนอก จนถึงถนน เขาก็มองห่อขนมมากมายที่อยู่เต็มสองมือของนาง มู่จวินฮานถึงได้เข้าใจที่นางบอกว่า “ในเมื่อจักไปเดินตลาดอยู่แล้วก็มิต้องทานมื้อข้าวหรอกเจ้าค่ะ”
ชายาคนนี้เปลี่ยนเป็นจอมตะกละตั้งแต่เมื่อใดกัน ?
มู่จวินฮานอดส่ายหน้าอย่างระอามิได้
“เถ้าแก่ ถั่วนี้อร่อยจริง ๆ ข้าเอา 2 ชั่ง ข้าจักเอากลับไปทานที่เรือน ! ”
ที่จริงแล้วอันหลิงเกอมาอยู่ที่จวนอ๋องมู่ถึงได้รู้สึกดีเช่นนี้เพราะเมื่อก่อนตอนอยู่จวนโหวนางต้องคอยระวังทุกฝีก้าว ตอนนี้สบายใจขึ้นมิน้อยจึงได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกมากขึ้น
เถ้าแก่ชั่งถั่วเสร็จ อันหลิงเกอกลับมิยื่นมือออกมารับแต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
รอจนมู่จวินฮานเดินเข้ามาใกล้ นางจึงเรียกเขาอย่างดีใจ “จวินฮาน มานี่เร็วเข้า ! ”
เถ้าแก่ย่อมจำมู่จวินฮานได้ อ๋องมู่ที่เคร่งขรึมอยู่เป็นนิจ บัดนี้ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมหอบหิ้วขนมเต็มสองมือขณะหยอกล้ออันหลิงเกอไปตลอดทาง “อยากทานหรือ ? ถือเองสิ”
อันหลิงเกอมองไปโดยรอบแล้วหยุดมองเขาอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็ยังมิยอมถือให้นาง นางจึงส่งเสียง หึ ออกมาเบา ๆ แล้วเดินไปร้านขายผลไม้เคลือบน้ำตาลแทน
“เด็กคนนี้” มู่จวินฮานรับถั่วมาแล้วรีบเดินตามหลังต้อย ๆ “เกอเอ๋อ ช้าลงหน่อย”
“นั่นคงเป็นพระชายามู่กระมัง ? ” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวออกมาด้วยเสียงเพ้อฝัน “อ๋องมู่ดีกับนางจริง ๆ มิเหมือนคนบางคน หึ ! ”
เถ้าแก่ส่ายหน้าอย่างจำยอมพร้อมยิ้มแห้งออกมา
ท่ามกลางฝูงชนยังมีอีกคนที่สนุกสนานเช่นเดียวกับอันหลิงเกอ แม้นางมีอายุไล่เลี่ยกับอันหลิงเกอแต่นางเพิ่งเคยเห็นบรรยากาศเช่นนี้เป็นครั้งแรก
หลิงอวี่หนิงถูกปล่อยตัวเพราะงานเทศกาลโคมไฟ แต่คาดมิถึงว่าออกจากจวนมาก็จักพบมู่จวินฮานและอันหลิงเกอเข้าพอดี
ภาพความรักใคร่กันเหมือนที่นางได้เห็นในครั้งก่อนทำให้นางขบกรามแน่นด้วยความริษยา
อาจเพราะแววตาที่แผดเผาของหลิงอวี่หนิงจึงทำให้อันหลิงเกอรับรู้ได้ นางขมวดคิ้วก่อนมองสำรวจไปโดยรอบ จากนั้นจึงแตะที่แขนของมู่จวินฮาน “นั่น สาว ๆ ของท่าน”
มู่จวินฮานมองไปตามสายตาของนางแล้วหันกลับมาอย่างมิใส่ใจ “ใกล้ยามอู่ ( 11.00 – 12.59 น. ) แล้ว เจ้าอยากทานอันใด ? ”
อันหลิงเกอเห็นเขามิสนใจจึงยิ้มออกอีกครั้ง “มีไก่ย่างหรือไม่ ข้าอยากทาน อาหารในจวนรสจืดเกินไป อ่อนเค็มบ้าง อ่อนมันบ้าง มิถูกปากข้าเลยเจ้าค่ะ”
“สั่งให้เปลี่ยนก็ได้” มู่จวินฮานยิ้มออกมา แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ตามใจเจ้าจักไปยากอันใด”
หลิงอวี่หนิงเห็นคนทั้งสองเดินไกลออกไปเรื่อย ๆ รอยยิ้มเมื่อครู่ของอันหลิงเกอถูกหลิงอวี่หนิงเข้าใจไปว่าโดนอีกฝ่ายยิ้มยั่ว แล้วนางจักปล่อยสองคนไปโดยง่ายได้อย่างไร เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งก่อนอันหลิงเกอปฎิเสธมิยอมให้นางเข้าพบ วันนี้มาแสดงท่าทางรักใคร่กับมู่จวินฮานบนท้องถนน นางจักทนได้เยี่ยงไร !
“แม่นางโปรดหยุดก่อน ท่านอ๋องมิต้องการถูกรบกวน โปรดเข้าใจด้วย” ทันใดนั้นองครักษ์เงาก็กระโดดออกมาขวางทางหลิงอวี่หนิงเอาไว้
มู่จวินฮานได้จัดการทุกอย่างไว้แล้ว เขาออกมาเที่ยวข้างนอกกับอันหลิงเกอจึงมิต้องการให้เกิดความยุ่งยากใดขึ้น
หลิงอวี่หนิงถูกกระตุ้นโทสะขึ้นมา “เจ้ากล้าขวางข้าหรือ ? ข้าเป็นบุตรีของแม่ทัพใหญ่ เจ้ามีกี่ชีวิตถึงกล้าขวางข้าเช่นนี้ ! ”
องครักษ์เงามิได้สนใจราวกับว่าเขาเป็นหินที่ไร้ความรู้สึก
“คุณหนู ช่างเถิดเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพรู้เข้า…” สาวใช้ที่อยู่ข้างกายรีบเอ่ยเตือน
“หุบปาก ! ”
ตอนนี้หลิงอวี่หนิงมองมิเห็นเงาของคนทั้งสองแล้วจึงยอมจากไปด้วยความหงุดหงิด
ตั้งแต่ที่หลิงอวี่หนิงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างอันหลิงเกอและฟางซู่ซู่ นางก็เริ่มสืบความเคลื่อนไหวของฟางซู่ซู่ แต่ฟางซู่ซู่แต่งเข้าจวนมานานถึงเพียงนี้แล้วมิทำอันใดที่เป็นประโยชน์เลย
“เจ้าไปสืบสิว่าช่วงนี้ฟางซู่ซู่กำลังทำอันใดอยู่” หลิงอวี่หนิงกลอกตาไปมา ดวงตาแฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย
นางมิมีทางปล่อยเรื่องนี้ไปโดยง่าย หรือหากท่านพ่อจักให้นางแต่งกับลู่จ้าน นางยอมตายเสียยังดีกว่า !
หลังสาวใช้รับคำสั่งและออกไปแล้ว หลิงอวี่หนิงก็นั่งอยู่ในห้องเพื่อรอข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
“เรียนคุณหนู บ่าวได้ยินว่าอีกมิกี่วันอันผิงกงจู่จักจัดงานชมบุปผาแล้วก็จักเชิญฟางซู่ซู่มาด้วยเจ้าค่ะ”
นางกวักมือเรียกสาวใช้เข้ามาใกล้ ๆ แล้วอีกฝ่ายก็กระซิบถาม “แต่คุณหนูเจ้าคะ พวกเรามิได้เทียบเชิญจากอันผิงกงจู่เจ้าค่ะ”
หลิงอวี่หนิงยกมุมปากยิ้มอย่างพอใจ “เรื่องนี้มิต้องร้อนใจไปหรอกเพราะข้ามีวิธี”
ตอนนี้นางต้องร่วมมือกับฟางซู่ซู่เพื่อโค่นล้มอันหลิงเกอ จากนั้นนางก็จักได้ขึ้นเป็นพระชายาของมู่จวินฮาน แค่นึกถึงวันนั้นนางก็มีความสุขแล้ว
ถึงเวลานั้นท่านพ่อยังมิเห็นด้วยได้หรือ ?
มิสนใจตำแหน่งพระชายาเอกของมู่จวินฮานเพื่อได้เป็นพระชายาเช่อเฟยของลู่จ้านน่ะหรือ ? หลิงอวี่หนิงคิดว่าท่านพ่อต้องคิดได้แน่นอน บัดนี้นางก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
ตอนนี้อันผิงกงจู่ได้รับพระราชทานจวนนอกวังจึงมิได้อาศัยอยู่ภายในวังอีกแล้ว พวกที่ไร้เทียบเชิญจึงสามารถปะปนเข้าไปได้โดยง่าย
เพราะสหายของนางส่วนใหญ่ล้วนเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดี หากนางเข้าไปพร้อมสหายก็ย่อมมิมีผู้ใดมาขวางได้
ทางด้านอันหลิงเกอก็ได้รับเทียบเชิญจากอันผิงกงจู่เช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงผู้คนมากมายนางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
ทั้งมีความขัดแย้งกับอันผิงกงจู่ก่อนหน้านี้ การไปครั้งนี้คงเป็นเรื่องวุ่นวายน่าดู นางมองเทียบเชิญในมือแล้วก็มิรู้ว่าควรทำเช่นไรดี
มู่จวินฮานบังเอิญเดินเข้ามาพอดี เห็นนางขมวดคิ้วมองเทียบเชิญในมือก็เข้าไปกอดนางไว้แนบอก ก่อนจักถามเสียงเบา “เป็นอันใดไปหรือ ? ผู้ใดทำให้เกอเอ๋อของข้ามิสบอารมณ์เช่นนี้ ? ”
“เพราะท่าน ข้าจึงได้รับเทียบเชิญนี้เจ้าค่ะ” นางทราบความคิดของอันผิงกงจู่ดี แต่ก็มิรู้จักทำเช่นไร
สตรีที่ชมชอบมู่จวินฮานเหตุใดจึงมีมากมายเพียงนี้ ?
“สตรีเหล่านี้ว่างมากหรือไร ชอบจัดงานพบปะพูดคุยอยู่เรื่อย”
“ใช่เจ้าค่ะ” นางส่งเสียง หึ ออกมาแล้วผลักเขาเบา ๆ “ข้ามิอยากไปจริง ๆ แม้อันผิงกงจู่อยู่นอกวัง แต่อย่างไรนางก็เป็นพระธิดาคนโปรดของฮ่องเต้ ช่วงนี้ข้ารับมือพวกนางมิไหวหรอกเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานจึงเก็บเทียบเชิญเข้าในอกเสื้อแล้วลูบศีรษะของนางเบา ๆ “ในเมื่อพระชายากล่าวถึงเพียงนี้แล้ว เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเองเถิด” เขามิอยากให้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาทำให้อันหลิงเกอต้องโมโห
เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ นางก็หายหงุดหงิดขึ้นมาในพริบตา จากนั้นเดินเข้าไปเกาะแขนของเขาพร้อมรอยยิ้ม “ชิงเฟิงกล่าวไว้มิผิดว่าตอนนี้ท่านช่างมีน้ำใจยิ่งนัก”
มู่จวินฮานอดยิ้มออกมามิได้ ชายาคนนี้พอได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็มาพูดดีเช่นนี้ตลอด
มินานอันผิงกงจู่ก็ได้พบบ่าวที่มู่จวินฮานส่งไปเพื่อแจ้งว่าพระชายามิสบายจึงมิสามารถมาร่วมงานได้
แม้นางมิพอใจแต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ จากนั้นก็โบกมือไล่ เพราะความคิดของมู่จวินฮานผู้ใดก็ขัดมิได้ทั้งนั้น
เพียงพริบตาก็ถึงวันงานชมบุปผา
หลิงอวี่หนิงเดินตามหลังสหายเข้ามาในสวนได้อย่างราบรื่น
“คุณหนู พวกเราจักไปหาฟางซู่ซู่ที่ไหนเจ้าคะ ? ” สาวใช้ที่เดินตามอยู่ด้านหลังของหลิงอวี่หนิงกระซิบถามขึ้นมา